xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

แผนอำมหิต เหลี่ยมปูสยบม็อบยาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กิตติรัตน์ ณ ระนอง
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ฮึ่มฮั่มกันถึงขั้นจะปิดประเทศ ตัดขาดภาคใต้จากแผนที่ประเทศไทย ยกระดับชุมนุมประท้วงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ไม่จริงใจ ไม่ช่วยชาวสวนยางเหมือนกับช่วยชาวนา แต่ตลอดสิบกว่าวันในการรุกไล่ กดดัน ต่อรองกันระหว่างม็อบยางกับรัฐบาลชนิดที่ว่าทั้งทุบ ทั้งขู่ ทั้งปลอบ ทั้งเผา มีทั้งปืน ทั้งเสียงระเบิด สุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็สามารถตกลงกันได้

เมื่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 10 ก.ย. 56 มีมติตามที่คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) เห็นชอบในการประชุม เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 56 ให้เพิ่มเงินช่วยเหลือปัจจัยการผลิตแก่ชาวสวนยางจาก 1,260 บาท/ไร่ เป็น 2,520 บาท/ไร่ สูงสุดไม่เกิน 25 ไร่ หรือ 6.3 หมื่นบาทต่อครอบครัว ในระยะเวลา 7 เดือน ตั้งแต่ ก.ย. 56 - มี.ค. 57 โดยใช้เงินทั้งสิ้น 21,288 ล้านบาท

ความช่วยเหลือนี้ กยน. เสนอขอ ครม. ให้ใช้เงินจากงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยจะเปิดลงทะเบียนเกษตรกรในวันที่ 10 - 30 ก.ย. นี้ หลังจากนั้นจะใช้เวลาตรวจสอบพื้นที่อีก 30 วัน และใช้เวลาออกใบรับรองอีก 15 วัน จากนั้นทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะทำการโอนเงินในงวดเดียวเข้าบัญชีโดยตรงของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนบัญชีไว้

จากมติดังกล่าวถือเป็นการให้ความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นเท่าตัว จากเดิมมติ กยน. เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 56 เคาะที่ไร่ละ 1,260 บาท รายละไม่เกิน 10 ไร่ ซึ่งคิดเฉลี่ยเป็นเงินสมทบ 6 บาทต่อ กก. หากคำนวณจากราคายางปัจจุบันอยู่ที่กก.ละ 78 บาท บวกเพิ่มอีก 6 บาท รวมแล้วก็จะได้เพิ่มแค่ 84 บาท/กก. เท่านั้น ราคานี้ไม่อาจทำให้ม็อบยอมสยบลงได้ แต่เมื่อรัฐบาลเพิ่มเม็ดเงินช่วยเหลือเป็นเท่าตัว เท่ากับช่วยให้ชาวสวนยางได้เงินเพิ่มขึ้นจากราคาตลาด กก.ละ 12 บาท ก็เท่ากับว่าชาวสวนยางจะมีรายได้เทียบเคียง 90 บาท/กก. ตามที่ข้อเรียกร้องขั้นต่ำที่สุด นี่เป็นเหตุผลที่รัฐบาลอธิบายกับม็อบและบอกกับสังคมว่าดูแลทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม

การขยับก๊อกสองของรัฐบาล ทำให้ม็อบชาวสวนยางภาคใต้เสียงอ่อนยอมรับข้อเสนอ ดังนั้นโอกาสที่จะมีการปลุกม็อบและยกระดับการชุมนุมของแกนนำม็อบบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้แน่นอนย่อมทำได้ยากขึ้น เพราะพลังม็อบจาก 14 จังหวัดภาคใต้ บวก 2 รวมเป็น 16 จังหวัด เสียงแตกไปกันคนละทางสองทาง ซึ่งผลที่ปรากฏเป็นเฉกเช่นเดียวกับก๊อกแรกที่รัฐบาลโยนเศษเงินให้ความช่วยเหลือไร่ละ 1,260 บาท รายละไม่เกิน 10 ไร่ ทำให้ม็อบชาวสวนยางภาคเหนือและอีสาน ไม่มาปิดประเทศตามนัดหมายกับพี่น้องชาวสวนยางภาคใต้มาแล้ว

รัฐบาลพรรคเพื่อไทยรู้ดีว่าถึงแม้จะทุ่มงบช่วยเหลือชาวสวนยางภาคใต้ให้ราคายางพุ่งสูงถึง 120 บาท/กก. ตามข้อเรียกร้องขั้นสูงสุด ก็ไม่ได้ช่วยให้พรรคได้เก้าอี้ ส.ส.ในภาคใต้แม้สักที่นั่งเดียว เพราะคนใต้นั้นเขาสมัครใจเลือกพรรคประชาธิปัตย์ จนมีเสียงค่อนแคะว่า พรรคนี้เอาเสาไฟฟ้าลงก็ยังได้รับเลือกตั้ง ดังนั้น หัวเด็ดตีนขาดยังไง ก็ไม่มีทางที่ทุ่มเทให้กับภาคใต้เอาแค่ดูแลแบบขอไปทีเท่านั้นก็พอแล้ว เหตุนี้ สูตรในการช่วยเหลือชาวสวนยางจึงออกมาไม่เหมือนชาวนาที่ให้เต็มที่มากกว่ากันหลายเท่าตัว

สำหรับชาวนานั้น รัฐบาลรับประกันราคาข้าวตันละ 15,000 บาท แม้ว่ารอบนี้จะจำกัดวงเงินไม่เกิน 3.5 แสนบาทต่อครัวเรือน หมายถึงว่าเกษตรกรชาวนาที่ขึ้นทะเบียน มีใบประทวนก็เอาข้าวไปขายในราคานี้ได้เลย โรงสี พ่อค้าข้าว ก็ได้ราคานี้เช่นกัน แต่สำหรับชาวสวนยางแล้ว รัฐบาลกลับช่วยเหลือเรื่องปัจจัยการผลิตในอัตรา 2,520 บาท/ไร่ ไม่เกิน 25 ไร่ โดยให้กับเกษตรกรเจ้าของสวนยางที่มีเอกสารสิทธิ์เท่านั้น แทนที่จะรับประกันราคาโดยตรงกก.ละ 90 บาท อย่างที่ม็อบเรียกร้อง

นั่นหมายความว่า บรรดาพ่อค้าชาวสวนยางภาคใต้ที่กักตุนซื้อยางมาสต็อกในโกดังราคาถูก กก.ละ 60-70 บาท ก็คงต้องผิดหวังไปตามๆ กัน เพราะเงินไม่ได้ลงไปแทรกแซงราคาตลาดแม้แต่บาทเดียว และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยนั้นเชื่อว่าเหตุการณ์ป่วนคราวนี้มีพ่อค้าคนกลางอยู่เบื้องหลัง ดังที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย บอกว่า "การชุมนุมของแกนนำชาวสวนยางนั้นมีพ่อค้าคนกลางที่จัดซื้อสต๊อกยางอยู่เบื้องหลัง เนื่องจากจะได้รับประโยชน์มหาศาล เพราะหากซื้อสต็อกยางเก็บไว้ประมาณหมื่นตัน ในราคากิโลกรัมละ 65-75 บาท แล้วรัฐบาลพยุงราคาที่ 90 บาท จะทำให้ได้กำไรส่วนต่างกว่า 100 ล้านบาท"

ดัดหลังพ่อค้าคนกลาง ซึ่งจำนวนไม่น้อยที่เป็นหัวคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่สำคัญ หากรัฐบาลใช้วิธีพยุงราคาตามข้อเรียกร้อง ชาวสวนยางที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือ ชาวสวนยางภาคใต้ ฐานเสียงของคู่แข่งทางการเมือง ขณะที่ชาวสวนยางชาวเหนือและอีสานนั้น มีปริมาณผลผลิตน้อยกว่า เพราะยางที่ปลูกมากที่สุดสองภาคนี้ในยุครัฐบาลทักษิณ ตามโครงการปลูกยางล้านไร่ ระหว่างปี 2547 - 2549 ก็เพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มกรีดยาง ไม่นับว่าบางสวนต้นยางไม่ให้น้ำยางเพราะกล้ายางที่ได้รับแจกไปปลูกนั้นคุณภาพต่ำ การให้ความช่วยเหลือโดยเหมารวมเป็นไร่ จึงจะทำให้ชาวสวนยางภาคเหนือและอีสาน ที่เป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ได้ประโยชน์มากกว่า และไม่ได้ทำให้มวลชนของพรรคในสองภาคนี้มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะส่วนใหญ่เจ้าของสวนยางในภาคเหนือและอีสานนั้นเป็นผู้กรีดยางเอง ไม่เหมือนชาวสวนยางภาคใต้ที่มีระบบรับจ้างกรีดเป็นหลัก

แต่การให้ความช่วยเหลือด้านปัจจัยการผลิตที่มีแต่เจ้าของสวนยางเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ ไม่ได้ตอบโจทย์พี่น้องชาวสวนยางภาคใต้ที่ส่วนใหญ่จะเป็นระบบการผลิตแบบแบ่งรายได้ระหว่างเจ้าของสวนยางกับคนรับจ้างกรีดยาง ตามอัตราส่วนแบ่ง 60/40 หรือ 50/50 การช่วยเหลือในลักษณะดังกล่าวจึงมองได้ว่า นี่เท่ากับเป็นการวางหมากทำให้เกิดความแตกแยกกันเองระหว่างเจ้าของสวนกับคนรับจ้างกรีดยาง หากรุนแรงถึงขั้นแบ่งกันไม่ได้ เคลียร์กันไม่ลง ก็ส่อเค้าว่าจะเกิดความขัดแย้งในพื้นที่ ลดพลังความสมัครสมานสามัคคีของชาวใต้ เข้าทางความต้องการแยกสลายมวลชน ตามยุทธวิธีแบ่งแยกแล้วปกครอง ซึ่งเป็นเรื่องที่กุนซือพรรคเพื่อไทยถนัดในการใช้จัดการม็อบมานักต่อนักแล้ว

งานนี้จึงไม่เพียงแค่แบ่งแยกชาวสวนยางภาคเหนือและอีสานออกจากชาวสวนยางภาคใต้เท่านั้น แม้แต่เจ้าของสวนยางและคนรับจ้างกรีดยางในภาคใต้ ก็ถูกแบ่งแยก ทับซ้อนอีกชั้นหนึ่งอีกด้วย เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ใช้จัดการกับม็อบสวนยางภาคใต้จนอยู่หมัด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพี่น้องชาวใต้ไม่มีทางเลือก เมื่อถูกมัดมือชก ถูกกดดันพร้อมใช้กำลังเจ้าหน้าที่สลายม็อบอยู่ตลอดเวลา ข่มขู่ดำเนินคดีกับแกนนำในข้อหาก่อการร้าย และจับกุมคุมขังแกนนำ ทำให้ไร้หัวขบวน ในขณะที่อีกฟากหนึ่งก็ใช้การเจรจายืดเยื้อจนม็อบยอมสลาย ยอมเปิดถนน เปิดเส้นทางรถไฟ ทำให้ฟากรัฐบาลกุมสภาพได้ พร้อมกับใช้ยุทธวิธีแยกสลายมวลชนไม่ให้รวมกันติดอีกในภายภาคหน้า

การตกอยู่ในที่นั่งลำบากต่อรองกับรัฐบาลได้ยากของม็อบสวนยาง นอกจากเหตุผลที่ว่าไม่ได้เป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยแล้ว ประเด็นที่สำคัญที่สุด คือ ความไม่เอาอ่าวของพรรคประชาธิปัตย์ ที่พวกตัวเองเลือกให้เป็นตัวแทนนั่นเอง โดยจะเห็นได้ว่านับแต่เกิดเรื่อง พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้แสดงบทบาทท่าทีอะไรที่หนักแน่นหนุนหลังม็อบให้มีพลัง มีแต่โวหารหากเกิดเจ็บจะนำม็อบ แต่ที่ปรากฏเป็นภาพข่าวทั่วบ้านทั่วเมืองก็คือ ม็อบครั้งนี้เจ็บทั้งกายและใจ เพราะถูกตีด้วยกระบองของเจ้าหน้าที่ มีคนตายด้วย และเจ็บใจที่ถูกหลอกต้ม แต่ทางพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่ได้ทำอะไร ไม่ต่างไปจากการหลอกม็อบให้ไปส่ง ส.ส.ที่สภาฯ ในช่วงเปิดสภาและมีวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ และแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ ก็แค่นั้น

ไม่นับว่า ตลอดเวลาเกือบศตวรรษแล้วที่ชาวภาคใต้ปลูกยางมาจนถึงบัดนี้ และเป็นเวลาหลายสิบปีแล้วที่ชาวใต้เลือกพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวแทน แต่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ใดๆ ในการพัฒนาอาชีพของชาวสวนยางและอุตสาหกรรมยางพารา ให้สมกับที่เป็นฐานที่มั่นทางการเมือง เวลาใดที่ราคายางในตลาดสูงก็ดีไป แต่เวลาใดที่มีปัญหาชาวสวนยางภาคใต้ก็ขึ้นม็อบปิดถนนเรียกร้องให้รัฐบาลพยุงราคา และเป็นเช่นนี้มาชั่วนาตาปี ทั้งๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์ โอ้อวดหนักหนาว่ามีคนมีความรู้ความสามารถมากมายล้นพ้น น่าจะหาหนทางที่ทำให้การผลิตและอุตสาหกรรมยางพาราก้าวหน้าไปไกลกว่านี้ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกยางอันดับหนึ่งของโลก

ความไม่มีวิสัยทัศน์ของพรรคแมลงสาบ ทำให้สาวกต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ยังไม่เคยเข็ดหรือตีจาก หากชาวสวนยางภาคใต้รู้จักสั่งสอนพรรคการเมืองเก่าแก่คู่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยนี้ให้รู้สำนึกเสียบ้าง บางทีอาจไม่ต้องเจ็บกายและเจ็บใจที่ถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ อย่างที่เห็นและเป็นอยู่ในขณะนี้


ชาวสวนยางเวียงสระ
ชาวสวนชุมพร
กำลังโหลดความคิดเห็น