ASTVผู้จัดการรายวัน-ตำรวจปทส. สนธิกำลังกว่า 100 นาย บุกยึดช้าง 7 เชือก ในจ.ภูเก็ต หลังพบเป็นช้างป่าสวมตั๋วรูปพรรณ 7 ใน 69 ฉบับ ที่ออกโดยอ.เมือง จ.ชัยภูมิ เผยวันเดียวอายัดแล้ว 13 เชือก จากทั่วประเทศ 26 เชือก กำลังควานหาอีก 33 เชือก
เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (21 ส.ค.) ตำรวจกองบังคับการกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) สนธิกำลังกับกรมอุทยาน สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ต ตำรวจทางหลวง ตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจน้ำ รวมกว่า 100 นาย นำโดยพล.ต.ต.นรศักดิ์ เหมนิธิ ผบก.ปทส. ตรวจยึดช้าง 7 เชือก ซึ่งอยู่ในตั๋วรูปพรรณ 69 ใบ ที่นายสุรัตน์ เติมศักดิ์ และนายประสงค์ บุตรชัยภูมิ เป็นผู้ยื่นเรื่องขอออกตั๋วรูปพรรณช้างที่อ.เมือง จ.ชัยภูมิ โดยตรวจสอบแล้วพบว่า มีการนำช้างป่ามาฟอกให้กลายเป็นสัตว์พาหนะ
โดย ปทส. ได้จัดกำลังลงตรวจยึดช้างพร้อมกันใน 3 จังหวัด ประกอบด้วย จ.ภูเก็ต จ.พังงา และจ.กระบี่ มีช้างที่เข้าข่ายและอายัดเอาไว้ 14 เชือก จากที่อายัดไว้ทั่วประเทศเพื่อตรวจสอบ 26 เชือก ยังเหลือที่ต้องค้นหาอีก 33 เชือก
เจ้าหน้าที่แบ่งกำลังออกเป็น 7 ชุด เข้าตรวจยึดช้างตามหมายศาลจังหวัดภูเก็ต ซึ่ง 2 ใน 7 เชือก คือ พลายน้ำเพชร ในปางกินรี หมู่ 4 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต และพังน้ำฝน ที่พาราไดซ์ ทริป ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้เจ้าของปางช้างและเจ้าของช้างรับทราบ ก่อนจะลงบันทึกตรวจยึด ส่วนเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์สแกนตรวจหาไมโครชิพ พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างเลือด เพื่อส่งผลไปตรวจที่ห้องแล็ปของกรมปศุสัตว์ต่อไป
พล.ต.ต.นรศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากการดำเนินคดีกับนายสุรัตน์ เติมศักดิ์ และนายประสงค์ บุตรชัยภูมิ ที่แจ้งความเท็จกับเจ้าหน้าที่ กรณีการออกตั๋วรูปพรรณช้าง 69 ฉบับ เนื่องจากตรวจสอบพบว่าเป็นตั๋วที่ออกโดยไม่มีช้างอยู่จริง เพื่อนำมาสวมให้กับช้างป่า ฟอกให้เป็นช้างที่ถูกต้อง ก่อนขายช้างพร้อมตั๋วอีกหลายทอด
สำหรับช้าง จะมอบให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นผู้ดูแล ซึ่งทราบว่าทางกรมฯ จะยังไม่เคลื่อนย้ายช้าง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ และลดค่าใช้จ่าย แต่จะจ้างเจ้าของปางช้างช่วยดูแล มีเจ้าหน้าที่ควบคุมอย่างใกล้ชิด เนื่องจากที่ผ่านมา มีช้างบาดเจ็บและล้มตายระหว่างเคลื่อนย้ายไปศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง ประกอบกับการขนส่งแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายกว่า 100,000 บาท โดยจะมีมาตรการป้องกันไม่ให้นำช้างไปหาผลประโยชน์ระหว่างถูกยึด จนกว่าจะมีความพร้อมส่งไปยังศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย
ด้านนายจรุง เถาจันทร์ เจ้าของช้างพลายน้ำเพชร กล่าวว่า ซื้อช้างมาจากปางแห่งหนึ่งในจ.ภูเก็ต ราคา 1.3 ล้านบาท ก่อนซื้อได้สอบถามไปยังปศุสัตว์จังหวัดแล้ว ทราบว่าถูก ปทส. อายัดไว้ เพื่อรอการตรวจสอบเมื่อช่วงเดือนก.พ.2555 จากนั้นในเดือนพ.ย. ปีเดียวกัน ได้ถอนอายัด จึงตัดสินใจซื้อเมื่อเดือนม.ค.2556 แต่เมื่อมีปัญหา ก็พร้อมให้ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งระหว่างนี้จะดูแลช้างให้ดีที่สุด
ทั้งนี้ พ.ต.ท.สมคิด ทิพยจักรพงศ์ รองผกก.3 บก.ปทส. จะดำเนินคดีกับนายสุรัตน์ เติมศักดิ์ และนายประสงค์ บุตรชัยภูมิ ผู้ยื่นเรื่องขอออกตั๋วรูปพรรณช้างที่อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ใน 3 ข้อหา ประกอบด้วย 1.แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน 2.ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และ 3.ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำความผิด ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535
เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (21 ส.ค.) ตำรวจกองบังคับการกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) สนธิกำลังกับกรมอุทยาน สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ต ตำรวจทางหลวง ตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจน้ำ รวมกว่า 100 นาย นำโดยพล.ต.ต.นรศักดิ์ เหมนิธิ ผบก.ปทส. ตรวจยึดช้าง 7 เชือก ซึ่งอยู่ในตั๋วรูปพรรณ 69 ใบ ที่นายสุรัตน์ เติมศักดิ์ และนายประสงค์ บุตรชัยภูมิ เป็นผู้ยื่นเรื่องขอออกตั๋วรูปพรรณช้างที่อ.เมือง จ.ชัยภูมิ โดยตรวจสอบแล้วพบว่า มีการนำช้างป่ามาฟอกให้กลายเป็นสัตว์พาหนะ
โดย ปทส. ได้จัดกำลังลงตรวจยึดช้างพร้อมกันใน 3 จังหวัด ประกอบด้วย จ.ภูเก็ต จ.พังงา และจ.กระบี่ มีช้างที่เข้าข่ายและอายัดเอาไว้ 14 เชือก จากที่อายัดไว้ทั่วประเทศเพื่อตรวจสอบ 26 เชือก ยังเหลือที่ต้องค้นหาอีก 33 เชือก
เจ้าหน้าที่แบ่งกำลังออกเป็น 7 ชุด เข้าตรวจยึดช้างตามหมายศาลจังหวัดภูเก็ต ซึ่ง 2 ใน 7 เชือก คือ พลายน้ำเพชร ในปางกินรี หมู่ 4 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต และพังน้ำฝน ที่พาราไดซ์ ทริป ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้เจ้าของปางช้างและเจ้าของช้างรับทราบ ก่อนจะลงบันทึกตรวจยึด ส่วนเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์สแกนตรวจหาไมโครชิพ พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างเลือด เพื่อส่งผลไปตรวจที่ห้องแล็ปของกรมปศุสัตว์ต่อไป
พล.ต.ต.นรศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากการดำเนินคดีกับนายสุรัตน์ เติมศักดิ์ และนายประสงค์ บุตรชัยภูมิ ที่แจ้งความเท็จกับเจ้าหน้าที่ กรณีการออกตั๋วรูปพรรณช้าง 69 ฉบับ เนื่องจากตรวจสอบพบว่าเป็นตั๋วที่ออกโดยไม่มีช้างอยู่จริง เพื่อนำมาสวมให้กับช้างป่า ฟอกให้เป็นช้างที่ถูกต้อง ก่อนขายช้างพร้อมตั๋วอีกหลายทอด
สำหรับช้าง จะมอบให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นผู้ดูแล ซึ่งทราบว่าทางกรมฯ จะยังไม่เคลื่อนย้ายช้าง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ และลดค่าใช้จ่าย แต่จะจ้างเจ้าของปางช้างช่วยดูแล มีเจ้าหน้าที่ควบคุมอย่างใกล้ชิด เนื่องจากที่ผ่านมา มีช้างบาดเจ็บและล้มตายระหว่างเคลื่อนย้ายไปศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง ประกอบกับการขนส่งแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายกว่า 100,000 บาท โดยจะมีมาตรการป้องกันไม่ให้นำช้างไปหาผลประโยชน์ระหว่างถูกยึด จนกว่าจะมีความพร้อมส่งไปยังศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย
ด้านนายจรุง เถาจันทร์ เจ้าของช้างพลายน้ำเพชร กล่าวว่า ซื้อช้างมาจากปางแห่งหนึ่งในจ.ภูเก็ต ราคา 1.3 ล้านบาท ก่อนซื้อได้สอบถามไปยังปศุสัตว์จังหวัดแล้ว ทราบว่าถูก ปทส. อายัดไว้ เพื่อรอการตรวจสอบเมื่อช่วงเดือนก.พ.2555 จากนั้นในเดือนพ.ย. ปีเดียวกัน ได้ถอนอายัด จึงตัดสินใจซื้อเมื่อเดือนม.ค.2556 แต่เมื่อมีปัญหา ก็พร้อมให้ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งระหว่างนี้จะดูแลช้างให้ดีที่สุด
ทั้งนี้ พ.ต.ท.สมคิด ทิพยจักรพงศ์ รองผกก.3 บก.ปทส. จะดำเนินคดีกับนายสุรัตน์ เติมศักดิ์ และนายประสงค์ บุตรชัยภูมิ ผู้ยื่นเรื่องขอออกตั๋วรูปพรรณช้างที่อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ใน 3 ข้อหา ประกอบด้วย 1.แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน 2.ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และ 3.ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำความผิด ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535
