**แผนปฏิรูปของรัฐบาลยังคงเดินหน้าต่อไป แม้มีเสียงติฉินนินทาทั่วสารทิศว่าเป็นเพียงเกมปาหี่ ต้มคนดู สุดท้ายก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ ล้มเหลวพังพาบเหมือนเดิม
ตอนนี้มี “บรรหาร ศิลปอาชา”อดีตนายกรัฐมนตรี อาสาทำอะไรเป็นวีรกรรมตอนแก่ก่อนตายเป็นตัวขับเคลื่อนประสานงานตามบัญชาของ “ปูกรรเชียง”น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
หลังจากเดินทางไปพบ“อานันท์ ปันยารชุน”อดีตนายกฯ มาเมื่อวันที่ 9 ก.ย. แต่ถูกปฏิเสธไปแบบนิ่มๆ บอกว่าโครงสร้างปฏิรูปที่กำลังทำกันอยู่ไม่ชัดเจน ขออนุญาตไม่ร่วม
**“บรรหาร”หน้าหุบจนยิ้มไม่ออก
แต่ก็ยังคงก้มหน้าเดินหลังค่อมต่อไปตามกำหนดการ วันที่ 11 ก.ย. จึงรุดมายังบ้านพระอาทิตย์ เพื่อพบปะหารือกับ “สนธิ ลิ้มทองกุล”และ“พล.ต.จำลอง ศรีเมือง”สองอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
แม้จะไม่มีความหวัง และมีอะไรต้องเกรงใจ แต่เจ้าของบ้านพระอาทิตย์ ได้ให้การต้อนรับ“บรรหารและคนติดตาม”อย่างสมเกียรติ ให้ความจริงใจและพร้อมเปิดใจรับฟังแนวทางปฏิรูปอย่างเต็มที่ โดยเปิดให้สื่อมวลชนติดตามตลอด ตั้งแต่ต้นยันจบ ทั้งยังถ่ายทอดสดผ่านทาง“เอเอสทีวีผู้จัดการ”ได้เห็นตัวตนและหลักการของ“สนธิ-จำลอง”ที่ชัดเจนมั่นคงในอุดมการณ์ทางการเมืองเพื่อประเทศชาติ
ในการสนทนา มีการยิงคำถามแบบตรงเป้าเข้าประเด็นหลายเรื่อง เพียงแต่ไม่ได้รับคำตอบที่ตรงคำถาม จาก“บรรหาร”หรือใช้วิธีเลี่ยงบาลีไป
“สนธิ”ถามว่า นักโทษหนีคดี “ทักษิณ ชินวัตร”ควรจะกลับมาติดคุกหรือไม่ และจะนิรโทษกรรมให้พ.ต.ท.ทักษิณ และทำไมยังมีอิทธิพลกับการเมืองไทยมากมาย นักการเมือง และข้าราชการต้องบินไปพบ และพอกลับมาก็ได้ดิบได้ดี มีตำแหน่งใหญ่โต จึงไม่เชื่อว่า “ยิ่งลักษณ์”มีอำนาจในการบริหารบ้านเมือง
และทิ่มแสกหน้าไปเลยว่า การเดินสายปฏิรูปของ“บรรหาร”ถูกวางเกมมาแล้ว ถูกใช้เป็นเครื่องมือ แบบนี้ไม่ขอเล่นด้วย เพราะคิดว่า“หมากเกมนี้”เป็นเพียงการลดอุณหภูมิเท่านั้น ทั้งยังเชื่อว่า
ในท้ายที่สุดข้อเสนอจากนายบรรหาร รัฐบาลจะไม่ทำตาม
“บรรหาร”ออกตัวแทนว่า“ยิ่งลักษณ์”ไม่ได้เชื่อพี่ชายทุกเรื่อง และเห็นว่ามีเจตนาที่ดี จึงเข้ามาร่วม และอาสาเป็นคนประสานงาน ตอบสั้นๆ ไม่เคลียร์ แต่สิ่งที่ “บรรหาร”ย้ำเน้นระคนโอดครวญคือ กรณีที่พรรคชาติไทยถูกยุบพรรค อ้างเรื่อง 2 มาตรฐาน แล้วก็แก้ตัวให้นักโทษหนีคดีว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมเหมือนกัน
แต่เมื่อถูกถามว่า ถ้ามีความพยายามนิรโทษกรรมให้“ทักษิณ”จะไม่เอาด้วย ใช่หรือไม่ “ป๋าเติ้ง”หน้าเหวอ ไม่กล้าตอบคำถามนี้
**สุดท้ายมันก็วนเวียนอยู่ในมิติเดิมๆ ไม่ได้หลุดพ้นฝ่ายรัฐบาลและเครือข่าย ยังมีความคิดแบบยึดมั่น ถือมั่น ไม่มีการแสดงออกให้เห็นถึงความเสียสละเพื่อส่วนรวม “บรรหาร”ยังไม่มีความคิดเหล่านี้ ยังเกาะเกี่ยวอยู่กับผลประโยชน์
ไม่ต้องอื่นไกล การเล่นการเมืองบนตรรกะที่ต้องเป็นรัฐบาลอย่างเดียวมันก็ชี้ชัดไปแล้ว และเมื่อเจอถามเรื่องนี้ ก็อึกอักๆ ไปเหมือนกัน ไม่รู้ว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่นั่งทับอยู่ยาวนานหลายรัฐบาล ผลประโยชน์มันมหาศาลเท่าไหร่ เป็นของประเทศชาติเท่าไหร่ แล้วถูกชักเปอร์เซ็นต์ไปเท่าไร ทำเหมือนกระทรวงเหล่านั้นเป็นของกูผู้เดียว !!
การปฏิรูปการเมืองของรัฐบาลยังขาดการเสียสละ ไม่ก้าวไปข้างหน้า ยึดติดเรื่องเดิมๆ เคียดแค้นชิงชัง “บรรหาร”ก็บ่นอยู่ตลอดเรื่องถูกยุบพรรค เรื่อง 2 มาตรฐาน เหมือนเป็นเรื่องความคิดของคนที่ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด
เรื่องของการซื้อเสียง ถ้าไม่ปราม ไม่จัดการ มันก็จะเกิดขึ้นอยู่ตลอด เป็นพิษร้ายของสังคมไทย นี่ขนาดตั้งองค์กรขึ้นมาตรวจสอบ ก็ยังหาช่อง หาทางทุจริตกันอีก ฉะนั้นควรยอมรับผลกรรม เลิกโอดครวญแล้วเดินไปข้างหน้าดีกว่า
วันนี้ตัวตนของ “บรรหาร”คนตั้งข้อสงสัยถึงความจริงใจ ยังเป็นเพียงร่างทรงของ“ทักษิณ”หรือไม่ แต่คนส่วนใหญ่เชื่อไปแบบนั้น การพบกันที่ “บ้านพระอาทิตย์”ครั้งนี้ไม่รู้ว่ากลับบ้านไป“บรรหาร” หัวใจจะพองโตหรือห่อเหี่ยว
แต่คนฟังแล้วฟันธงว่า งานนี้“บรรหาร”เจ๊ง เสียรังวัด โดนอัด โดนเหน็บ ไปหลายดอก
**เครดิตของท่านอดีตนายกฯหลงจู๊ หล่นหาย และเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด วันเดียวกันมีปัญหาแทรกซ้อนมาดิสเครดิต ลดความน่าเชื่อถือ “บรรหาร”เข้าไปอีก เมื่อเกิด“ภาพหลุด”ปลิวว่อนเน็ต “กินที่ลับ ถูกเปิดในที่แจ้ง”
ภาพถ่ายบรรหาร กับหญิงสวย วัยสาว คนหนึ่ง นั่งโอบกอดหยอกล้อแบบเป็นกันเองสุดๆ คนดูแล้วก็พาลคิดว่า ความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาแน่นอน
แล้วหญิงที่ตกเป็นข่าวในภาพดังกล่าว ก็ออกมาระบุเชิงยอมรับว่า เป็นภาพจริง อ้างว่ารู้จักกับ“บรรหาร”มานานแล้ว ไปมาหาสู่ในฐานะคนรู้จักกัน เคารพกัน แค่นั้น
แต่มีข่าวลือเชิงติฉินนินทา บรรดาขาเมาท์ สนใจใคร่รู้ สืบเสาะพบเห็นการโพสต์ข้อความบางอย่าง เขียนโดย“คนสุพรรณ”ว่า “เพิ่งจะรู้ว่าคนที่เป็นถึงคุณหญิง มีทั้งเงิน มีทั้งชื่อเสียงในจังหวัด ไม่มีใครไม่รู้จัก มาวันนี้คุณหญิงต้องหนีไปบนเขาเพื่อบวชชี หนีความอัปยศ ที่สามีเฒ่าตัณหากลับ มีลูกกับเด็กสาวในวัย 80 เธอจะเจ็บช้ำแค่ไหน แม่ชีคุณหญิงทราบดี เพราะอยู่ดูหน้าคนในจังหวัดไม่ได้ อับอายที่สามีไปมีลูกกับเด็กรุ่นหลาน บวชให้สบายใจนะแม่ชีคุณหญิง ขอเป็นกำลังใจให้ธรรมะเท่านั้นที่จะทำให้แม่ชีคุณหญิงมีความสุขที่แท้จริง เงินทองที่มี ไม่ได้ช่วยให้คุณหญิงมีความสุข”
“มือประสานปฏิรูป”เจอเกมท้าทายกระแสสังคมอีกครั้งในวัยดึก ด้วยวัยอายุ 82 ปีเศษ ไม่รู้ว่าจะประคองลากจูงสังขารเดินสายชักชวนผู้คนในสังคมให้มาร่วมปฏิรูปกับรัฐบาลได้มากน้อยแค่ไหน แค่เดินไปไม่ทันไรก็เจอขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวมาถล่ม คนนินทาถึงความชอบธรรม พฤติกรรมผิดเพี้ยนกันอื้ออึงเมือง
ขณะที่งานการที่ได้รับมอบหมาย เหมือนว่าจะเดินไปเจอทางตัน เข้าบ้านพระอาทิตย์เหมือนหมูเดินไปชนปังตอ เข้าไปพบคู่ขัดแย้ง หรือแม้แต่คนกลางๆ ของสังคม ล้วนไม่ขานรับเข้าร่วมปฏิรูปกับรัฐบาลด้วย
เหตุผลเพราะรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้แสดงความจริงใจ หรือการเสียสละให้สังคมได้เห็น ยังยึดติด คิดเคียดแค้น ไม่ยอมเสียมากกว่าได้ ดังนั้นถ้าจะปฏิรูปกันในวังวน และบนทัศนคติคับแคบแบบนี้ คงไม่เจอแสงสว่างที่ปลายทางออก มันก็ยังวนเหมือนพายเรือในอ่าง
**ฉะนั้นควรต้องกลับไปตั้งสติ ทบทวนกันเสียก่อนว่า แนวทางที่ทำอยู่นั้นมันจะสำเร็จหรือไม่ ที่คนบอกว่าปาหี่ วันนี้ก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่จริงๆ
ตอนนี้มี “บรรหาร ศิลปอาชา”อดีตนายกรัฐมนตรี อาสาทำอะไรเป็นวีรกรรมตอนแก่ก่อนตายเป็นตัวขับเคลื่อนประสานงานตามบัญชาของ “ปูกรรเชียง”น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
หลังจากเดินทางไปพบ“อานันท์ ปันยารชุน”อดีตนายกฯ มาเมื่อวันที่ 9 ก.ย. แต่ถูกปฏิเสธไปแบบนิ่มๆ บอกว่าโครงสร้างปฏิรูปที่กำลังทำกันอยู่ไม่ชัดเจน ขออนุญาตไม่ร่วม
**“บรรหาร”หน้าหุบจนยิ้มไม่ออก
แต่ก็ยังคงก้มหน้าเดินหลังค่อมต่อไปตามกำหนดการ วันที่ 11 ก.ย. จึงรุดมายังบ้านพระอาทิตย์ เพื่อพบปะหารือกับ “สนธิ ลิ้มทองกุล”และ“พล.ต.จำลอง ศรีเมือง”สองอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
แม้จะไม่มีความหวัง และมีอะไรต้องเกรงใจ แต่เจ้าของบ้านพระอาทิตย์ ได้ให้การต้อนรับ“บรรหารและคนติดตาม”อย่างสมเกียรติ ให้ความจริงใจและพร้อมเปิดใจรับฟังแนวทางปฏิรูปอย่างเต็มที่ โดยเปิดให้สื่อมวลชนติดตามตลอด ตั้งแต่ต้นยันจบ ทั้งยังถ่ายทอดสดผ่านทาง“เอเอสทีวีผู้จัดการ”ได้เห็นตัวตนและหลักการของ“สนธิ-จำลอง”ที่ชัดเจนมั่นคงในอุดมการณ์ทางการเมืองเพื่อประเทศชาติ
ในการสนทนา มีการยิงคำถามแบบตรงเป้าเข้าประเด็นหลายเรื่อง เพียงแต่ไม่ได้รับคำตอบที่ตรงคำถาม จาก“บรรหาร”หรือใช้วิธีเลี่ยงบาลีไป
“สนธิ”ถามว่า นักโทษหนีคดี “ทักษิณ ชินวัตร”ควรจะกลับมาติดคุกหรือไม่ และจะนิรโทษกรรมให้พ.ต.ท.ทักษิณ และทำไมยังมีอิทธิพลกับการเมืองไทยมากมาย นักการเมือง และข้าราชการต้องบินไปพบ และพอกลับมาก็ได้ดิบได้ดี มีตำแหน่งใหญ่โต จึงไม่เชื่อว่า “ยิ่งลักษณ์”มีอำนาจในการบริหารบ้านเมือง
และทิ่มแสกหน้าไปเลยว่า การเดินสายปฏิรูปของ“บรรหาร”ถูกวางเกมมาแล้ว ถูกใช้เป็นเครื่องมือ แบบนี้ไม่ขอเล่นด้วย เพราะคิดว่า“หมากเกมนี้”เป็นเพียงการลดอุณหภูมิเท่านั้น ทั้งยังเชื่อว่า
ในท้ายที่สุดข้อเสนอจากนายบรรหาร รัฐบาลจะไม่ทำตาม
“บรรหาร”ออกตัวแทนว่า“ยิ่งลักษณ์”ไม่ได้เชื่อพี่ชายทุกเรื่อง และเห็นว่ามีเจตนาที่ดี จึงเข้ามาร่วม และอาสาเป็นคนประสานงาน ตอบสั้นๆ ไม่เคลียร์ แต่สิ่งที่ “บรรหาร”ย้ำเน้นระคนโอดครวญคือ กรณีที่พรรคชาติไทยถูกยุบพรรค อ้างเรื่อง 2 มาตรฐาน แล้วก็แก้ตัวให้นักโทษหนีคดีว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมเหมือนกัน
แต่เมื่อถูกถามว่า ถ้ามีความพยายามนิรโทษกรรมให้“ทักษิณ”จะไม่เอาด้วย ใช่หรือไม่ “ป๋าเติ้ง”หน้าเหวอ ไม่กล้าตอบคำถามนี้
**สุดท้ายมันก็วนเวียนอยู่ในมิติเดิมๆ ไม่ได้หลุดพ้นฝ่ายรัฐบาลและเครือข่าย ยังมีความคิดแบบยึดมั่น ถือมั่น ไม่มีการแสดงออกให้เห็นถึงความเสียสละเพื่อส่วนรวม “บรรหาร”ยังไม่มีความคิดเหล่านี้ ยังเกาะเกี่ยวอยู่กับผลประโยชน์
ไม่ต้องอื่นไกล การเล่นการเมืองบนตรรกะที่ต้องเป็นรัฐบาลอย่างเดียวมันก็ชี้ชัดไปแล้ว และเมื่อเจอถามเรื่องนี้ ก็อึกอักๆ ไปเหมือนกัน ไม่รู้ว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่นั่งทับอยู่ยาวนานหลายรัฐบาล ผลประโยชน์มันมหาศาลเท่าไหร่ เป็นของประเทศชาติเท่าไหร่ แล้วถูกชักเปอร์เซ็นต์ไปเท่าไร ทำเหมือนกระทรวงเหล่านั้นเป็นของกูผู้เดียว !!
การปฏิรูปการเมืองของรัฐบาลยังขาดการเสียสละ ไม่ก้าวไปข้างหน้า ยึดติดเรื่องเดิมๆ เคียดแค้นชิงชัง “บรรหาร”ก็บ่นอยู่ตลอดเรื่องถูกยุบพรรค เรื่อง 2 มาตรฐาน เหมือนเป็นเรื่องความคิดของคนที่ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด
เรื่องของการซื้อเสียง ถ้าไม่ปราม ไม่จัดการ มันก็จะเกิดขึ้นอยู่ตลอด เป็นพิษร้ายของสังคมไทย นี่ขนาดตั้งองค์กรขึ้นมาตรวจสอบ ก็ยังหาช่อง หาทางทุจริตกันอีก ฉะนั้นควรยอมรับผลกรรม เลิกโอดครวญแล้วเดินไปข้างหน้าดีกว่า
วันนี้ตัวตนของ “บรรหาร”คนตั้งข้อสงสัยถึงความจริงใจ ยังเป็นเพียงร่างทรงของ“ทักษิณ”หรือไม่ แต่คนส่วนใหญ่เชื่อไปแบบนั้น การพบกันที่ “บ้านพระอาทิตย์”ครั้งนี้ไม่รู้ว่ากลับบ้านไป“บรรหาร” หัวใจจะพองโตหรือห่อเหี่ยว
แต่คนฟังแล้วฟันธงว่า งานนี้“บรรหาร”เจ๊ง เสียรังวัด โดนอัด โดนเหน็บ ไปหลายดอก
**เครดิตของท่านอดีตนายกฯหลงจู๊ หล่นหาย และเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด วันเดียวกันมีปัญหาแทรกซ้อนมาดิสเครดิต ลดความน่าเชื่อถือ “บรรหาร”เข้าไปอีก เมื่อเกิด“ภาพหลุด”ปลิวว่อนเน็ต “กินที่ลับ ถูกเปิดในที่แจ้ง”
ภาพถ่ายบรรหาร กับหญิงสวย วัยสาว คนหนึ่ง นั่งโอบกอดหยอกล้อแบบเป็นกันเองสุดๆ คนดูแล้วก็พาลคิดว่า ความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาแน่นอน
แล้วหญิงที่ตกเป็นข่าวในภาพดังกล่าว ก็ออกมาระบุเชิงยอมรับว่า เป็นภาพจริง อ้างว่ารู้จักกับ“บรรหาร”มานานแล้ว ไปมาหาสู่ในฐานะคนรู้จักกัน เคารพกัน แค่นั้น
แต่มีข่าวลือเชิงติฉินนินทา บรรดาขาเมาท์ สนใจใคร่รู้ สืบเสาะพบเห็นการโพสต์ข้อความบางอย่าง เขียนโดย“คนสุพรรณ”ว่า “เพิ่งจะรู้ว่าคนที่เป็นถึงคุณหญิง มีทั้งเงิน มีทั้งชื่อเสียงในจังหวัด ไม่มีใครไม่รู้จัก มาวันนี้คุณหญิงต้องหนีไปบนเขาเพื่อบวชชี หนีความอัปยศ ที่สามีเฒ่าตัณหากลับ มีลูกกับเด็กสาวในวัย 80 เธอจะเจ็บช้ำแค่ไหน แม่ชีคุณหญิงทราบดี เพราะอยู่ดูหน้าคนในจังหวัดไม่ได้ อับอายที่สามีไปมีลูกกับเด็กรุ่นหลาน บวชให้สบายใจนะแม่ชีคุณหญิง ขอเป็นกำลังใจให้ธรรมะเท่านั้นที่จะทำให้แม่ชีคุณหญิงมีความสุขที่แท้จริง เงินทองที่มี ไม่ได้ช่วยให้คุณหญิงมีความสุข”
“มือประสานปฏิรูป”เจอเกมท้าทายกระแสสังคมอีกครั้งในวัยดึก ด้วยวัยอายุ 82 ปีเศษ ไม่รู้ว่าจะประคองลากจูงสังขารเดินสายชักชวนผู้คนในสังคมให้มาร่วมปฏิรูปกับรัฐบาลได้มากน้อยแค่ไหน แค่เดินไปไม่ทันไรก็เจอขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวมาถล่ม คนนินทาถึงความชอบธรรม พฤติกรรมผิดเพี้ยนกันอื้ออึงเมือง
ขณะที่งานการที่ได้รับมอบหมาย เหมือนว่าจะเดินไปเจอทางตัน เข้าบ้านพระอาทิตย์เหมือนหมูเดินไปชนปังตอ เข้าไปพบคู่ขัดแย้ง หรือแม้แต่คนกลางๆ ของสังคม ล้วนไม่ขานรับเข้าร่วมปฏิรูปกับรัฐบาลด้วย
เหตุผลเพราะรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้แสดงความจริงใจ หรือการเสียสละให้สังคมได้เห็น ยังยึดติด คิดเคียดแค้น ไม่ยอมเสียมากกว่าได้ ดังนั้นถ้าจะปฏิรูปกันในวังวน และบนทัศนคติคับแคบแบบนี้ คงไม่เจอแสงสว่างที่ปลายทางออก มันก็ยังวนเหมือนพายเรือในอ่าง
**ฉะนั้นควรต้องกลับไปตั้งสติ ทบทวนกันเสียก่อนว่า แนวทางที่ทำอยู่นั้นมันจะสำเร็จหรือไม่ ที่คนบอกว่าปาหี่ วันนี้ก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่จริงๆ