xs
xsm
sm
md
lg

เดิน 388 กม.ค้านเขื่อนแม่วงก์ “ปลอด”ประเดิมเวทีปาหี่เชียงใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้(9 ก.ย.56) นางรตยา จันทรเทียร ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร พร้อมด้วย เครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และผู้คัดการการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ประมาณ 100 คน เดินทางไปยังสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.)กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เพื่อคัดค้านการที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการ(คชก.) ชุดพิจารณารายงานผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม(อีเอชไอเอ) โครงการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ที่ได้ให้ความเห็นชอบรายงานผลกระทบองค์กรเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ก่อนอ่านแถลงการณ์และยื่นหนังสือคัดค้าน โดยยื่นหนังสือถึงนายสันติ บุญประคับ เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ สผ. โดยเห็นว่ารายงานฉบับนี้ละเลยข้อมูลสำคัญของพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ที่เป็นพื้นที่ต่อเนื่องมรดกโลกห้วยขาแข้ง โดยเฉพาะการกระจายของเสือโคร่ง
รายงานยังระบุด้วยว่า การสร้างเขื่อนไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ทั้งหมด ขณะเดียวกัน พื้นที่ชลประทานของเขื่อนแม่วงก์เป็นพื้นที่ทับซ้อนกับคลองผันน้ำในโมดูล A5 ของโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน ซึ่งจะทำให้สภาพแวดล้อมและการจัดการเปลี่ยนแปลงไป มีผลกระทบมากกว่าได้ประโยชน์ เรียกร้องให้ทาง สผ.พิจารณาทบทวน 8 ข้อ
ขณะที่นายสันติ ชี้แจงว่า สผ.มีหน้าที่ในการพิจารณา แต่ว่าการตัดสินใจดำเนินโครงการเขื่อนแม่วงก์เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี ขณะที่วันที่ 10 ก.ย.นี้ เลขาธิการมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร จะเดินทางเท้าจากโครงการเขื่อนแม่วงก์ มากรุงเทพมหานครเป็นเวลา 12 วัน ระยะทาง 388 กิโลเมตร เพื่อแสดงเจตนารมณ์คัดค้าน
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย(กบอ.) กล่าวถึงกรณีที่นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ วิพากษ์วิจารณ์ต่อการดำเนินโครงการในแผนแม่บทบริหารจัดการน้ำ วงเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท ว่า ต้องชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องที่นายวสันต์พูด 4 ข้อ คือ 1.เป็นการพูดโดยปราศจากความเป็นจริง 2.ทำให้สังคมสับสน 3.ต้องการยุยงให้มีการฟ้องร้องดำนินคดี และ 4.คำพูดของนายวสันต์ทำให้ตนได้รับความเสียหาย ต้องชี้แจงว่าเรื่องการสำรวจผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)ที่นายวสันต์ระบุว่ารัฐบาลยังไม่ได้ทำนั้น ต้องถามว่าที่พูดเช่นนี้เป็นเพราะไม่เข้าใจหรือต้องการให้ทำให้เกิดความสับสน เนื่องจาก คำพิพากษาของศาลปกครองที่ออกมานั้นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 วรรค 2 ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอันเกี่ยวกับโครงการพัฒนาของประเทศ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)ที่เป็นไปตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และการรับฟังความคิดเห็น แต่นายวสันต์กลับนำ 2 เรื่องนี้มาปนกันแล้วนำมาพูดสร้างความสับสน ทั้งที่เคยเป็นอดีตประธานศาลมาก่อน น่าจะรู้เรื่องนี้ดี จึงไม่ทราบเจตนาที่นายวสันต์ออกมาพูดเช่นนี้ว่าเป็นเพราะอะไร ส่วนการสำรวจอีไอเอ รัฐบาลกำลังทำอยู่และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3-4 เดือนนี้ ตนยืนยันว่ารัฐบาลตั้งใจทำเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะมีมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ถึง 2 ครั้งที่พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เมื่อศาลปกครองมีคำสั่งออกมา รัฐบาลได้นำคำสั่งของศาลฯมาปฏิบัติควบคู่กับการดำเนินการเรื่องนี้พร้อมกับสิ่งที่เราจะทำให้สอดคล้องกัน
การที่นายวสันต์บอกว่ารัฐบาลดำเนินการล่าช้า ตนยืนยันว่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลประกาศตารางทำงานอย่างชัดเจนแล้วว่าจะดำเนินการเรื่องใดบ้าง ตั้งแต่การทำแผน จนถึงการประกาศคัดเลือกบริษัท และกบอ.ดำเนินการล่าช้าไปจากมติครม.ที่ระบุไว้เพียง 15 วันเท่านั้น และที่ผ่านมา รัฐบาลทำไว้ตามที่ประกาศต่อสาธารณชนทั้งหมด จึงคิดว่านายวสันต์จงใจหาเรื่องที่มาถามว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ ทั้งที่ได้ดำเนินการเรื่องอยู่ตลอด ส่วนที่นายวสันต์ระบุด้วยว่าสงสารบริษัท อิตาเลี่ยนไทย และบริษัท โคเรีย วอเตอร์ รีซอสเซส คอร์เปอเรชั่น (เค วอเตอร์) ที่ยังไม่ได้รับเงินไปดำเนินการโครงการต่างๆ และยังยุให้กระทรวงการคลังฟ้องร้องธนาคารกรณีที่ยังไม่มีการส่งเงินกู้มาให้นั้น ทำให้รู้สึกเสียดายแทนนาวสันต์ว่าแทนที่จะใช้ความรู้ความสามารถออกมาให้คำแนะนำให้มีการพูดคุยเพื่อหาทางออกมา แต่กลับมายุให้เกิดการฟ้องร้องกันอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องของเงินกู้นั้น ตนยืนยันว่ามีผลโดยสมบูรณ์แล้ว และฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลได้ยืนยันแล้วว่าการกู้เงินมีผลสมบูรณ์ ทั้งนี้การส่งเงินกู้มาแล้ว และถูกนำไปใช้แล้วประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยกระทรวงคมนาคมที่นำไปใช้ปรับปรุงยกระดับถนนและสร้างแบริเออร์กั้นแนวถนน รวมถึงให้กรมชลประทานใช้ในการสร้างเขื่อนขนาดเล็ก และกรมป่าไม้ที่ใช้ในโครงการที่เกี่ยวกับการปลูกป่า
นายปลอดประสพ กล่าวว่า ประเด็นสุดท้ายที่มีการพาดพิงถึงตนว่าที่ดำเนินการล่าช้าเพราะตนมัวไปใช้เวลาแสดงละครเป็นพระยาเม็งรายนั้น ตนขอชี้แจงว่าสาเหตุที่ต้องแสดงละครนี้ก็เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระยาเม็งราย และให้เกียรติผู้นำประเทศที่มาร่วมการประชุมผู้นำด้านน้ำในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค ที่จ.เชียงใหม่ จึงอยากให้นายวสันต์ทำใจให้กว้าง อย่ากล่าวหาไปเรื่อยหรือพูดให้คนออกมาโกรธกัน เพราะเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ทั้งนี้ หลายครั้งที่ผ่านมา นายวสันต์ดูเหมือนมีปัญหากับรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา และวันนี้แสดงตัวออกมาชี้นำสังคมในทางที่ผิด ตนจึงอยากขอร้องว่าถ้าได้รับเชิญให้ไปบรรยายที่ใดอีก อย่าทำอย่านี้อีกเพราะจะเสียชื่อเอง
ส่วนความคืบหน้าการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ใน 39 จังหวัด ต่อแผนการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบของประเทศ นายปลอดประสพ กล่าวว่า กบอ.จะมีการประชุมในวันที่ 10 ก.ย.นี้ เพื่อกำหนดพื้นที่จัดเวทีดังกล่าวอย่างชัดเจน โดยที่แรกจะจัดขึ้นที่จ.เชียงใหม่อย่างแน่นอน ส่วนจะเป็นวันใดนั้น ต้องหารือกันอีกครั้ง แต่จะดำเนินการภายในเดือนนี้อย่างแน่นอน ทั้งนี้คาดว่าแต่ละจังหวัดที่จัดงานนี้จะใช้งบประมาณจังหวัดละ 100 ล้านบาท โดยเราจะทำอย่างกว้างขวางทั่วถึง
ต่อข้อถามถึงกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีคำสั่งเปลี่ยนตัวประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จากนายปลอดประสพ เป็นนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ทำหน้าที่แทน นายปลอดประสพ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้ว่าอะไร แต่ตนเต็มใจที่จะออกเอง เพราะนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ส่งหนังสือร้องเรียนตนว่าตนเป็นประธานกรรมการชุดนี้เหมือนเป็นการชงเองกินเอง เพราะกำกับดูแลกระทรวงทรัพยากรฯ และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมฯด้วย ซึ่งตนอยากบอกว่าถ้าตนไม่คุมหน่วยงานเหล่านี้แล้วจะออกมาเป็นอย่างนี้ไหม แต่ตนเต็มใจขอออกจากคณะกรรมการดังกล่าวเอง และคณะกรรมการนี้มีรูปแบบที่ชัดเจน.
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่านายวสันต์ แสดงความเห็นหลายกรณีเหมือนกับที่ฝ่ายค้านเคยเตือนรัฐบาลแล้ว เช่น เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท ที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ แต่รัฐใช้เวลาถึงปีครึ่ง หาผู้ประมูลจากเกาหลีและจีน ทำให้เดินหน้าแก้ปัญหาน้ำไม่ได้ ทั้งที่มีเวลาถึง 18 เดือน ดังนั้นหากเกิดปัญหาน้ำท่วมรัฐบาลต้องรับผิดชอบ อีกทั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ระบุชัดเจนว่า สัญญากู้เงินที่ยังไม่มีการเบิกเงินตามระยะเวลาที่กำหนด ถือว่าสัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะ
"กรณีเงินกู้ 3.5 แสนล้านนั้น ตามพระราชกำหนดระบุให้ต้องกู้ภายในเดือนมิถุนายน 2556 แต่รัฐบาลกลับมีแค่การเซ็นสัญญาโดยไม่ได้มีการเบิกเงินกู้จริง จึงถือเป็นสัญญาที่หมดอายุ จึงนับได้ว่าเป็นโมฆะแล้ว ดังนั้นถ้ามีการส่งเรื่องให้ตีความเรื่องนี้อย่าโทษคนอื่น เพราะรัฐบาลถ่วงเวลาเพื่อตกลงกับผู้รับเหมา ทำให้ประเทศชาติเสียประโยชน์" นายชวนนท์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น