ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตร.ปทส.สนธิกำลังกว่า 100 นาย บุกยึดช้างจำนวน 7 ตัว ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต หลังตรวจสอบพบเป็นช้างป่าสวมตั๋วรูปพรรณ 7 ใน 69 ใบ ที่ออกโดยอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (21 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) สนธิกำลังกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมป่าไม้ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ต ตำรวจทางหลวง ตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจน้ำ จำนวนกว่า 100 นาย นำโดย พล.ต.ต.นรศักดิ์ เหมนิธิ ผบก.ปทส. ลงพื้นที่ตรวจยึดช้าง จำนวน 7 ตัว ซึ่งอยู่ใน 69 ตั๋วรูปพรรณ ที่ นายสุรัตน์ เติมศักดิ์ และนายประสงค์ บุตรชัยภูมิ เป็นผู้ยื่นเรื่องขอออกตั๋วรูปพรรณช้างที่อำเภอเมืองชัยภูมิ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า มีการนำช้างป่าลักลอบนำเข้ามาซักฟอกให้กลายเป็นสัตว์พาหนะ ซึ่งในวันนี้ ตร.ปทส.ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ลงตรวจยึดช้างพร้อมกันใน 3 จังหวัด ประกอบด้วย ภูเก็ต พังงา และกระบี่ มีช้างที่เข้าข่าย และอายัดเอาไว้ จำนวน 14 ตัว จากที่อายัดไว้ทั้งหมดทั่วประเทศ จำนวน 26 ตัว และยังคงค้นหาอีก 33 ตัว
โดยเจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังออกเป็น 7 ชุด เข้าตรวจยึดช้างตามหมายศาลจังหวัดภูเก็ต ซึ่ง 2 ใน 7 ตัว คือ ช้างพลายน้ำเพชร ซึ่งอยู่ในปางกินรี หมู่ 4 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต และพังน้ำฝน ที่พาราไดซ์ ทริป ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้เจ้าของปางช้าง และเจ้าของช้างรับทราบ ก่อนจะเซ็นลงบันทึกตรวจยึด ส่วนเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์นำสแกนตรวจหาไมโครชิป พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อส่งผลไปตรวจที่ห้องแล็บของกรมปศุสัตว์ต่อไป
พล.ต.ต.นรศักดิ์ เหมนิธิ ผบก.ปทส. กล่าวว่า ภายหลังจากการดำเนินคดีต่อ นายสุรัตน์ เติมศักดิ์ และนายประสงค์ บุตรชัยภูมิ ที่มีการแจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่กรณีการออกตั๋วรูปพรรณช้าง จำนวน 69 ฉบับ ที่ผ่านมาหลังจากการตรวจสอบพบว่าเป็นตั๋วที่ออกมาโดยไม่มีช้างอยู่จริง โดยจะนำมาสวมให้แก่ช้างป่า เพื่อให้เป็นช้างที่ถูกต้องก่อนขายช้างพร้อมตั๋วไปอีกหลายทอด วันนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดช้างที่อายัดไว้ก่อนหน้าเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายทั่วประเทศจำนวน 26 ตัว โดยอยู่ในจังหวัดภูเก็ต จำนวน 7 ตัว เมื่อตรวจยึดแล้วจะมอบช้างทั้งหมดให้กรมอุทยานฯเป็นผู้จัดการดูแล ซึ่งครั้งนี้ทราบว่า กรมอุทยานฯ จะใช้วิธีการใหม่ในการตรวจยึด โดยจะยังไม่เคลื่อนย้ายช้างเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ และลดค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้าย แต่จะให้เป็นการว่าจ้างเจ้าของปางช้างช่วยดูแลรักษา ร่วมกับเจ้าหน้าที่เข้ามาควบคุมอย่างใกล้ชิด ซึ่งวิธีการดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากที่ผ่านมา มีช้างบาดเจ็บ และตายระหว่างการเคลื่อนย้ายไปยังศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จังหวัดลำปาง ประกอบกับการขนส่งแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายกว่า 100,000 บาท ดังนั้น จึงต้องใช้แนวทางตามกฎหมายฉบับดังกล่าว โดยจะมีมาตรการป้องกันมิให้นำช้างมาหาผลประโยชน์ในระหว่างควบคุมตัว ก่อนจะมีความพร้อม และส่งตัวไปยังศูนย์อนุรักษ์ฯ
ด้าน นายจรุง เถาจันทร์ เจ้าของช้างพลายน้ำเพชร กล่าวว่า ซื้อช้างตัวดังกล่าวมาจากปางแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ราคา 1.3 ล้านบาท โดยก่อนตัดสินใจซื้อตนได้สอบถามไปยังปศุสัตว์จังหวัดแล้วทราบว่า ช้างพลายน้ำเพชร เคยถูกเจ้าหน้าที่ ปทส. อายัดไว้ เพื่อรอการตรวจสอบเมื่อช่วงเดือน ก.พ.2555 มาแล้ว 1 ครั้ง จากนั้นในเดือน พ.ย.2555 ทางเจ้าหน้าที่ได้ถอนอายัดเป็นที่เรียบร้อย จึงคิดว่าไม่น่าจะเกิดปัญหาขึ้นอีก จึงตัดสินใจซื้อมาดูแลในเดือน ม.ค.2556 แต่พอเกิดปัญหาขึ้นก็พร้อมให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งในระหว่างนี้ก็จะดูแลช้างต่อไปให้ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีดังกล่าวทาง พ.ต.ท.สมคิด ทิพยจักรพงศ์ รอง ผกก.3 บก.ปทส. ได้แจ้งความดำเนินคดีต่อ นายสุรัตน์ เติมศักดิ์ และนายประสงค์ บุตรชัยภูมิ ใน 3 ข้อหา ประกอบด้วย “แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” และ “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำความผิด” ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535