xs
xsm
sm
md
lg

รัฐใส่ไฟ!ตายยิงกันเอง ม็อบยางจ่อยกระดับกำนัน-ผู้ใหญ่กลับลำหนุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ม็อบสวนยางเดือด! การ์ดถูกลอบยิงดับ 1 สาหัส 1 "เอียด เส้งเอียด" ลั่นรัฐบาลต้องรับผิดชอบ สตช.เติมเชื้อไฟทะเลาะกันเอง ชี้เมา-แก๊งลูกขวานลอยลม-มีอาวุธปืน ส่วนกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านกลับหนุน เลิกเป็นโล่ให้ทางการ "มาร์ค" รุดเยี่ยมคนเจ็บ ด้านเลขาฯ สมช.อ้างเรื่องส่วนตัว-ชุมนุมคนเดือดร้อน เพื่อไทยปัดทุ่มงบ 200 ล้าน ล็อบบี้แกนนำเหนือ-อีสาน ส.ส.ปชป.คาดฝีมือ จนท.รัฐ "ถาวร" ถามตำรวจรู้ได้ไงยิงกันเอง อดีตผู้พิพากษาโพสต์จี้ "เทพ เทือก" ถึงเวลาเป่านกหวีดไล่รัฐบาลแล้ว

เมื่อเวลา 03.00 น. วานนี้ (1 ก.ย.) เกิดเหตุคนถูกยิงบริเวณที่ชุมนุมประท้วงของชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน แยกบ้านตูล หมู่ 1 ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 คน ทราบชื่อนายศิริชัย บุญนุวงศ์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 153 หมู่ 6 ต.ชะอวด อ.ชะอวด ถูกกระสุนบริเวณเบ้าตา นายสิทธิศักดิ์ ใจงาม อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 159 หมู่1 ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ถูกกระสุนที่ลำคอด้านซ้าย ริมฝีปากซ้าย และโหนกแก้มซ้าย ต่อมาโรงพยาบาลชะอวด ส่งต่อโรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช แต่นายศิริชัยเสียชีวิตในเวลาต่อมา

รุ่งเช้านายเอียด เส้งเอียด พร้อมทีมผู้ประสานงานเข้าตรวจสอบผู้ที่เข้ามาในบริเวณจุดเกิดเหตุอย่างเข้มงวด ขณะที่ผู้สื่อข่าวต้องตรวจสอบบัตรประจำตัว และต้นสังกัดอย่างละเอียด โดยให้เหตุผลว่ากลัวเจ้าหน้าที่จะแฝงตัวเข้ามา เนื่องจากผู้ชุมนุมมีท่าทีโกรธแค้นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นฝีมือของทางการ ขณะที่พนักงานสอบสวน ไม่สามารถเข้าที่ในที่เกิดเหตุได้

นายเอียด กล่าวว่า ไม่สนใจแล้วว่าใครจะมายิง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นรัฐบาลต้องรับผิดชอบ ซึ่งจะยกระดับการชุมนุมแน่นอน ส่วนเจ้าหน้าที่ซึ่งแฝงตัวเข้ามา หรือกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะมาสร้างความวุ่นวาย เมื่อถูกจับได้เราควบคุมสถานการณ์ไม่ได้แน่นอน ดังนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้

เวลา 10.30 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัด พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว. ร่วมประชุมแนวโน้มการชุมนุมอย่างเครียด ซึ่งภายหลังการประชุม พล.ต.ต.รณพงศ์ ยืนยันว่าเหตุลอบยิงไม่ใช่การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งก่อนหน้านี้ได้สั่งให้ตำรวจตั้งด่านอาวุธ และรักษาความสงบเรียบร้อย 4 จุดสำคัญที่จะเข้าสู่อ.ชะอวด เพราะเกรงว่าจะมีมือที่สามเข้าไปสร้างสถานการณ์ให้บานปลาย และเพื่อให้เหตุการณ์คลี่คลายโดยเร็ว ต้องขอความร่วมมือผู้ชุมนุม ให้ตำรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ตั้งรางวัลนำจับ 1 แสนบาท และผู้ว่าราชการจังหวัดสนับสนุนอีก 5 หมื่นบาท ให้แก่ผู้ที่แจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดแล้ว โดยแจ้งได้ที่ 1599 หรือที่ภ.จว.นครศรีธรรมราช

"ตำรวจไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ชุมนุมเลย มาทราบเหตุจากรายงานของโรงพยาบาลชะอวด ซึ่งตำรวจพยายามทำความเข้าใจเพื่อจะเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพราะการเก็บพยานหลักฐานถือเป็นเรื่องสำคัญมาก"

ด้านนายวิโรจน์ กล่าวว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาตำรวจพร้อมดูแลประชาชน แต่เกรงว่าการตรึงกำลังในพื้นที่อาจทำให้เหตุการณ์บานปลาย จึงยอมถอนกำลังแล้ว และหากตนทำให้จังหวัดเสียหาย ก็พร้อมย้ายออกจากพื้นที่ ส่วนจะไปประจำตำแหน่งที่ใดก็ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา

ขณะที่สำนักประชาสัมพันธ์ ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช จัดทำใบปลิวขนาด A4 ประทับตราสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจกจ่ายต่อสาธารณชน เนื้อหาระบุว่า วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2556 เวลา 10.30 น. นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัด และพล ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.แถลงข่าว สรุปว่าด้วยเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2556 เวลาประมาณ 03.30 น. คนร้ายใช้ปืนยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กระสุนปืนถูกนายศิริชัย บุญนุวงศ์ และนายสิทธิศักดิ์ ใจงาม แก๊งลูกขวานลอยลม ขณะนั่งดื่มสุราอยู่ในบริเวณการชุมนุม กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำตัวส่งโรงพยาบาลชะอวด

ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงว่า หลังเกิดเหตุพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้เรียกประชุมตรวจสอบสถานการณ์ ขอย้ำว่าประชาชนสบายใจได้ การทำงานจะเป็นไปด้วยความโปร่งใส รวบรวมพยานหลักฐานตามแนวทางนิติวิทยาศาสตร์ เป็นการทำงานอย่างใกล้ชิดของพนักงานสอบสวนเจ้าของพื้นที่ และฝ่ายปกครอง โดยส่งพล.ต.อ.รชต เย็นทรวง ที่ปรึกษา(สบ10) ไปกำกับดูแล และเป็นพี่เลี้ยง มีกองพิสูจน์หลักฐานลงไปช่วยรวบรวมพยานหลักฐาน

ทั้งนี้ ขณะนี้มี 2 สมมติฐาน คือ เป็นไปได้เหมือนกันว่าอาจเป็นการทะเลาะเบาะแว้งในกลุ่มผู้ชุมนุมเอง หรืออาจเกิดจากการไม่พอใจของเจ้าของพื้นที่ ซึ่งภายใน 1-2 วันนี้จะมีความคืบหน้า เนื่องจากจะมีการสอบสวนทั้งพยานบุคคล และพยานหลักฐานที่ได้จากที่เกิดเหตุ ที่สำคัญ คือ ลักษณะของบาดแผล ซึ่งจะชี้ให้ว่าเป็นการยิงจากระยะใกล้หรือระยะไกล

ต่อมา เวลา 04.20 น. โรงพยาบาลชะอวด ได้แจ้งสภ.ชะอวด พนักงานสอบสวนไปดูที่โรงพยาบาล ปรากฏว่าผู้บาดเจ็บมีอาการสาหัส จึงส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช พนักงานสอบสวนจึงตามไป ต่อมาเวลา 08.00 น. ได้รับแจ้งจากแพทย์ว่านายศิริชัยเสียชีวิตแล้ว

การสอบสวนยังมีปัญหาข้อขัดข้อง เนื่องจากทราบจากแหล่งข่าวว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีอาวุธปืน และไม่ยอมให้ตำรวจเข้าไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งจากนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้บังคับบัญชาระดับสูง กำชับไม่ให้มีการกระทบกระทั่งกัน ทำให้ตำรวจไม่อาจเข้าไปตรวจสถานที่เกิดเหตุได้ หากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยินยอม

เวลา 11.00 น. นายเอียด เส้งเอียด อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 2 สรุปว่า ขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวด้วยความถูกต้อง และเป็นธรรม เพราะผู้ที่มาชุมนุมเดือดร้อนจริงๆ แต่ตำรวจและรัฐบาลพยายามใส่ร้ายป้ายสี ว่ามีการเมืองหนุนหลัง และจากที่ผู้ชุมนุมถูกยิงเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ รัฐบาลต้องรับผิดชอบเพียงผู้เดียว เพราะคนที่ตายไม่ใช่เป็นโจร ไม่ใช่นักโทษ แต่เป็นชาวบ้านที่เดือดร้อน และเหตุการณ์ลอบยิงนั้น แม้จะเป็นฝีมือตำรวจ หรือมือที่ 3 หรือฝีมือรัฐบาล เราไม่ติดใจ แต่ต้องให้ตำรวจที่มีอยู่เป็นพันนายออกไปจากอ.ชะอวด เนื่องจากไม่สามารถดูแลความปลอดภัยได้ นอกจากนี้กลุ่มผู้ชุมนุมพร้อมจะเจรจากับรัฐบาล หากทำตามข้อตกลงที่ได้ออกแถลงการณ์ไว้แล้วในฉบับที่ 1 แต่หากไม่ตกลง จะยกระดับการชุมนุม โดยจะให้เวลาถึงเวลา 11.00 น. วันที่ 2 กันยายน

ตอนท้ายแถลงการณ์ระบุว่า สำหรับผู้ร่วมชุมนุมที่ถูกลอบยิงเสียชีวิต จะนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่หน้าเวที บริเวณแยกบ้านตูล ต.บ้านตูล อ.ชะอวด พร้อมกับเคลื่อนไหวเรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อไปด้วย

***กำนันผู้ใหญ่บ้านกลับลำหนุนม็อบ

ต่อมา นายยงยศ แก้วเขียว นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครศรีธรรมราช แถลงจุดยืนว่า ขอสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม ที่ได้รับความเดือดร้อนจากราคาผลผลิตทางการเกษตรที่ตกต่ำ

ขณะที่นายพรสิทธิ์ ไพรสณฑ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.ช้างกลาง อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า สนับสนุนให้ชุมนุมต่อไป และอยากเรียกร้องให้ภาครัฐรีบมาแก้ปัญหาโดยเร็ว ขณะเดียวกันกำนันและผู้ใหญ่บ้าน จะไม่เป็นโล่ให้กับทางราชการ แต่จะอยู่กับประชาชน

ที่โรงแรมไดมอนด์ พลาซ่า จ.สุราษฎร์ธานี นายคำรณ เทือกสุบรรณ นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่จังหวัดสุราษฎร์ธานี น้องชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ออกแถลงการณ์เรียกร้อง 4 ข้อ ประกอบด้วย 1.สมาคมเห็นว่าการชุมนุมเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ขอให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้เลวร้ายไปกว่านี้ 2.สมาคมยืนยันอยู่เคียงข้างประชาชน และไม่เห็นด้วยกับคำแถลงการณ์ที่ว่า สมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านภาคใต้คัดค้านการชุมนุม

3.ไม่เห็นด้วยกับการที่เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม เนื่องจากผู้ชุมนุมได้รับความเดือดร้อนจริง ไม่ใช่กลุ่มจัดตั้ง 4.สมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดสุราษฎร์ธานี จะอยู่เคียงข้างชาวสวนยาง สวนปาล์มอย่างจริงใจ ไม่มีการหนุนหลังจากนักการเมือง หรือพรรคการเมืองใด และขอเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด เพื่อช่วยลดความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น

ด้านนายคำรณ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของชาวสวนยางและสวนปาล์ม เพราะได้รับความเดือดร้อนจริง และที่แสดงจุดยืนไม่ได้เห็นแตกแยกกับผู้ว่าราชการจังหวัด ไม่มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง อย่างไรก็ตามขอฝากไปยังรัฐบาลว่า ให้ช่วยเหลือเกษตรกรอย่างจริงจังด้วย

เวลา 14.30 น. นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เรียกนายอำเภอ 19 อำเภอ ประชุมด่วนเพื่อเตรียมรับกลุ่มผู้ชุมนุมใหญ่ที่ สหกรณ์สุราษฎร์ธานีหรือโคออฟ วันที่ 3กันยายน ซึ่งมีการประเมินสถานการณ์จะรุนแรงกว่าปกติ หลังเกิดเหตุการ์ดของผู้ชุมนุมที่จ.นครศรีธรรมราช ถูกยิงเสียชีวิต โดยมีคำสั่งตั้งศูนย์อำนวยการแก้ปัญหาการชุมนุมเรียกร้องของเกษตรกรชาวสวนยางพารา มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อติดตามสถานการณ์และวางมาตรการป้องกัน ไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนและผู้ใช้รถใช้ถนน พร้อมสั่งให้นายอำเภอทำความเข้าใจกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเชื่อว่าชาวสวนยางในจ.สุราษฎร์ธานี จะออกมาเคลื่อนไหวไม่มากนัก แต่หวั่นที่มาจากจังหวัดอื่นอาจจะปิดถนน ส่งผลให้ชาวสุราษฎร์ธานีได้รับความเดือดร้อน

เวลา 17.00 น. ที่ห้องไอซียู 1 โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน เยี่ยมอาการบาดเจ็บของนายสิทธิศักดิ์ ใจงาม โดยมีนางพวงมาศ เรืองศรี มารดาเฝ้าอาการ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มาให้กำลังใจผู้บาดเจ็บและครอบครัว ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นอยากให้รัฐบาลตระหนักถึงความเดือดร้อน และเร่งคลี่คลายสถานการณ์ ซึ่งย้ำไปแล้วว่า วิธีการ คือ ควรไปแก้ที่ต้นเหตุให้เกษตรกรอยู่ได้ ความเดือดร้อนตรงนี้พูดกันมานาน ตลอด 2 ปีที่ผ่านมารายได้เหลือ 1 ใน 3 มันอยู่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง

ที่สหกรณ์การเกษตรยางพาราบ้านซำเบ็ง ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายสุนทร พวงมาลี ประธานเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา อ.กันทรลักษ์ กล่าวภายหลังประชุมแกนนำอ.กันทรลักษ์ และอ.ขุนหาญ ว่าการชุมนุมใหญ่ของชาวสวนยางภาคอีสาน ต้องรอฟังมติจากที่ประชุมใหญ่เครือข่ายชาวสวนยางพาราภาคอีสาน เพราะจะให้เวลารัฐบาลแก้ปัญหาภายใน 15 วัน หากไม่เป็นที่พอใจ ก็พร้อมจะร่วมชุมนุมทันที

นายเมตต์ แสงจันทร์ ปลัดอาวุโสอำเภอกันทรลักษ์ กล่าวว่า ที่ประชุมยอมรับข้อเสนอของรัฐบาล ที่จะลดต้นทุนการผลิต โดยจะมอบเงินสนับสนุนปัจจัยการผลิตไร่ละ 1,260 บาท รอบแรกรายละ 10 ไร่ และจะขยายให้ถึง 25 ไร่ ซึ่งวันที่ 3 กันยายน จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และจะโอนเงินผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรให้เกษตรกรโดยตรง

***สมช.อ้างเรื่องส่วนตัว-ชุมนุมคนเดือดร้อน

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สันนิษฐานไว้ 2 ประเด็น คือ เรื่องส่วนตัว หรือเรื่องที่เกี่ยวกับการชุมนุม เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นคนนอกพื้นที่ สร้างความเดือดร้อนให้คนในพื้นที่ แต่ปัญหาคือเหตุเกิดช่วงกลางดึก หาพยานหลักฐานยาก คงต้องใช้เวลา โดยเริ่มที่การตรวจสอบประวัติผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ

เมื่อถามถึงการชุมนุมวันที่ 3 กันยายน พล.ท.ภราดร กล่าวว่า จะมีเพียงในภาคใต้ที่จ.นครศรีธรรมราช และจ.สุราษฎร์ธานี เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ได้ ส่วนภาคอื่นเชื่อว่าไม่มีการชุมนุม

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐนตรี กล่าวว่า จะมาเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบได้อย่างไร เพราะบอกแต่แรกแล้วว่าตำรวจขอเข้าไปรักษาความปลอดภัยให้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหามือที่สามฉวยโอกาสปลุกปั่น สร้างสถานการณ์เพื่อกล่าวหารัฐบาล เตือนแล้วให้ระวัง ทั้งนี้ต้องขอร้องผู้ชุมนุมให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และให้เข้าไปรักษาความปลอดภัยใกล้มากขึ้น และผู้ชุมนุมน่าจะยอมรับข้อเสนอของรัฐบาล ในเรื่องของเงินสนับสนุนปัจจัยการผลิต

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีแกนนำม็อบระบุว่ารัฐบาลทุ่มเงิน 200 ล้านบาท ล็อบบี้แกนนำชาวสวนภาคเหนือ และภาคอีสาน ไม่ให้นำคนมาร่วมชุมนุมว่า ไม่เป็นความจริง รัฐบาลไม่ใช้เงิน 200 ล้านบาทสกัดกั้น แต่แกนนำภาคเหนือ ภาคอีสานเข้าใจดีว่ารัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหา ไม่เลือกปฏิบัติ แต่การปิดถนนเป็นการใช้ประชาชนเป็นตัวประกัน กระทบภาพลักษณ์ประเทศ อย่างไรก็ตามการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะลงไปพูดคุยกับแกนนำภาคใต้ ถือเป็นเรื่องดี อยากให้นายอภิสิทธิ์สะท้อนปัญหามายังรัฐบาลซึ่งพร้อมรับฟังเกษตรกร

นายอภิชาต การิกาญจน์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คาดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ เพราะคนร้ายลงมือช่วงปลอดคน เหลือแต่การ์ดเฝ้าเวทีและประจำจุด ซึ่งจากการประสานงานกับชาวบ้านทราบว่าคนร้ายยิง 4 นัด เข้าเป้าทุกนัดที่ศีรษะ ลำคอ และหน้าอก น่าจะใช้ปืนติดลำกล้องลอบยิงจากระยะไกล เบื้องต้นสันนิษฐานไว้ 2 ประเด็น คือ 1.ขัดแย้งส่วนตัว และ 2.สวมรอยสร้างสถานการณ์โดยเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เรื่องแรกตัดทิ้งไปได้ เพราะคนในพื้นที่เวลานี้สามัคคีกันเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขราคายางตกต่ำ ซึ่งเหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้ชาวบ้านแรงขึ้น ทั้งคนในพื้นที่และแนวร่วมภาคใต้

ทั้งนี้ กำลังประสานกับส.ส.นครศรีธรรมราช ช่วยเหลือจัดงานศพและเรื่องคดี เพราะชัดเจนแล้วว่าชาวบ้านถูกกระทำ และยังสร้างข่าวว่าชาวบ้านขัดแย้งและยิงกันเอง ซึ่งไม่จริง โดยกำลังประสานงานเพื่อขอให้ตำรวจเข้าไปเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ

"ขอให้ยุติการสร้างข่าวเท็จ หยุดข่มขู่ ประทุษร้าย วันนี้ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นคนของรัฐทำ เพราะมีการสลายการชุมนุม ใช้ไฟฟ้าช็อตชาวบ้าน วันนี้ยิงชาวบ้านอีก ตำรวจก็ไม่กล้าเข้ามาเก็บหลักฐานในพื้นที่ ขอให้เข้าใจว่าอ.ชะอวด เมื่อ 40 ปีก่อนเคยมีการต่อสู้กับอำนาจรัฐ เพราะชาวบ้านถูกข่มเหงรังแก วันนี้ยังใช้วิธีการเช่นนี้ จะยิ่งสร้างปัญหาให้รุนแรงยิ่งขึ้น"

ขณะที่นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนประหลาดใจว่า หลังเกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมง ตำรวจประกาศผ่านสื่อว่าชาวบ้านยิงกันเอง เพราะประเด็น คือ ตำรวจยังไม่ได้เข้าไปพิสูจน์หลักฐาน หรือไปตรวจสอบแนวยิง แล้วทราบได้อย่างไรว่ายิงกันเอง จุดนี้ทำให้ผู้ชุมนุมเกิดความแคลงใจว่าตำรวจรู้ได้อย่างไร จึงขอให้รัฐบาลส่งคนลงมาดูแลปัญหานี้ เพราะกรณีนี้รัฐบาลต้องรับผิดชอบ หรือทำความเข้าใจกับพี่น้องชาวสวนยาง โดยเฉพาะคนอ.ชะอวด ที่ถูกกระทำถึงชีวิต และขอเตือนอีกครั้งว่าอย่าใช้ความรุนแรงกับชาวบ้าน

นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา โพสต์ลงเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ เคยประกาศบนเวทีผ่าความจริงหลายครั้งว่า ถ้ารัฐบาลใช้กำลังปราบประชาชนได้รับบาดเจ็บแม้เท่ารอยแมวข่วน จะเป่านกหวีดชวนประชาชนออกมาขับไล่รัฐบาล และเมื่อคืนที่ผ่านมา บนเวทีผ่าความจริง ที่เขตมีนบุรี นายสุเทพประกาศอีกครั้งหนึ่งว่า ถ้าประชาชนที่ชุมนุมอยู่ที่อ.ชะอวด ได้รับบาดเจ็บจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ก็จะเป่านกหวีดทันที 

"บัดนี้ประชาชนถูกยิงบาดเจ็บ 1 คน เสียชีวิต 1 คนจึงถึงเวลาที่นายสุเทพ ต้องเป่านกหวีดชวนประชาชนออกมาขับไล่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แล้ว ในฐานะที่เป็นคนสุราษฎร์ธานี อยากขอให้นายสุเทพ รักษาคำพูด อย่าให้เสียชื่อคนสุราษฎร์".
กำลังโหลดความคิดเห็น