ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-“ถ้าเรื่องนี้ไม่จบ ชาวบ้านพร้อมจับปืนเข้าป่าอีกครั้ง”
นั่นคือคำประกาศของ “เอียด เส้งเอียด” กลางวงเจรจาระหว่างแกนนำม็อบราว 20 ชีวิตจากภาคใต้ กับฝ่ายรัฐบาลนำโดย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.คลัง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ และ รมว.ยุติธรรม นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ณ โรงแรมเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ
นายเอียดบินด่วนเข้าร่วมวงเจรจาครั้งนี้ในฐานะผู้ประสานงานการชุมนุมของชาวสวนยางและปาล์มใน อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งได้รวมตัวกันปิดถนนสายเอเชียบริเวณแยกควนหนองหงษ์ กับปิดเส้นทางรถไฟบริเวณบ้านตูล ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา อันเป็นหัวเชื้อให้เกิดประกายไฟลามทุ่ง มีการก่อม็อบในลักษณ์เดียวกันหลายจุดในหลายจังหวัดของภาคใต้
การประสานงานภายในม็อบ รวมถึงสามารถเชื่อมโยงเข้าหารัฐบาล และสานใยได้กับทุกฝ่ายทุกระดับชนชั้น ทำให้นายเอียดเป็นที่จับตาของผู้คนสังคมไม่น้อย โดยเฉพาะสื่อมวลชนทุกค่ายต่างให้ความสำคัญเมื่อนายเอียดเป็นทั้งผู้นำปราศรัยและแถลงข่าว แม้ในบทบาทนี้เขาจะบอกว่าเป็นการจับพลัดจับพลูให้ต้องเข้าไปรับหน้าที่ แต่เมื่อวันที่ 3 ส.ค.เขาก็มีส่วนสำคัญทำให้ชาวสวนจากพัทลุงและนครศรีธรรมราชเคลื่อนขบวนไปปิดถนนแยก ณ ควนหนองหงษ์มาแล้วครั้งหนึ่ง
คำกล่าวกลางวงเจรจาดังกล่าวอาจทำให้บรรดาคนเสื้อแดงกระหยิ่มยิ้มย่อง เพราะได้ตอกย้ำคำที่ครหาเขาไว้ว่า “คนใต้เอาโจรนำม็อบ” แม้นายเอียดจะสลัดภาพอดีตไม่ได้ ไม่ว่าจะเคยเป็นหนึ่งในขุนโจรแห่งเทือกเขาบรรทัด แถมยังเป็นน้องชายร่วมสายเลือดของขุนโจรชื่อกระฉ่อน “เจิม เส้งเอียด” หรือ “ไข่หมูก” ทว่ากาลเวลาก็ได้พิสูจน์ชัดแล้ว ถึงเขาจะเป็นโจร แต่ก็มากมายไปด้วยคุณธรรมหล่อหลอมจิตใจตลอดมา
นายเอียดคืออดีตขุนโจรที่วันนี้หันมามุ่งมั่นกับการขันอาสาพิทักษ์ป่าต้นน้ำแห่งลุ่ม ทะเลสาบสงขลา ในฐานะประธานชมรมรักษ์ป่าเทือกเขาบรรทัด โดยพร้อมที่จะถวายชีวิตที่เหลือทำหน้าที่นี้เพื่อมอบแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี ที่ทรงให้ความเมตตากรุณาให้เขายังมีชีวิตอยู่
สมัยที่นายเอียดเป็นโจรก็เป็นปรปักษ์กับนายทุนที่กดขี่ขมเหงคนยากคนจนทั้งไทยและเทศ และก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่ในวันนี้เขาได้ประกาศยืนหยัดต่อสู้กับกลุ่มทุนสามานย์ ที่กำลังบงการสร้างความแตกแยกเพื่อกลืนกินแผ่นดินไทย ถึงขั้นเคยจับมือแถลงร่วมกลางกรุงกับ “ธงชัย สุวรรณวิหค” หรือ “สหายช่วง” เลขาธิการคณะกรรมการสันนิบาตประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย (สปท.) สนับสนุนการชุมนุมของกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ เมื่อไม่นานมานี้
วันก่อนเขา “จอมโจรผู้ไม่เคยโกหก” ได้ปะทะคารมกับ “เสนาบดีโกหกสีขาว” ไปแล้ว วันนี้เขาจะช่วยหนุนนำพาสถานการณ์ม็อบยางและปาล์มเคลื่อนตัวไปสู่จุดไหนแล้วก็ตาม แต่สำหรับตัวตนและอุดมการณ์ของเขาก็ยากที่จะเปลี่ยนแปร “ASTVผู้จัดการภาคใต้” จึงได้เดินทางไปสัมภาษณ์พิเศษนายเอียด เส้งเอียด ชนิด Exclusive กลางม็อบที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช มานำเสนอไว้ ณ ที่นี้แล้ว
อยากให้คุณเอียดเล่าว่าเข้ามาร่วมชุมนุมได้อย่างไร และเป็นมาอย่างไงจึงได้เป็นผู้ประสานงานระหว่างผู้ชุมนุมกับรัฐบาล
ด้วยเหตุผลของความเป็นจริง ผมได้เข้ามาร่วมด้วยความบังเอิญ พอรู้ว่าทีนิวส์ลงมาถ่ายทำผมก็ห่วงพี่น้องสื่อมวลชน เขาดูแลผมมาตลอดตั้งแต่เรื่องรักษ์ป่าเทือกเขาบรรทัดที่ผมเป็นประธานชมรมอยู่ แล้วเขายังได้สนับสนุนอุปกรณ์เดินป่าให้ผมมาหลายครั้ง รวมทั้งช่วยหาทุนในการปกป้องป่า
ตอนนั้นผมรับทราบว่าอิทธิพลในพื้นที่นั้นเป็นใคร ช่วงวันที่ 4-5 เขาไปขนปืนมา ไปขนอาวุธมา แล้วปลุกระดมให้ประชาชนต้านพี่น้องผู้ชุมนุม โดยเฉพาะใช้กำลังไปหาอาวุธปืนเอ็ม 16 มา 1 กระบอกครับ บังเอิญผมไปได้ยินก็ถามว่าเอาไปทำไม เขาบอกว่าคงจะเอาไปยิงผู้ชุมนุม ผมว่ายิงไม่ได้ จะไปยิงใครหรือจะยิงขู่อย่างไงก็อย่าให้ถูกพี่น้องประชาชน และฝากสื่อมวลชนของผมด้วย พี่น้องสื่อมวลชนเขามาทำข่าวด้วยความบริสุทธิ์ เขามาทำข่าวด้วยความบริสุทธิ์
หลังจากนั้นผมก็สืบทราบจากการแอบดูอยู่ทุกวัน ซึ่งประมาณ 5 วันที่ผมมานอนดูในรถตู้พร้อมลูกน้อง ซึ่งเรามาปกป้องสื่อมวลชน วันที่เขาเจรจากันรอบแรกผมก็อยู่ และรู้ว่าคนที่ไปรับเรื่องราวมา 80 บาท/กก.นั้น แน่นอนครับเขาไม่ได้เป็นตัวแทนของพี่น้องเกษตรกร แล้วก็มีปัญหา พอเกิดเหตุการณ์ไปปิดทางรถไฟที่บ้านตูล เช้าผมก็มาถามน้องๆ นักข่าวว่าเป็นไง ปลอดภัยไหม ให้พี่เอียดช่วยไรบ้าง ซึ่งผมก็ไม่สบายใจเพราะมีข่าวเข้าหูว่า เขาจะมาทุบรถทีนิวส์ พอดีวันนั้น ฮ.ช่อง 3 มันบินเฉี่ยวเลย ทำให้จานถ่ายทอดทีนิวส์เสียหาย ผมว่าอันนี้มันเป็นแผนนี่หว่า
หลังจากนั้นผมเห็นว่า หากมีการกระทำเช่นนี้ มีองค์กรหนึ่งเป็นพวกพูดจริงๆ คือ ทีมงานเสื้อแดง เป็นข้าราชการเสื้อแดงทั้งนั้นที่เข้ามาอาฆาตมาดร้ายพี่น้องผู้ชุมนุม เพราะผมรู้จักเขาดี ก็เลยคิดว่าจะทำไงดี เลยมีประชาชนเจอผมบอกว่า พี่เอียดไม่ไหวแล้ว ช่วยขึ้นเวทีทีเถอะ ช่วยปรามผู้ใหญ่บ้าน-กำนันสักที พวกนี้มันใช้อิทธิพลอันธพาลข่มขู่ชาวบ้าน หาเรื่องใส่ร้ายป้ายสีชาวบ้าน ข้าราชการ ผู้ว่าฯ ตำรวจก็ดี หาเรื่องทุกอย่าง จาบจ้วง ล้วงความจริง ปล่อยข่าวเท็จว่าพี่น้องที่มาชุมนุมปิดถนนแล้วเรียกเก็บค่ารถผ่านคันละ 500 บ้าง 400 บ้าง 300 บ้าง ทำตัวเหมือนโจร แต่ผมสังเกตการณ์อยู่ทุกวันครับ
แล้วเป็นวันที่ 5 ที่ผมทนไม่ไหว ก็เลยโดดขึ้นไปบนเวทีเพื่อป้องปรามบุคคลที่ใช้อำนาจอันธพาล ไม่ว่าตำรวจ หรือทางราชการ หรือผู้นำท้องถิ่นให้หยุด ผมประกาศให้หยุด บอกว่าผู้ใหญ่บ้านหรือกำนันคนไหนปลุกระดมคนให้มาทำร้ายพี่น้องประชาชนที่มาชุมนุม เจอกับ เอียด เส้งเอียด แน่นอน แล้วผมบอกไว้ด้วยว่า ผมจะเอาลูกขวานไปยำบ้านกำนันให้เนียน ความจริงผมไม่รู้จักลูกขวานแม้แต่คนเดียว นี่เรื่องจริงครับ
ด้วยแรงบันดาลใจอย่างนี้ พอผมพูดวันแรกก็มีประชาชนติดอกติดใจว่า ผมนี่เรื่องจริง การต่อสู้ก็เฮฮาปาร์ตี้ขึ้นมา ผมบอกว่าอย่ายิงพี่น้องประชาชน ถ้าใครจะยิงให้ยิงผมก็ได้ ไม่เป็นไร ขอให้พี่น้องเกษตรกรได้ราคายางที่เป็นธรรม ผมก็ยินดีที่จะทำความดีเพื่อพี่น้อง หลังจากนั้นก็มีคนบอกว่ามีการยิงกัน ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไง
แล้วที่เขาชุมนุมกันมา 5-6 วัน ตอบตรงๆ เขาไม่มีตัวแทน เขาไม่มีแกนนำ แล้วไม่มีการสนับสนุนหรืออยู่เบื้องหลังของนักการเมือง ด้วยจากจิตวิญญาณ ด้วยความสำนึกของผมที่ช่วยเหลือชาวบ้านอยู่แล้ว สมัยอยู่ป่าเป็นคอมฯ (คอมมิวนิสต์) ก็ดูแลประชาชน เป็นโจรก็รับใช้ประชาชน อยู่ในคุกผมก็ดูแลพี่น้องที่เป็นนักโทษ นี่ด้วยจิตวิญญาณของผมจริงๆ ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ผมต้องการให้ประชาชนที่มาชุมนุมด้วยความสงบนี่ได้รับความเป็นธรรม และปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
เชื่อไหมครับ ผมอยู่ด้วยหลายวันไม่เคยรู้จักแกนนำใครสักคน ทั้งพี่น้องควนเงินก็ดี พี่น้องควนหนองหงส์ก็ดี ผมไม่รู้จักใครเลยที่มา แล้วเขาก็ไม่รู้จักผมด้วย เพราะเพิ่งออกจากคุกมายังไม่ได้ 3 ปี แล้วก็เข้าไปอยู่ป่าเขาเลย ผมเดินป่าลาดตระเวนปราบปรามพวกตัดไม้ทำลายป่า เพราะผมถวายสัตย์ปฏิญาณไว้ว่า ชีวิตที่เหลือของผมคือ พระองค์ท่าน ทรงเว้นตัวตาย ทรงไว้ตัวเป็น เพราะผมโทษประหาร ถ้าไม่มีพระองค์ท่าน 2 พระองค์ ผมก็ไม่มีวันนี้
ในที่สุดก็ตัดสินใจไปคุยกันคนรู้จักว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปแล้วจะนำปัญหาที่พี่น้องเรียกร้องไปสู่การแก้ปัญหาของรัฐบาลได้ไง คนที่มาก็เอาแต่โจมตีด่ารัฐบาลอย่างนั้น ด่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม) อย่างนั้นอย่างนี้ มันเป็นเรื่องที่ผมรับไม่ได้ เพราะคนมาด่าแล้วก็กลับ คนที่เหลือคือพี่น้อง อ.ชะอวด คนที่พาข้าวสารมาให้ 2 กระสอบแล้วก็ขึ้นเวทีด่าๆๆๆๆ สกปรก แบบนี้ผมไม่ชอบ แต่ว่าเขาด่าก็เรื่องของเขา แต่ผมไม่ด่าใคร เลยตัดสินใจว่าต้องไปหาใครมาเป็นตัวแทนแล้ว
ดังนั้น ผมเลยประสานงานให้ ผมตัดสินใจไปพบผู้ใหญ่คนหนึ่งคนที่ใกล้ชิดนายกฯ ผมบอกว่าต้องจัดตัวแทนขึ้นมาเจรจาเพื่อหาทางออกให้ประชาชน เขาบอกว่าแล้วใครทำได้ ผมบอกว่าโอเคผมทำได้ ผมขออาสาสมัครเป็นผู้ประสานงานภาคีเครือข่ายพี่น้องประชาชนเกษตรกรยางพาราและปาล์มน้ำมัน เพื่อเชื่อมต่อระหว่างประชาชนที่ชุมนุมกับภาครัฐ ผมไม่ได้เป็นตัวแทนเกษตรกรที่จะมาตัดสินใจว่า ราคายางต้องเท่านี้เท่านั้น ที่นำเสนอไปเป็นไปตามความรู้สึกของประชาชน จาก 120 บาท/กก.ผมคิดว่าตึงเกินไป เพราะถ้าตึงเกินไปเราจะหาทางลงไม่ได้ ก็เลยเสนอว่าพี่น้องเอาไหม 100 บาท/กก. เขาก็ว่าเอา ผมก็ว่าจะเอาเรื่องนี้ไปนำเสนอกับผู้ใหญ่
*** ในฐานะที่เป็นผู้ประสานงาน ขอถามตรงๆ เลยว่าการชุมนุมครั้งนี้มีการเมืองอยู่เบื้องหลังไหม
ผู้ใหญ่เขาก็ยังถามผมว่า พี่เอียดที่ว่ามีพรรคการเมืองสนับสนุน จริงหรือเปล่า ผมบอกเลยไม่จริงครับ ที่เชื่อเพราะวันนั้นผมแอบดูอยู่ในรถตู้ วันที่มี ส.ส.ประชาธิปัตย์มากันหลายคน จำได้ว่ามีท่านนิพิฏฐ์ (อินทรสมบัติ) ท่านถาวร (เสนเนียม) มาถึงก็ขอขึ้นเวที แต่ชาวบ้านไม่ให้ขึ้นที่ควนหนองหงส์ ผมก็ว่าแอ๊ะ! ถ้าไม่ให้นักการเมืองขึ้น แล้วมันจะสู้ได้อย่างไรวะ คิดในใจอยู่ แล้วเลขา ส.ส.ที่รู้จักผมก็เดินไปเรียกผมในรถตู้ อาจจะเป็นคนเดียวที่รู้จักผม เพราะเป็นสมาชิกที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน
เขามาขอร้องให้ผมพูดกับแกนนำว่า ขอให้ ส.ส.ขึ้นพูดบนเวทีได้ไหม ผมก็บอกไปว่าผมไม่รู้จักแกนนำสักคนเลยที่อยู่บนเวที สิ่งที่ชาวบ้านรู้จักผมเพราะผมเอาข้าวมาให้ 500 กล่อง แล้วเขาให้ผมขึ้นพูดบนเวที ผมก็ไม่ขึ้น แต่ที่ข้าวกล่องมีเขียนไว้ว่า เอียด เส้งเอียด ประธานชมรมรักษ์ป่าเทือกเขาบรรทัด เขาจะให้ผมขึ้นเวที ผมไม่ขึ้นอยู่อย่างนี้ ในที่สุดผมไปยืนยันกับท่านผู้ใหญ่คนนั้นบอกว่า เรื่องที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนนั้น ไม่มีจริงๆ
เมื่อไม่มีจริงๆ ผมจึงต้องหาตัวแทนที่จะประสานงานเพื่อนำเสนอเรื่องกับรัฐบาล ในที่สุดผมก็ไปหาพี่น้องทั้งควนหนองหงษ์ ทั้งที่ควนเงิน ให้ไปรวบรวมหาตัวแทนมา แต่โอโหกว่าจะได้ตัวแทนยากมาก เพราะไม่มีใครกล้า จนผมต้องขึ้นยืนยันบนเวทีว่า คำว่าพี่น้องที่จะเป็นตัวแทนประสานงานนั้น ไม่มีความผิด เพราะว่าใครๆ ก็ไม่กล้าขึ้นเวที เพราะขึ้นแค่วันแรกก็ถูกออกหมายจับแล้ว 5-6 คน วันที่สองก็ออกอีก 15-16 คน พอวันที่ 4-5 ผมขึ้นอีกออกหมายจับผมอีก แล้วใครจะกล้าขึ้น
ในที่สุดผมหาทางออกกับผู้ใหญ่คนนี้ว่า ขอให้ผู้ใหญ่ช่วยรับรองว่าผู้ประสานงานเกษตรกรจะไม่มีความผิดทางกฎหมาย ผมเลยประกาศ พอประกาศบนเวทีเขาก็มาหาผมถามว่า พี่เอียดจะช่วยไหม ผมบอกช่วย ผมช่วยแน่นอนครับ แต่ขอให้ผมเป็นตัวแทนประสานกับพี่น้อง การตกลงราคายางปาล์มก็ดี ยางก็ดี มันขึ้นอยู่กับพี่น้อง ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับผม พรุ่งนี้เขามาแน่นอนครับ ผมไม่ไปก็ได้ เพราะผมประสานให้เจอกันแล้ว ตามข่าวที่ผู้ใหญ่ส่งซิกมาวันนี้ (3 ก.ย.) อาจไม่ได้เจอกัน เขาอาจถึงนครฯ ตอน 6 โมงเย็นกว่า แต่พวกเราก็ต้องรอเพื่อเจรจานอกรอบ
เหมือนอย่างเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่มีตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกระเกษตรได้คุยกัน คือผมประสานไปยังรองผู้ว่าฯ และอีกหลายๆ คน ส่วนชาวบ้านผมรับรองความปลอดภัยเขาก็ไปกับผม ให้ตำรวจมารับเขาไม่ไป ขนาดรองผู้ว่าฯ พัทลุงพาคนคุ้มกันมารับกับรถตู้ เขาก็ไม่ไป แต่ถ้ากับผมเขาไป ผมพาไปเมื่อวานก็ได้คุยกันพักหนึ่ง เขาก็บอกว่ารัฐบาลมีเจตนาดีที่จะให้พี่น้องเกษตรกรมีเงินเต็มถุง ถ้า 100 บาท/กก. กับรัฐบาลให้การสนับสนุนตั้งเป็นกองทุนด้วยเงินงบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท แล้วเอาเงินนี้ให้เกษตรกรเป็นค่าปุ๋ยในวงเงินไร่ละ 1,260 บาท นี่คือจะได้เงินมากกว่า เพราะราคายางจริงๆ ตอนนี้มันตัดไม่ได้นานแล้ว เพราะฤดูฝน
เขาบวกลบคูณหารให้ เขาเก่งนะ เขาบอกพี่น้องรับไปเต็มๆ กระเป๋าทำไมไม่รับ แต่ผมทนไม่ไหวแล้วจึงพูดไปว่า เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ เอาที่ประชาชนเขาเรียกร้องดีกว่า ตอนนี้ลดลงมาแล้ว 100 บาท/กก. ตกลงไหม แล้วผมก็กำชับไปว่าถ้าไม้ได้ตามนี้ก็อย่ามาคุยกับพี่น้องเลย เพราะเสียเวลา ก็เขาไม่เอา นโยบายไม่ตรงกัน เรื่องปุ๋ยไม่คุย แล้วก็มีถึงกำนันที่เสียหายไปแล้วที่ยอมตกลงราคาแบบนี้
ในที่สุดผมบอกว่าเอาอย่างนี้ครับท่าน เกษตรกรไม่ได้มีแค่เจ้าของสวนอย่างเดียว อย่างสวนปาล์มปาล์ม 1,000 ไร่ ต้องมีลูกน้องดูแลและเก็บลูกปาล์มอย่างน้อย 100 คน สวนยาง 100 ไร่ก็ต้องมีลูกน้องตัดยางไม่น้อยกว่า 20 คน พวกนี้เขาไม่ได้รับประโยชน์ด้วย อีกอย่างเป็นช่องทางการหากินของภาครัฐ เกิดคอรัปชั่นอีก เช่นพี่น้องมีสวนอยู่ 10 ไร่ แต่พอไปจดทะเบียนมันเขียนเพิ่มเป็น 25 ไร่ แต่พี่น้องได้แค่ 10 ไร่ตามสิทธิ์ แล้วอีก 15 ไร่ๆ ละ 1,260 บาท คิดดูว่ามันจะได้ผลประโยชน์เท่าไร นี่คือวิธีโกงกินคอรัปชั่น
แต่เขาไม่ยอมครับ เพราะเป็นวิธีที่โกงกันมาตลอด อย่างรัฐบาลนี้ขอพูดจริงๆ โกงไม่มีวันหยุด คอรัปชั่นไม่มีวันพัก ไม่ว่าเสาร์-อาทิตย์ ฉะนั้นพวกเขากำลังจะฉิบหายวายวอด เพราะโกงกินแผ่นดินอย่างนี้ จนถูกประณามหยามหมิ่น
วันนี้รัฐบาลทำไม่ได้ทั้งๆ ที่รู้ว่าพี่น้องกำลังเดือดร้อนกันจริงๆ แค่ประกันราคายาง 100 บาท/กก. และปีหนึ่งๆ กรีดยางได้ประมาณ 7 เดือน เพราะ 3-4 เดือนที่เหลือฝนตกตลอด ตั้งงบประมาณไว้รับรองใช้ไปได้เพียง 70 % เท่านั้น อุ้มตรงนี้ไว้เพื่อลดความกดดัน แต่รัฐบาลไม่ยอม อ้างแต่เหตุผลว่ามีพรรคประชาธิปัตย์หรือมีนักการเมืองหนุนหลังอย่างเดียว เราสาบานว่าถ้าผมพูดไม่จริงขอให้รถคว่ำหรือไม่ก็ฟ้าผ่าตายไปเลย แต่ก็ไม่มีการสนับสนุน
ในที่สุดมีสายโทรศัพท์เข้ามาที่ผมบอกว่า พรุ่งนี้ท่านเลขารองนายกฯ จะไปพบพี่เอียด แล้วพี่เอียดจัดพี่น้องเกษตรกรสัก 15 คนไปเจรจากัน อาจจะต้องขึ้นกรุงเทพฯ ผมก็บอกชาวบ้านว่าพรุ่งนี้จะมีตัวแทนของรัฐบาลที่เป็นตัวจริงมาถึงชะอวด ไม่ใช่แบบขอร้องให้มา หรือมาสร้างภาพแบบเอาหน้า คือรองเลขานายกฯ ชื่อ พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง เขาจะมาหาผม ผมก็ประกาศให้พี่น้องทราบว่า พรุ่งนี้จะมีการเจรจาว่าจะได้ราคาเท่าไหร่ รัฐบาลจะยอมหรือไม่
พล.ต.ต.ธวัชเขาโทรหาผมเองบอกว่า พี่เอียดครับ ผมคนใต้นะพี่ เสียดายที่ผ่านมาผมไม่ได้ไปคุยด้วยเพราะผมอยู่ต่างประเทศ ความจริงถ้าอยู่ผมลงไปแล้ว ผมบอกท่านลงมาเลยครับ พี่น้องเกษตรกรพูดง่าย ท่านเป็นคนใต้จะกลัวอะไร มาเลยมาขึ้นเวทีพูดคุยกับพี่น้องกับผมเลย ผมรักษาความปลอดภัยให้เอง ท่านบอกโอเค ผมก็ดีใจเมื่อท่านพูดอย่างนี้ พูดอย่างเป็นกันเอง
ในที่สุดผมบอกให้ท่านมาเจรจาที่บ้านผม ถ้าให้ผมขึ้นกรุงเทพฯ ผมไม่ไปหรอกครับ เพราะเราไม่มั่นใจว่ารัฐบาลนี้จะใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไร เราถูกตั้งข้อหาตั้งแต่วันแรกที่ควนหนองหงษ์ ขนาดวันที่เจรจากันครั้งแรกที่ อบต.นาหมอบุญ พี่น้องที่เป็นแกนนำยังไม่ถึงเวทีเลย ทางโน้นแถลงข่าวแล้วว่า โอเคเกษตรกรรับเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่พี่น้องผมยังไม่ตกลงอะไรกันเลยว่าจะรับที่ราคา 80 บาท/กก.ไหม แต่ทางโน้นแถลงข่าวว่าโอเคแล้ว คำแถลงข่าววันนั้นถือเป็นการต้มกัน ฆ่าพี่น้องที่เป็นตัวแทนเกษตรกร ตอนนี้ผู้ใหญ่-กำนันที่ไปวันนั้นถูกสาปแช่งหาว่าไปปรับเงินมา
ที่สุดสืบทราบว่าเฮโลสารพาพวกเดียวกัน เสื้อแดง เราพูดอย่างนี้ว่าเขาเป็นแดง แต่เขาเป็นแดงแบบไหนเราก็ไม่รู้ เมื่อผมรู้ว่าพวกนี้เป็นแดง ผมก็เป็นแดงปกป้องสถาบัน พอรู้ว่าแดงมันจาบจ้วงล้วงละเมิดสถาบัน ผมไม่ชอบ ก็เลยตัดสินใจขึ้นเวทีอาสาเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนเพื่อประสานงานตรงนี้ นี่คือจุดของพี่เอียดครับที่ขึ้นไป ไม่ใช่ตัวแทนเกษตรกร ผมประสานงานระหว่างเกษตรกรกับรัฐบาล เพราะไม่มีคนเชื่อมแล้วจะแก้ได้อย่างไร ไอ้คนหนึ่งขึ้นเวทีด่าแล้วก็กลับ ไอ้คนหนึ่งแถลงข่าวอยู่ที่กรุงเทพฯ ว่ากูไม่ให้ ไม่เจอกัน ไม่พบกัน แล้วมันจะแก้ปัญหาได้ยังไง วันนี้มันต้องลงมา ถ้าไม่ลงมาก็แน่นอนครับ เราไม่ต้องยกระดับคับคลั่งอะไร เพียงแต่ว่าพี่น้องประชาชนต้องรอคำตอบแน่นอน
แล้ววันนี้เนื่องจากสาเหตุจากรัฐบาลละเลย จนมาถึงวันที่ต้องลุกขึ้นเป็นไฟ ไฟดวงน้อยๆ มันลามทุ่งแล้วครับ จ.พัทลุงปิดแล้ว สี่แยกปฐมพรปิดแล้ว จันท์ปิดแล้ว ตอนนี้ศาลากลางที่สุราษฎร์อยู่แล้ว โอ้โหน่ากลัวเลยครับ รัฐคิดว่าเป็นม็อบกระจอก เหมือนที่เคยบอกว่าไอ้พวกนี้ขี้ท่อม ขี้ยา ขี้ข้าทั้งนั้นที่มาอยู่ ในที่สุดการประณามหยามหมิ่นพี่น้องคนใต้เห็นได้ชัดๆ วันนี้ลุกขึ้นแล้วครับ ไฟกำลังลามทุ่งอาจจะทั่วประเทศครับ นี่คือความผิดพลาดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขอให้สำนึกสิ่งนี้ด้วย
***ตัวตนของ “เอียด เส้งเอียด” เป็นอย่างไร
ตระกูลเส้งเอียดที่ถูกประณามหยามหมิ่นว่าเป็นตระกูลโจร เพราะไม่มีใครรู้ความจริง พ่อแม่ของผมนะครับ ผักสักต้น ปลาสักตัว ไม่เคยไปขโมยของใคร ครอบครัวเส้งเอียดมีพี่น้อง 13 คน อยู่อบอุ่นใจมาตลอด พ่อแม่เป็นคนดี ไถนา ทำนา ทำไร่ ทำสวน อบรมลูกให้เป็นคนดี แต่สาเหตุที่แปรผันมาเป็นนักเลงคือ เพื่อนมากดขี่ข่มเหง อายุผม 13 ขวบพี่ชายก็ถูกฆ่าตาย โดยเอาไปยิงกลางทุ่งนา ยิงจนตาเละตาแหลกหมดเลย แค่นั้นยังไม่พออิทธิพลในหมู่บ้าน อันธพาลชั่วๆ ในหมู่บ้านมันยังจะข่มขืนพี่สาว จับพี่สาวผมเอาไปทำเมีย มันบอกว่า ไม่กี่วันจะเอามึงไปทำเมีย
ผมตัวเล็กๆ อายุ 13 ขวบพวกนี้เดินผ่านหน้าบ้าน ยิงปืนเปรี้ยง! ไอ้หนูมึงออกจากบ้าน มันเป็นการหยามกันจนผมทนไม่ไหว ผมคนเดียวที่อยู่กับพ่อครับ จับปืนระวังเวรยามอยู่กับพ่อระวังน้อง บางทีผมดูแลน้อง 10 กว่าคน พอกลับจากโรงเรียนแล้ว พอเสียงปืนดังโป้งก็พาน้องหลบลงคูหมดเลย ไอ้พวกนี้มันอันธพาล มันขู่ตลอดเวลา ผมทนไม่ไหวแปรผันจนผมตัดสินใจจับปืนเข้าป่า เป็นทหารแห่งประชาชนแห่งประเทศไทย แล้วก็ติดอาวุธมาตามล้างแค้นไอ้พวกนี้หมด ที่สุดก็มอบตัว
หลังจากออกมามอบตัวครั้งหนึ่งก็มาอยู่กับฝ่ายรัฐบาล เป็นพี่เลี้ยงพี่น้องวิทยากรพิเศษของกองทัพภาคที่ 4 ตามนโยบายใต้ร่มเย็น เป็นวิทยากร 5-6 ปีก็ได้บอกกับพี่น้องประชาชนว่า ใครที่หลงผิด ให้คิดใหม่ กลับตัวเสีย เหมือนเราบอกความจริง เขาก็เชื่อ เพราะเราเข้าไปแล้ว ไม่ยากให้คนไทยฆ่าคนไทยด้วยกัน
อยู่ๆ น้องชายคนหนึ่งเป็นทหารพรานลาออกเพราะขัดใจกับทหารพรานด้วยกัน มันมายิงน้องผมตาย ยิงกลางวันต่อหน้าคน 40-50 คน คนหนึ่งเรียกมานี่หน่อยมาคุยกัน ไอ้คนหนึ่งถือปืนเอ็ม 16 ยิงที่บ้านเลย หัวขาดเลย ผมรู้ว่าใครยิง ผมไม่ยากเอาเรื่องเอาความ เพราะเราก็ผ่านมาเยอะ น้องชายเราก็คงไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ แต่กฎหมายต้องลงโทษมัน ไม่ใช่เผด็จการ ถือว่าเป็นทหารพรานแล้วจะใช้ปืนยิงใครก็ได้ ผมไปแจ้งความตำรวจไม่รับ ร้องกับท่านผู้ว่าฯ ก็ไม่รับ ร้องเรียนกับทหาร ทหารก็ร้องไปยังผู้ว่าฯ ก็ไม่มีใครรับ ที่สุดมันรู้ว่าผมตัวจริงก็ตามฆ่าผมอีก จนผมต้องจับปืนเป็นครั้งที่ 2 ตามล่าทหารพรานที่ฆ่าน้องชายผมตายและผู้ร่วมงาน จบฉากที่ 2
ฉากที่ 3 ฆ่าเขา เราก็ต้องหลบหนี ผมต้องคดีอาญาฆ่าคนตาย ฆ่าเจ้าหน้าที่ข้อหาหนักอยู่แล้ว 4-5 ศพ แล้วตามล่ากันอยู่ ผมก็ต้องหนีจากพัทลุงไปอยู่นครสวรรค์ เชียงราย เชียงใหม่ ลพบุรี สิงห์บุรี ไปหมด อยู่อย่างความยากลำบาก ต้องอดทนมาก ไปดายหญ้าเขาจ้างได้วันละ 35 บาท หักข้าวโพดเขาจ้า วันละ 35 บาท ทำงานทุกอย่างเพื่อเลี้ยงชีวิตให้รอด เพราะผมคือครอบครัวที่รอความหวัง โดยเฉพาะผมมีครอบครัวแล้ว ไม่อยากตาย ถ้าผมตายไปคนเดียวพวกนี้จะกดขี่ข่มเหงพี่น้อง ที่สุดถูกตามล่า ตั้งค่าหัวตอนนั้นประมาร 500,000 บาทได้ จับเป็นหรือตายก็ได้
จนผมเห็นครอบครัวผมเดือดร้อน ก็ลงมาจากนครสวรรค์ สงสารเมีย ต้องหาเงินไว้ให้เมียสักก้อนหนึ่ง ลูกจะได้เรียน จะได้มีงานทำ ถ้าเราหนีอย่างเดียวไม่กี่วันเราก็ตาย ตัดสินใจปล้นชาวบ้าน เรียกค่าไถ่ก็ไม่กล้าทำ จึงไปสตูลเมื่อปี 2528-2529 ไปปล้นฝิ่นของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เอามาเรียกค่าไถ่ได้ 1.5 ล้านบาท ครั้งแรกที่เป็นโจร พอได้เงินปั๊บต้องแจกลูกน้องและพี่น้องประชาชนคนละ 4-5 หมื่นบาท ใครที่ติดหนี้สินใช้ให้หมด จนเหลือ 2 แสนบาท
อิทธิพลกำนัน จ.สตูลตามล่าอีก ก็เข้าป่าแล้วตั้งกองกำลังขึ้นมา ไหนๆ ก็ฉิบหายอยู่แล้ว ค่าหัวก็มีแล้ว ตัดสินใจจับนายทุนที่กดขี่ข่มเหงเรียกค่าไถ่ โดยเฉพาะนายทุนที่มาทำสวนปาล์มจากมาเลย์ 3-4 ล้านบาทได้ เพราะรู้ว่าคือนายทุนหน้าเลือดกดขี่ข่มเหงประชาชน ชาวบ้านถูกนำไปฆ่า ไปทุบ ไปตี แล้วแย่งเอาสมบัติที่ดินมา พวกอิสลามก็โดนด้วยการเอาหมูไปขังไว้ในสุเหร่า ผมเห็นว่ามันโหด
นึกขึ้นได้กูเป็นโจรดีกว่า ปล้นชาวบ้านที่กระบี่ด้วย 2 ครั้ง หลังจากนั้นมีลูกน้องเป็น 20-30 คน อาสาจับคนนู้น คนนี้มาให้ผมขอ 2 ล้านบาท ผมเรียกไป 4 ล้านบาท ถือว่าเป็นประธานโจรสมัยนั้น ไม่ใช่ประธานหอการค้านะ ได้เงินส่วนหนึ่งแบ่งให้พี่น้อง ส่วนหนึ่งมาซื้อฐานะ ส่วนหนึ่งให้เพื่อนฝูงที่เดือดร้อน ลูกน้องประมาณ 30-40 คน ครอบครัวหนี้สินก็จ่ายหมด แต่ก็อยู่ไม่นาน
วันหนึ่งหนังสือพิมพ์บอกว่า เอียด เส้งเอียด จะหาเงินให้ได้ประมาณ 40 ล้านบาท จะตั้งกองทัพประชาชนเพื่อปลดปล่อยตัวเอง ต่อต้านรัฐบาล ค่าหัวขึ้นไปเป็น 2 ล้านบาท ต้องหนีขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อจับผมไม่ได้ไปจับพ่อแม่พี่น้องผม จับแม่ยายมา พ่อตามา น้องเมียมา หลานมา พี่น้องมา เอามาบังคับถามว่า เอียด เส่งงเอียด อยู่ไหน ถ้าไม่บอกจะยัดคดีให้
ผมเลยตัดสินใจลงมาจากเชียงราย ตอนนั้นอยู่ที่ อ.เทิง กลับมาแล้วขอให้ปล่อยพ่อแม่ผม ถ้าไม่ปล่อยผมจะระเบิด จ.พัทลุงให้เนียนเหมือนปลากระป๋อง ลงมาคืนเดียวก็เกม ถูกจับไปอยู่คุกหลายปี ศาลตัดสินทั้งหมด 2 ประหาร ลดเหลือ 2 ตลอดชีวิต กับพ่วงท้ายที่มีกำหนดโทษ 135 ปี อยู่คุกจริงๆ 22 ปี 2 เดือน 29 วัน ถูกจองจำด้วยเครื่องพันธนาการอยู่ 11 ปี มีตรวนผูกเท้าหนัก 11.5 กิโลฯ ใส่จน 11 ปีเหลือ 9 กิโลฯ คิดดู แล้วขังห้องขังเดี่ยวห้ามเจ้าหน้าที่ ห้ามนักโทษติดต่อ นักโทษไปเรียกพี่เอียดกินข้าวหรือยัง เจ้าหน้าที่จับได้เอาไปซ้อม ไปทุบ ไปตี ผมอยู่คนเดียวตลอด
แต่ผมสู้ชีวิต ถือว่าผมทำผิดก็ต้องรับโทษ ไม่ใช่เหมือนท่านทักษิณ (ชินวัตร) ทำผิดแล้วหนีไปต่างประเทศเลย เพราะมีเงิน แต่ผมไม่มีเงินต้องอยู่คุก อันนี้เข้าการเมืองนิดหน่อย
เมื่อเป็นผู้ต้องขังผมก็ทำหน้าที่ดีที่สุด คือรับใช้พี่น้องประชาชน ไม่สร้างความเดือดร้อน ไม่ทำผิดวินัย เป็นนักโทษชั้นเยี่ยมมา 22 ปี พระราชทานอภัยทามาแต่ละครั้งผมได้มาก เลยพ้นโทษได้ นี่ก็ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ผมตัดสินใจออกจากป่าแล้วว่า ชีวิตที่เหลือเพื่อพระองค์ เพราะถ้าไม่มีในหลวง ผมก็ไม่มีวันนี้ แล้วผมจัดตั้งชมรมรักษ์ป่าเทือกเขาบรรทัด ตอนนี้ผมมีสมาชิก 300 คน มีเครือข่ายภาคเครือข่ายปกป้องสถาบันอยู่ 400-500 คน ผมทำเพื่อในหลวงจริงๆ นะครับ
*** แล้วตอนนี้ที่ต้องมาเป็นผู้ประสานงานการชุมนุมขอบงเกษตรกรที่นี่
เป็นผู้ประสานงานให้ชาวสวนที่ชุมนุมนี้ ผมยากบอกสื่อว่าไม่ใช่งานถนัด แต่สงสารพี่น้องประชาชน ถ้าผมไม่ประสานวันนี้ก็ยังไม่เกิด ใครจะมองผมว่าเป็นแกนนำ รัฐบาลจะว่า ผู้ว่าฯ จะยิง ตำรวจจะฆ่า ทหารจะอุ้ม หรืออิทธิพลแค่ไหนก็ไม่ว่าครับ เพราะว่าชีวิตที่เหลือเราทำความดี พี่น้องประชาชนคือสมบัติ เป็นทรัพยากรอันสำคัญที่สุดที่ผมคิด แล้วทุกคนที่มาต่อสู้เป็นคนจน เป็นพสกนิกรของพระองค์ ของในหลวง ผมไม่รู้จะทำยังไงนะ มันขึ้นไปแล้ววันนี้
ผมยังโทรไปหาเพื่อนที่เป็นเลขาของหม่อมเจ้า บอกว่าช่วยผมด้วยนะครับ ผมกำลังจะตายแล้ว ขอฝ่าบาทต่อสายกับผมหน่อย ฝ่าบาทก็บอกโอเคพี่เอียดทำความดีมาตลอด พระคุ้มครอง ในที่สุดทางผู้ใหญ่ข้างในโน้นก็จัดประสานให้ผมพบคนโน้น พบคนนี้ จึงมีโอกาสที่จะดับไฟตรงนี้ได้ แต่เสียดายครับ รัฐบาลไม่ยอม ผมพยายามทำ นี่ผมก็อ่อนแอ ผมท้อแท้เหลือเกิน ทำไมรับบาลไม่ยอม ทั้งๆ ที่ผมไม่ต้องการให้พี่น้องของเราเสียเลือดเสียเนื้อ วันนี้ถามผมบอกว่าท้อไหม ท้อครับ แต่ผมถอยไม่ได้ ผมรักพี่น้อง
ผมจะเป็นจะตายก็ต้องอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่จนกว่าพี่น้องเกษตรกรของเราจะถอยเอง แล้วให้ผมสั่งถอยไม่ได้ เพราะผมไม่ได้จุดประกายขึ้นมา แต่ผมจะดูแลความปลอดภัย ดูแลความสงบ ผมเช็คไปกับตำรวจว่าเขาปิดถนนอยู่ตรงนี้นะท่าน ผู้กับครับกรุณาเปิดทางหน่อย ท่านก็เปิดให้ แต่ผู้กำกับคนไหนไม่รู้นะ ผมไม่บอก ท่านผู้กำกับครับดูแลพี่น้องในที่ชุมนุมด้วยนะครับ กลางคืนให้ระมัดระวังตั้งด่านนะท่านนะ ห่างจากม็อบ ห่างจากพี่น้องชุมชนกี่กิโลฯ แล้วปิดให้แน่นไปเลย 2-3 ชั้น เพื่อความปลอดภัย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมาเราก็จะได้แสวงหาว่า เป็นความขัดแย้งกันเอง หรือม็อบต่อม็อบ หรือว่าเป็นมือที่ 3 เราจะได้รู้ข้อเท็จจริง แล้วตำรวจที่อยู่รอบนอก จ้องๆ ค่อยๆ ถอยออกไป
ผมไม่ได้เจรจากับท่านผู้การจังหวัดนครฯ เพราะไม่รู้จักผม ก็ยากได้เบอร์ท่านเผื่อจะได้คุยกัน แล้วผู้ว่าฯ เขาก็ไม่เคยรู้จักผม แต่ผมทำตรงนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และเชื่อเหลือเกินว่า พระบารมีของพระสยามเทวาธิราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พ่อท่านคล้ายต้องปกครองผมและพี่น้อง ด้วยเพราะผมมีจิตใจที่บริสุทธิ์ ไม่เคยรับผลประโยชน์ใครแม้แต่บาทเดียว ทุกวันค่าน้ำมันรถผมยังทะเลาะกับเมีย เพราะผมใช้รถ 4-5 คัน วันละ 5 คัน ลองคิดดู
*** ตอนนี้ทิศทางการชุมนุมของเราจะเดินไปอย่างไร
ต้องอยู่ที่พี่น้องประชาชน ไม่ใช่อยู่ที่ผม อยู่ที่พี่น้องเกษตรกร ถ้าเขาลง ผมลง ถ้าเขาเปิด ผมเปิด ถ้าเขาลุย ผมลุย ผมไม่มีสิทธิ์ที่บอกว่าห้ามเปิดทางรถไฟ ถ้าเขาปิดต่อผมก็ไม่มีสิทธิ์ แต่ถ้ามีอะไรผมก็จะแนะนำในทิศทางที่ดีว่า ควรอย่างนั้น ควรอย่างนี้ เพราะเราเป็นผู้ประสาน และพี่น้องประชาชนทั้ง 2 เวทีก็วางใจกับผม เพราะผมไม่ขายตัว ไม่ไปเป็นคนชั่วหลอกพี่น้องประชาชนเพื่อไปรับเงินฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ผมขอบใจพี่น้องควนหนองหงษ์ พี่น้องบ้านตูล พี่น้อง จ.นครฯ ที่วางใจผม แล้วเสียใจที่มีคน SMS มาบอกว่า เราไม่เอาผู้นำโจร ก็ไม่ว่ากันละครับ ผมไม่ได้เป็นผู้นำ แต่เป็นฟันเฟืองตัวหนึ่งที่จะดูแลให้พี่น้องตรงนี้ได้รับความปลอดภัย หากเกิดปัญหาขึ้นก็หาข้อเท็จจริงว่ามันเกิดจากไหน เราไม่ต้องด่ากันสุ่มสี่สุ่มห้า
ฉะนั้นขอกราบเรียนว่า ทุกอย่างทำไปเพื่อช่วยเหลือรับใช้พี่น้องประชาชนด้วยชีวิตจิตใจ ไม่เคยคิดจะเป็นใหญ่ ไม่เคยคิดจะเป็น ส.ส. บอกจริงๆ ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัด พระธาตุนครฯ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ถ้าหากเรื่องนี้ยุติจริงๆ ผมจะบวช ผมไม่รับตำแหน่งอะไร ขอให้พี่น้องของเราปลอดภัย ขอบคุณครับ