หลังจากที่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” อดีตแกนนำพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์ที่ศาลอาญา เมื่อเช้า(26 ส.ค.)ที่ผ่านมา ถึงกรณีการแถลงยุติบทบาท พบว่ามีการบิดเบือนการให้สัมภาษณ์ว่าจับมือกับกลุ่มคนเสื้อแดง ร่วมมือกับทักษิณ ชินวัตร ASTVผู้จัดการออนไลน์ จึงขอนำเสนอการให้สัมภาษณ์แบบ “คำต่อคำ” ถึงจุดยืนเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้อยู่ดีกินดี ลดความเหลื่อมล้ำ หยุดการเมืองที่ล้มเหลว
***คำต่อคำ “สนธิ” พร้อมสู้ร่วมกับทุกกลุ่มถ้าชูธงปฏิรูปประเทศ
***สนธิ : อย่างที่ได้แถลงไปแล้ว การยุติบทบาทก็คือว่า เราเปิดโอกาสให้พวกพันธมิตรฯทั้งหลายซึ่งมันเป็นนามธรรมสามารถจะเลือกตัดสินใจได้ว่าจะเข้าไปต่อสู้เรื่องอะไรบ้าง สำหรับเราแล้ว เราสู้เรื่องเดียวเท่านั้นเอง คือเรื่องการปฏิรูปการเมือง เราต้องการจะเปลี่ยนแปลงประเทศ ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องเปลี่ยน ไม่เปลี่ยนไม่ได้ ถ้าไม่เปลี่ยนแล้วพังพินาศหมดเลย เพราะฉะนั้นแล้วการปฏิรูปการเมืองที่รัฐบาลทำนั้น เป็นเรื่องหลอกลวงคน ในที่สุดแล้วก็กลับไปสู่ความพินาศชิบหายเหมือนเดิม
ประเทศต้องรื้อใหม่หมด ระบบการเมืองต้องเปลี่ยน การแบ่งชนชั้นต้องลดน้อยลง ความไม่เท่าเทียมกันในทางด้านเรื่องรายได้ต้องแคบลง คนไทยจะต้องมีโอกาสมากขึ้นในการทำมาหากิน แล้วก็บริบทของทุนจะต้องถูกกำจัดลงไป แล้วการที่จะมีตัวแทนของประชาชนเข้าไปนั้น ไม่ใช่จะมีจากการเลือกตั้งอย่างเดียว เพราะการเลือกตั้งอย่างเดียวนั้นคือการสะสมคะแนน สะสมตัวเลข เพื่อไปบวกลบคูณหารกันในสภา แล้วทำอย่างไรที่จะให้ฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัตินั้นต้องแยกจากกันโดยเด็ดขาด เพราะว่าโดยพื้นฐานแล้ว บริหารกับนิติบัญญัติต้องเป็นคนละพวกกัน แต่การเมืองเมืองไทยเป็นมาหลายสิบปีแล้ว บริหารกับนิติบัญญัติเป็นพวกเดียวกันหมด ประธานรัฐสภาก็เป็นพวกเดียวกัน
เพราะฉะนั้นแล้วอนาคตทางการเมืองแบบนี้จะนำพาประเทศไทยไปสู่ความพินาศชิบหาย พันธมิตรฯ แกนนำพันธมิตรฯ เห็นแล้วว่ามันไปไม่ได้ เราก็เลยคิดว่าถ้าอย่างนั้นแล้ว เรายุติบทบาทของเราก่อนเป็นยุทธวิธี แล้ววันหนึ่งข้างหน้าถ้าคนเห็นด้วยกับเราก็จะกลับมาหาเรา ถ้าวันนั้นถ้าเขาพร้อม เราพร้อม เราก็จะเข้าร่วมกับเขา ไม่จำเป็นต้องเป็นแกนนำอีก ไม่จำเป็น อันหนึ่งที่แน่นอนคือแกนนำพันธมิตรฯ ไม่ได้มีเงินรายได้พิเศษมาจากทักษิณ ชินวัตร เหมือนคนอื่นเขามี เพราะฉะนั้นแล้วทุกอย่างที่เราทำ ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ จบไหม
****นักข่าว : แล้วในเรื่องของที่ตอนนี้มันมีหลายกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว
****สนธิ : ก็ต้องปล่อยเขาว่ากันไป จะกลุ่มไหนก็ตาม แต่สำหรับพวกเราแล้ว ผมในขณะนี้เป็นแค่พันธมิตรฯ คนหนึ่ง ถ้าผมจะเข้าร่วมกับใครนั้น กลุ่มนั้นจะต้องเป็นชูธงการปฏิรูป เปลี่ยนแปลงประเทศ ผมต้องการความเปลี่ยนแปลง ผมต้องการความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเสื้อแดง เสื้อเหลือง การเปลี่ยนแปลงสำคัญมาก เปลี่ยนแปลงให้ลูกหลานเราได้รับการศึกษาที่ดีขึ้น เปลี่ยนแปลงยังไงที่จะทำให้เด็กบ้านนอกเรียนหนังสือได้สู้เด็กในกรุงเทพฯ เปลี่ยนแปลงยังไงจะทำให้คนจนมีโอกาสทำมาหากิน ได้รับทุนอุดหนุนสนับสนุนให้เขาเจริญเติบโตได้ เปลี่ยนแปลงยังไงที่จะให้คนจน เวลาไปรักษาพยาบาลไม่ต้องกินยาพาราเซตามอล เพื่อแลกกับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะเปลี่ยนแปลง
และผมคิดว่านี่เป็นสิ่งซึ่งไม่มีสี ถ้าเสื้อแดงก้าวข้ามทักษิณ ชินวัตร ไปได้ ต้องก้าวข้ามทักษิณ ชินวัตรให้ได้ แล้วถ้าเสื้อแดงก้าวข้ามเรื่องสถาบันกษัตริย์ไปได้ ผมคิดว่าสิ่งที่เสื้อแดงกับพวกเราเรียกร้องไม่ต่างกันเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะประชาธิปไตยของผมไม่ได้ว่าเป็นประชาธิปไตยที่จะเอาทักษิณกลับบ้าน หรือประชาธิปไตยของผมไม่ใช่เป็นประชาธิปไตยที่จะให้รัฐบาลมีอยู่ต่อแล้วก็คดโกง แล้วนักการเมืองร่ำรวย แล้วใช้มวลชนเป็นเครื่องมือ นั่นคือสิ่งที่ผมต่อสู้ให้
***นักข่าว : ก็หมายความว่าถ้าสมมติว่าเสื้อแดงก้าวข้ามทักษิณอะไรได้ ถ้ามีจุดประสงค์เดียวกันเราก็พร้อมที่จะร่วม
***สนธิ : ผม ส่วนตัวผมพร้อม ถ้าเขาก้าวข้ามทักษิณได้ ก้าวข้ามเรื่องสถาบันกษัตริย์ได้ เขายังเทิดทูนสถาบันกษัตริย์เหมือนกัน ผมคิดว่าสิ่งที่เขาสู้ไม่ได้ต่างอะไรกัน เราสู้เรียกร้องให้เอา ปตท. กลับคืนมาสู่ประเทศไทย คนไทยมันบ้ากันไปแล้ว น้ำมัน 2 ลิตรร้อยบาทมันอยู่กันได้ยังไง แล้วให้ไอ้พวก ปตท.มันรวย ให้พวกนักการเมืองที่ถือหุ้น ปตท.อยู่รวย แล้วคนไทยลำบากถ้วนหน้า นี่คือสิ่งที่ผมสู้ ถ้าไม่อยากเห็นด้วย ไม่อยากจะร่วมด้วยก็ไม่เป็นไร ก็ปล่อยให้ชาติบ้านเมืองมันชิบหายไปเลย ชัดเจนไหม.
***คำต่อคำ “สนธิ” พร้อมสู้ร่วมกับทุกกลุ่มถ้าชูธงปฏิรูปประเทศ
***สนธิ : อย่างที่ได้แถลงไปแล้ว การยุติบทบาทก็คือว่า เราเปิดโอกาสให้พวกพันธมิตรฯทั้งหลายซึ่งมันเป็นนามธรรมสามารถจะเลือกตัดสินใจได้ว่าจะเข้าไปต่อสู้เรื่องอะไรบ้าง สำหรับเราแล้ว เราสู้เรื่องเดียวเท่านั้นเอง คือเรื่องการปฏิรูปการเมือง เราต้องการจะเปลี่ยนแปลงประเทศ ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องเปลี่ยน ไม่เปลี่ยนไม่ได้ ถ้าไม่เปลี่ยนแล้วพังพินาศหมดเลย เพราะฉะนั้นแล้วการปฏิรูปการเมืองที่รัฐบาลทำนั้น เป็นเรื่องหลอกลวงคน ในที่สุดแล้วก็กลับไปสู่ความพินาศชิบหายเหมือนเดิม
ประเทศต้องรื้อใหม่หมด ระบบการเมืองต้องเปลี่ยน การแบ่งชนชั้นต้องลดน้อยลง ความไม่เท่าเทียมกันในทางด้านเรื่องรายได้ต้องแคบลง คนไทยจะต้องมีโอกาสมากขึ้นในการทำมาหากิน แล้วก็บริบทของทุนจะต้องถูกกำจัดลงไป แล้วการที่จะมีตัวแทนของประชาชนเข้าไปนั้น ไม่ใช่จะมีจากการเลือกตั้งอย่างเดียว เพราะการเลือกตั้งอย่างเดียวนั้นคือการสะสมคะแนน สะสมตัวเลข เพื่อไปบวกลบคูณหารกันในสภา แล้วทำอย่างไรที่จะให้ฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัตินั้นต้องแยกจากกันโดยเด็ดขาด เพราะว่าโดยพื้นฐานแล้ว บริหารกับนิติบัญญัติต้องเป็นคนละพวกกัน แต่การเมืองเมืองไทยเป็นมาหลายสิบปีแล้ว บริหารกับนิติบัญญัติเป็นพวกเดียวกันหมด ประธานรัฐสภาก็เป็นพวกเดียวกัน
เพราะฉะนั้นแล้วอนาคตทางการเมืองแบบนี้จะนำพาประเทศไทยไปสู่ความพินาศชิบหาย พันธมิตรฯ แกนนำพันธมิตรฯ เห็นแล้วว่ามันไปไม่ได้ เราก็เลยคิดว่าถ้าอย่างนั้นแล้ว เรายุติบทบาทของเราก่อนเป็นยุทธวิธี แล้ววันหนึ่งข้างหน้าถ้าคนเห็นด้วยกับเราก็จะกลับมาหาเรา ถ้าวันนั้นถ้าเขาพร้อม เราพร้อม เราก็จะเข้าร่วมกับเขา ไม่จำเป็นต้องเป็นแกนนำอีก ไม่จำเป็น อันหนึ่งที่แน่นอนคือแกนนำพันธมิตรฯ ไม่ได้มีเงินรายได้พิเศษมาจากทักษิณ ชินวัตร เหมือนคนอื่นเขามี เพราะฉะนั้นแล้วทุกอย่างที่เราทำ ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ จบไหม
****นักข่าว : แล้วในเรื่องของที่ตอนนี้มันมีหลายกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว
****สนธิ : ก็ต้องปล่อยเขาว่ากันไป จะกลุ่มไหนก็ตาม แต่สำหรับพวกเราแล้ว ผมในขณะนี้เป็นแค่พันธมิตรฯ คนหนึ่ง ถ้าผมจะเข้าร่วมกับใครนั้น กลุ่มนั้นจะต้องเป็นชูธงการปฏิรูป เปลี่ยนแปลงประเทศ ผมต้องการความเปลี่ยนแปลง ผมต้องการความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเสื้อแดง เสื้อเหลือง การเปลี่ยนแปลงสำคัญมาก เปลี่ยนแปลงให้ลูกหลานเราได้รับการศึกษาที่ดีขึ้น เปลี่ยนแปลงยังไงที่จะทำให้เด็กบ้านนอกเรียนหนังสือได้สู้เด็กในกรุงเทพฯ เปลี่ยนแปลงยังไงจะทำให้คนจนมีโอกาสทำมาหากิน ได้รับทุนอุดหนุนสนับสนุนให้เขาเจริญเติบโตได้ เปลี่ยนแปลงยังไงที่จะให้คนจน เวลาไปรักษาพยาบาลไม่ต้องกินยาพาราเซตามอล เพื่อแลกกับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะเปลี่ยนแปลง
และผมคิดว่านี่เป็นสิ่งซึ่งไม่มีสี ถ้าเสื้อแดงก้าวข้ามทักษิณ ชินวัตร ไปได้ ต้องก้าวข้ามทักษิณ ชินวัตรให้ได้ แล้วถ้าเสื้อแดงก้าวข้ามเรื่องสถาบันกษัตริย์ไปได้ ผมคิดว่าสิ่งที่เสื้อแดงกับพวกเราเรียกร้องไม่ต่างกันเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะประชาธิปไตยของผมไม่ได้ว่าเป็นประชาธิปไตยที่จะเอาทักษิณกลับบ้าน หรือประชาธิปไตยของผมไม่ใช่เป็นประชาธิปไตยที่จะให้รัฐบาลมีอยู่ต่อแล้วก็คดโกง แล้วนักการเมืองร่ำรวย แล้วใช้มวลชนเป็นเครื่องมือ นั่นคือสิ่งที่ผมต่อสู้ให้
***นักข่าว : ก็หมายความว่าถ้าสมมติว่าเสื้อแดงก้าวข้ามทักษิณอะไรได้ ถ้ามีจุดประสงค์เดียวกันเราก็พร้อมที่จะร่วม
***สนธิ : ผม ส่วนตัวผมพร้อม ถ้าเขาก้าวข้ามทักษิณได้ ก้าวข้ามเรื่องสถาบันกษัตริย์ได้ เขายังเทิดทูนสถาบันกษัตริย์เหมือนกัน ผมคิดว่าสิ่งที่เขาสู้ไม่ได้ต่างอะไรกัน เราสู้เรียกร้องให้เอา ปตท. กลับคืนมาสู่ประเทศไทย คนไทยมันบ้ากันไปแล้ว น้ำมัน 2 ลิตรร้อยบาทมันอยู่กันได้ยังไง แล้วให้ไอ้พวก ปตท.มันรวย ให้พวกนักการเมืองที่ถือหุ้น ปตท.อยู่รวย แล้วคนไทยลำบากถ้วนหน้า นี่คือสิ่งที่ผมสู้ ถ้าไม่อยากเห็นด้วย ไม่อยากจะร่วมด้วยก็ไม่เป็นไร ก็ปล่อยให้ชาติบ้านเมืองมันชิบหายไปเลย ชัดเจนไหม.