พนักงานไอแบงก์แต่งชุดดำประท้วง “ธานินทร์” บริหารงานห่วย ทำให้ธนาคารตกต่ำถึงขีดสุด ผลดำเนินงานขาดทุนสูง และธนาคารต้องสูญเสียความเชื่อมั่น
รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานธนาคารอิสลาม (ISLAMIC BANK OF THAILAND) หรือ ไอแบงก์ พร้อมใจแต่งชุดดำเพื่อประท้วงการบริหารงานของ นายธานินทร์ อังสุวรังษี อดีตผู้บริหารบริษัท แคปิตอล โอเค ที่อยู่ในเครือบริษัทชินคอร์ปเก่า ซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยมีพนักงานร่วมลงชื่อกว่า 1,400 คน ในวันนี้
พร้อมกันนี้ ยังได้ยื่นหนังสือร้องเรียน นายบัณฑิต โสตดิพลาฤทธิ์ ประธานคณะกรรมการให้มีการตั้งกรรมการสอบการดำเนินงานของผู้บริหารธนาคารในหลายประเด็น โดยระบุว่าเพื่อกอบกู้สถานการณ์ที่ตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ธนาคาร
หนังสือดังกล่าวระบุว่า ไอแบงก์ ได้ตกต่ำถึงขีดสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งธนาคารมา ทั้งในด้านผลประกอบการที่ขนาดสินทรัพย์ลดลงมากกว่า 20% นับตั้งแต่เดือน พ.ย.2555 มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มากที่สุดในประวัติการณ์โดยประมาณ 39,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีการขาดทุนสะสมที่มากกว่าทุน จนทำให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงติดลบถึง 14% โดยขาดทุนในเฉพาะช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค.2556 ประมาณ 7,000 ล้านบาท
สำหรับในด้านความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อธนาคาร ส่งผลให้เกิดการถอนเงินจากบัญชีเงินฝากไป 29,000 ล้านบาท ตั้งแต่เดือน พ.ย.2555 ที่ผ่านมา
ด้านนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปัญหาNPLของไอแบงก์ยังเดินหน้าตามแผนที่เสนอมา และยังเปิดโอกาสให้ผู้บริหารทำงานต่อไป ส่วนจะตัดสินใจอย่างไรต่อไปนั้่นต้องรอบอร์ดเสนอมาก่อน
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานในชื่อกลุ่มผู้ก่อการดีได้ออกสาส์นฉบับที่ 15 ใช้หัวข้อว่า "เรายังจะมีความเป็นธรรมในธนาคารแห่งนี้หรือไม่" โดยมีข้อความดังนี้
เรียน พี่น้องชาวไอแบงก์ทุกท่าน
ภายหลังจากที่มีการเปลี่ยนคณะกรรมการธนาคารชุดใหม่เข้ามาแทนที่กรรมการชุดเดิมที่หมดวาระและลาออกไป สถานการณ์ของนายธานินทร์ (อังสุวรังษี) ในการนั่งในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารมิสู้ดีนัก นับตั้งแต่ลางบอกเหตุที่พนักงานธนาคารผู้ถือหุ้นเสียงข้างน้อยลงมติโหวตไม่รับนายธานินทร์เป็นกรรมการธนาคารมากถึง 51 ล้านหุ้น โดยนายธานินทร์ได้ถูกตั้งคำถามถึงวิธีการบริหารงาน และถูกลิดรอนอำนาจการบริหารจัดการอย่างหนักที่สุดตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการธนาคาร แต่นายธานินทร์ ก็ยังคงใช้วลีเดิมๆ ในการเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารเก่าโกง ตนเองถูกเจาะยาง ผู้บริหารเตะถ่วงไม่ยอมนำเสนอ กลุ่มผู้ก่อการดีอยากจะเสนอให้นายธานินทร์ตั้งคณะทำงานสอบข้อเท็จจริงในข้อกล่าวหาที่นายธานินทร์กล่าวมาทั้งหมด เพื่อสร้างความกระจ่างต่อสังคมพี่น้องชาวไอแบงก์ว่าที่ธนาคารตกต่ำดิ่งเหวทั้งในด้านชื่อเสียงและสถานะการเงินอย่างทุกวันนี้เกิดจากใคร หากการอ้างว่าที่หนี้เสียเพิ่มขึ้นเกิดจากสินเชื่อเดิมที่อนุมัติมาก่อนหน้านายธานินทร์จะเข้ามา ก็ขอให้ตั้งคณะทำงานสอบข้อเท็จจริงว่าหนี้เสียที่ลูกค้าขาดสภาพคล่องเกิดมาจากใคร และนายธานินทร์ไม่ต้องมานั่งบริหารงานธนาคารด้วยเงินเดือนและสิทธิประโยชน์เกือบ 500,000 บาทต่อเดือน ก็ได้ ธนาคารจะจ้างลิงชิมแปนซีมาบริหารก็มีค่าเท่ากัน เพราะว่าไม่ได้มาช่วยแก้ปัญหาอะไร มีแต่มาโทษคนอื่น อีกทั้งใช้เทคนิคแบ่งแยกปกครอง กวนน้ำให้ขุ่น ที่สังเกตุได้ง่ายคือนายธานินทร์มักจะหยิบยกประเด็นเล็กๆ น้อยๆ ที่มีพนักงานบางคนร้องแรกแหกกระเฌอแบบไม่รู้ข้อเท็จจริง เอามาเป็นประเด็นในการกล่าวหาผู้บริหาร โดยที่ยังไม่มีข้อมูลครบถ้วน เปรียบได้กับพนักงานธนาคารที่เป็นไก่ วันดีคืนดีมีคนเอาเล้ามาครอบให้ไก่จิกตีกันจนวุ่นวาย ทั้งที่พนักงานทุกคนก็มาจากพื้นเพเดียวกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาก่อน
ล่าสุดนายธานินทร์ได้จัดให้มีการปฐมนิเทศกรรมการใหม่ เมื่อวันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2556 ที่สถานนวดสปาโพธาลัย ซึ่งข่าววงในบอกว่านายธานินทร์มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเจ้าของสถานนวดสปาแห่งนี้ จึงได้เลือกสถานที่แห่งนี้เป็นที่จัดประชุม ทั้งที่สถานะทางการเงินของธนาคารกำลังย่ำแย่ แต่นายธานินทร์กลับใช้เงินในการจัดประชุมนอกสถานที่โดยที่ไม่จำเป็นเพื่อเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง แต่ที่สำคัญกว่าคือการจัดประชุมในกิจการของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการชาริอะฮ์ ในสถานนวดสปา ซึ่งนับเป็นสถานบันเทิงอย่างหนึ่ง นำมาซึ่งความงุนงงให้กับพี่น้องพนักงานชาวมุสลิมเป็นอย่างยิ่งถึงความเหมาะสมในการใช้สถานที่ที่อาจจะไม่ถูกต้องหรือต้องห้ามตามศาสนบัญญัติ หรือฮะรอม แต่คาดเดาได้ว่านายธานินทร์คงจะอ้างว่าตนเข้าใจในหลักชาริอะฮ์เป็นอย่างดีเพราะเคยทำงานที่ประเทศอินโดนีเซียมา 3 ปี มีลูกน้องคนมุสลิมจำนวนมาก ทำไมจะจัดประชุมในสถานบันเทิงนวดสปาไม่ได้ เหมือนกับที่นายธานินทร์มักจะพูดคำว่าเงินกู้และดอกเบี้ยอยู่เสมอ ส่วนสมุนนายธานินทร์คือบริษัทอแวนการ์ดได้ปล่อยไก่บนเวทีเรื่องแผนการแก้หนี้ ที่ไปเอาแผนจากคนในธนาคารไปนำเสนอแต่ไม่เข้าใจแผน โดยโดนกรรมการธนาคารบางท่านไล่บี้จนไปไม่เป็น แต่ที่น่าประหลาดใจกับคณะกรรมการธนาคารคือ นายธานินทร์ได้สั่งห้ามมิให้ผู้บริหารธนาคารเข้าร่วมสัมมนาเพื่อแนะนำผู้บริหารให้กับคณะกรรมการธนาคารได้รู้จัก โดยนายธานินทร์อ้างว่ามิได้สั่งอาหารเผื่อไว้
จากข้อเท็จจริงต่างๆ ที่กลุ่มผู้ก่อการดีนำมาตีแผ่ ล่าสุดสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ได้ส่งบันทึกมาให้ประธานคณะกรรมการธนาคารให้ทำการสอบสวนนายธานินทร์ ใน 4 ประเด็นด้วยกัน ประกอบไปด้วย
1. การตกแต่งงบการเงินเดือนกุมภาพันธ์ 2556 และรายงานเท็จต่อคณะกรรมการธนาคาร และธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งนายธานินทร์ร่วมกับนางสาวพรรณี เชิดรำไพ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ทำการแก้ไขชั้นหนี้ลูกค้าเพื่อให้หนี้เสียลดลงไปกว่า 4,000 ล้านบาท เนื่องจากต้องการปกปิดความไม่มีประสิทธิภาพของตนเองในการบริหารจัดการ แต่ที่ความผิดสำเร็จก็คือการได้รายงานตัวเลขหนี้เสีย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2556 เพียง 27,000 ล้านบาท แทนที่จะเป็น 31,000 ล้านบาท ในที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2556 และข้อมูลที่ได้ทำการตกแต่งชั้นหนี้ดังกล่าวได้มีการส่งรายงานประจำเดือนให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย การกระทำดังกล่าวข้างต้น เข้าข่ายการกระทำความผิดตามมาตรา 55 ของพระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกระทำในการเปลี่ยนแปลง หรือตัดทอน หรือปลอมบัญชี หรือทำบัญชีไม่ตรงต่อความเป็นจริง ของธนาคาร ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนถึงหนึ่งล้านบาท มาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา เมื่อเจ้าพนักงานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ที่มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และมีโทษให้ออกตามข้อบังคับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการทำงานและสวัสดิการของพนักงานและลูกจ้างธนาคาร พ.ศ. 2551 ข้อ 49.3.5 เรื่องการรายงานข้อมูลที่เป็นเท็จ หรือก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ผู้บังคับบัญชาหรือบุคคลที่มอบหมายให้รับทราบการปฏิบัติงานตามรายงานหรือข้อมูลนั้น
2. การเรียกรับสินบนจากกรณีการปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัท ท้าพิสูจน์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่บริษัทฯ ได้ฟ้องร้องนายธานินทร์ ที่เรียกรับสินบนที่โรงแรมอมารีวอเตอร์เกต เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2556 และบริษัทฯ ได้ฟ้องร้องต่อศาลอาญาเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2556 ศาลได้นัดไต่สวนนัดแรกวันที่ 15 กรกฎาคม 2556 และยังมีกรณีที่บริษัทที่ปรึกษาอแวนการ์ดที่นายธานินทร์รับรองความบริสุทธิ์ตามหน้าสื่อ เรียกรับค่านายหน้าในการขายทรัพย์เพื่อชำระหนี้กับบริษัทลูกค้าธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้มีหลักฐานเป็นเทปประกอบแล้ว ซึ่งนายธานินทร์ได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติความรับผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ข้อ 5 ข้อ 6 และข้อ 11 และพระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2545 โดยการเรียกรับสินบน หรือผลประโยชน์จากลูกค้าของธนาคาร
3. กรณีที่นายธานินทร์ได้ให้ข่าวในทางเสียหายต่อธนาคารจนมีผลกระทบต่อสถานะเงินฝากที่ไหลออกมากกว่า 29,000 ล้านบาท และชื่อเสียงของธนาคาร นายธานินทร์ได้กระทำความผิดพระราชบัญญัติความรับผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ข้อ 11 และพระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2545 มาตรา 46 ว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลต่อบุคคลอื่น โดยตั้งแต่นายธานินทร์ได้ทำการให้ข่าวในทางเสียหายกับธนาคารอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดเผยผลการตรวจสอบการดำเนินงานของธนาคาร ที่จัดทำโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 ซึ่งเอกสารรายงานดังกล่าวมีเพียงนายธานินทร์ และเจ้าหน้าที่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รับทราบและเก็บต้นฉบับรายงานดังกล่าว ที่ซ้ำร้ายการเปิดเผยรายงานฉบับนี้ได้มีการเปิดเผยรายชื่อลูกค้าที่ปรากฎอยู่รายงานการตรวจสอบของธนาคารแห่งประเทศไทย อีกทั้งการออกข่าวว่าธนาคารฯ มีหนี้เสียถึง 39,000 ล้านบาท ทั้งที่ในข้อเท็จจริง ณ เดือนมกราคม 2556 หรือขณะที่ออกข่าว ธนาคารมีหนี้เสียเพียง 24,000 ล้านบาท ซึ่งการที่นายธานินทร์ ออกข่าวว่าธนาคารมีหนี้เสียถึง 39,000 ล้านบาท และเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงติดลบ ณ ขณะนั้น แท้จริงคือการออกข่าวเท็จ และได้สร้างความเสียหายให้กับธนาคารอย่างมาก โดยลูกค้าเงินฝากขาดความเชื่อมั่นในสถานะการเงินของธนาคาร ได้ทำการถอนเงินออกจากธนาคารมากกว่า 29,000 ล้านบาท อีกทั้งธนาคารฯ มีความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้องโดยลูกค้าที่ปรากฎชื่อบนสื่อ เนื่องจากได้รับความเสียหาย และเสื่อมเสียชื่อเสียง
4. การระงับการจ่ายสินเชื่อให้กับลูกค้าและระงับการเบิกจ่ายเงินให้กับผู้ขาย นายธานินทร์ฯ ได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติความรับผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ข้อ 11 โดยได้สั่งระงับจ่ายเงินสินเชื่อให้กับลูกค้า ทั้งที่มีการลงนามในสัญญาแล้ว ซึ่งในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2555 นายธานินทร์ได้สั่งการมิให้สายงานธุรกิจรายย่อยเบิกจ่ายเงินสินเชื่อเอนกประสงค์แก่ลูกค้าธนาคาร ตามสัญญาที่ได้ลงนามไว้ ไม่ว่าลูกค้าจะมีการทำสัญญาสินเชื่อกับธนาคารในวงเงินเท่าใด โดยให้สั่งจ่ายลูกค้าในวงเงินไม่เกิน 30,000 บาท เท่านั้น ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับลูกค้า และส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของธนาคาร อีกทั้งนายธานินทร์ฯ ยังได้จงใจพิจารณาการเบิกจ่ายสินเชื่อรายงวดให้กับลูกค้าเดิมของธนาคารอย่างล่าช้า และบางรายถึงขั้นระงับการเบิกจ่ายสินเชื่อ โดยต้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำการชี้แจงในกรณีขออนุมัติ และจะต้องชี้แจงอีกครั้งในกรณีที่ต้องมีการเบิกจ่ายสินเชื่อ ส่งผลทำให้ลูกค้าของธนาคารหลายรายประสบปัญหาสภาพคล่อง ซึ่งได้ปรากฎประจักษ์พยานจำนวนมากในธนาคารฯ ว่ากระบวนการในการเบิกจ่ายสินเชื่อตามสัญญามีความล่าช้าอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ในส่วนของการระงับเบิกจ่ายเงินให้กับผู้ขายนั้น ได้ปรากฎประจักษ์พยานเป็นจำนวนมาก ที่นายธานินทร์ฯ ปฏิเสธการชำระเงินให้กับผู้ขาย แม้ว่าผู้ขายได้มีการส่งมอบงานไปแล้ว โดยอ้างว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องสั่งซื้อครุภัณฑ์และพัสดุ ทั้งที่ผู้ขายได้มีการส่งมอบครุภัณฑ์และพัสดุไปแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นความเป็นไปได้ใน 2 กรณี คือ 1) นายธานินทร์ ไม่มีความรู้ด้านการธนาคาร หรือ 2) นายธานินทร์มีเจตนาพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่งในการเรียกรับผลประโยชน์กับลูกค้าหรือผู้ขาย ในลักษณะของการหน่วงเวลา เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ส่วนตน
อย่างไรก็ตามนายธานินทร์ได้มีการล๊อบบี้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สั่งการข้าราชการที่เกี่ยวข้องให้ระงับการสอบข้อเท็จจริงนายธานินทร์ แม้ได้มีการส่งบันทึกขอให้สอบข้อเท็จจริงมาแล้ว ซึ่งหมายถึงว่าผู้มีอำนาจทางการเมืองได้สมคบกับนายธานินทร์บีบบังคับให้ข้าราชการกระทรวงการคลังกระทำความผิดตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และไม่กล้าแม้แต่ให้มีการสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิสูจน์ความจริง นั่นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่านายธานินทร์ได้เกรงกลัวความจริงที่ปรากฎข้างต้น ซึ่งการระงับการแต่งตั้งคณะทำงานสอบข้อเท็จจริงได้มีการดึงวาระนี้ออกจากที่ประชุมคณะอนุกรรมการบริหาร เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2556 ซึ่งเป็นการรู้เห็นเป็นใจจากอัครมเหสีเอก ดร.กรองกาญจน์ ณ นครพนม ในการแอบถอดวาระตั้งคณะทำงานสอบสวนออกจากที่ประชุม สิ่งที่น่าเศร้าก็คือธนาคารแห่งนี้ไม่มีแม้แต่หนทางที่ถูกต้องตามกฎหมายที่จะพิสูจน์ความเป็นธรรมให้ปรากฎ ระบอบโต้งเตี้ยงได้เข้ามาครอบงำธนาคารแห่งนี้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว จนไม่มีที่ให้ความจริงได้ยืน พนักงานเช่นพวกเราจะได้รับความเป็นธรรมได้อย่างไร
สำหรับการขยายสัญญาผู้รับเหมาเพื่อเปิดสาขาที่เหลือ 24 สาขานั้น วาระนี้ได้ถูกนายธานินทร์ระงับ นั่นหมายถึงพี่น้องพนักงานของเราอีก 200 กว่าชีวิต ก็จะถูกลอยคอแบบไม่มีอนาคตต่อไป
ขอแสดงความนับถือ
กลุ่มผู้ก่อการดี