พังงา - เจ้าหน้าที่สนธิกำลังหลายหน่วยงานออกตรวจอายัดตั๋วรูปพรรณช้าง จำนวน 105 เชือก ในจังหวัดพังงายังไร้ข้อสรุป หลังนายทะเบียนยังไม่เข้าร่วมตรวจสอบ แต่เบื้องต้นได้ดำเนินคดีต่อปางช้าง จำนวน 12 บริษัท ฐานบุกรุกป่า แผ้วถาง ก่อสร้างในเขตป่าสงวน
สืบเนื่องจากกรณีที่ทาง ปทส. ร่วมกับ ตร.ภ.จว.พังงา ปศุสัตว์จังหวัดพังงา ทสจ.พังงา เข้าตรวจสอบปางช้าง และแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดพังงา พร้อมได้อายัดช้างไว้ จำนวน 105 เชือกนั้น ล่าสุด วันนี้ (28 มิ.ย.) พ.ต.อ.สมาน ชัยณรงค์ รอง ผบก.ภ.จว.พังงา กล่าวว่า ได้มีการประชุมหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาช้างที่ตรวจยึดมาจากในพื้นที่จังหวัดพังงา จำนวน 105 เชือก สรุปว่า ในส่วนที่ต้องทำการยึดคือ ตั๋วรูปพรรณที่ออกจากจังหวัดชัยภูมิ ส่วนช้างตัวอื่นก็ยังไม่ชัดเจนจึงยังไม่ถอนการอายัด เนื่องจากต้องเชิญนายทะเบียนมาร่วมพิจารณาด้วย แต่ปรากฏว่า ไม่ได้เชิญมาจึงหาข้อยุติส่วนนี้ไม่ได้ เนื่องจากว่าตั๋วรูปพรรณที่ออกมาแต่ละอำเภอนั้นออกมาเมื่อปี พ.ศ.2555 บ้าง 2556 บ้าง แต่ที่มาจากต้นฉบับทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบซึ่งต้องทำการสอบสวนเรื่องนี้เพิ่มเติมว่าช้างที่ออกจากอำเภอแต่ละอำเภอในจังหวัดพังงามาจากไหน ส่วนที่จะถอนการอายัดก็ยังไม่รู้ว่าจะถอนตัวไหน เพราะต้องให้ได้ต้นขั้วมา
ทั้งนี้ ในส่วนของแหล่งท่องเที่ยวที่บริเวณตำบลสองแพรก อ.เมือง จ.พังงา ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีบุกรุกป่า การแผ้วถาง ก่อนสร้างในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 12 บริษัททัวร์ ของ ต.สองแพรก อ.เมือง จ.พังงา ส่วนอีกแห่งที่ อ.กะปง จ.พังงา และพบว่า มีจำนวน 1 แห่ง ในพื้นที่สองแพรก ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการธุรกิจนำเที่ยว จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาในเบื้องต้นไว้ก่อน ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าจะเกิน 1 เดือนนับจากนี้ไป เพราะว่าภายในสัปดาห์หน้า จะนัดพนักงานสอบสวน เพื่อตั้งกรอบที่จะสอบปากคำนายทะเบียนเพิ่มเติมในปางช้างที่ยังไม่สามารถถอนการอายัดได้ เพื่อนำมาพิจารณาในที่ประชุม และจะเชิญนายทะเบียนเข้าร่วมประชุมด้วย ส่วนจะเสร็จเมื่อใดอย่างไรนั้นก็อยู่ที่การค้นหาเอกสารที่ต้องใช้เวลานานมาก
สำหรับช้างที่ยึดไว้นั้น มีการห้ามจำหน่ายจ่ายแจกไปที่อื่น ขณะที่มีกระแสข่าวแพร่ออกไปว่า ได้ยิงแม่ช้างเพื่อนำลูกช้างมาฝึกนั้นต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บเลือดตัวอย่างไปแล้วทั้ง จำนวน 105 เชือก เพื่อไปตรวจสอบกับดีเอ็นเอของช้างที่แก่งกระจานว่า ตรงกันหรือไม่ซึ่ง เบื้องต้นต้องมีการตรวจสอบเอกสารก่อนว่าที่มาของช้างมาอย่างไรหากถูกต้องก็จบกันไปแต่ถ้าไม่ถูกต้องก็ต้องสาวต่อว่ามาอย่างไรต่อไป
สืบเนื่องจากกรณีที่ทาง ปทส. ร่วมกับ ตร.ภ.จว.พังงา ปศุสัตว์จังหวัดพังงา ทสจ.พังงา เข้าตรวจสอบปางช้าง และแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดพังงา พร้อมได้อายัดช้างไว้ จำนวน 105 เชือกนั้น ล่าสุด วันนี้ (28 มิ.ย.) พ.ต.อ.สมาน ชัยณรงค์ รอง ผบก.ภ.จว.พังงา กล่าวว่า ได้มีการประชุมหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาช้างที่ตรวจยึดมาจากในพื้นที่จังหวัดพังงา จำนวน 105 เชือก สรุปว่า ในส่วนที่ต้องทำการยึดคือ ตั๋วรูปพรรณที่ออกจากจังหวัดชัยภูมิ ส่วนช้างตัวอื่นก็ยังไม่ชัดเจนจึงยังไม่ถอนการอายัด เนื่องจากต้องเชิญนายทะเบียนมาร่วมพิจารณาด้วย แต่ปรากฏว่า ไม่ได้เชิญมาจึงหาข้อยุติส่วนนี้ไม่ได้ เนื่องจากว่าตั๋วรูปพรรณที่ออกมาแต่ละอำเภอนั้นออกมาเมื่อปี พ.ศ.2555 บ้าง 2556 บ้าง แต่ที่มาจากต้นฉบับทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบซึ่งต้องทำการสอบสวนเรื่องนี้เพิ่มเติมว่าช้างที่ออกจากอำเภอแต่ละอำเภอในจังหวัดพังงามาจากไหน ส่วนที่จะถอนการอายัดก็ยังไม่รู้ว่าจะถอนตัวไหน เพราะต้องให้ได้ต้นขั้วมา
ทั้งนี้ ในส่วนของแหล่งท่องเที่ยวที่บริเวณตำบลสองแพรก อ.เมือง จ.พังงา ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีบุกรุกป่า การแผ้วถาง ก่อนสร้างในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 12 บริษัททัวร์ ของ ต.สองแพรก อ.เมือง จ.พังงา ส่วนอีกแห่งที่ อ.กะปง จ.พังงา และพบว่า มีจำนวน 1 แห่ง ในพื้นที่สองแพรก ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการธุรกิจนำเที่ยว จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาในเบื้องต้นไว้ก่อน ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าจะเกิน 1 เดือนนับจากนี้ไป เพราะว่าภายในสัปดาห์หน้า จะนัดพนักงานสอบสวน เพื่อตั้งกรอบที่จะสอบปากคำนายทะเบียนเพิ่มเติมในปางช้างที่ยังไม่สามารถถอนการอายัดได้ เพื่อนำมาพิจารณาในที่ประชุม และจะเชิญนายทะเบียนเข้าร่วมประชุมด้วย ส่วนจะเสร็จเมื่อใดอย่างไรนั้นก็อยู่ที่การค้นหาเอกสารที่ต้องใช้เวลานานมาก
สำหรับช้างที่ยึดไว้นั้น มีการห้ามจำหน่ายจ่ายแจกไปที่อื่น ขณะที่มีกระแสข่าวแพร่ออกไปว่า ได้ยิงแม่ช้างเพื่อนำลูกช้างมาฝึกนั้นต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บเลือดตัวอย่างไปแล้วทั้ง จำนวน 105 เชือก เพื่อไปตรวจสอบกับดีเอ็นเอของช้างที่แก่งกระจานว่า ตรงกันหรือไม่ซึ่ง เบื้องต้นต้องมีการตรวจสอบเอกสารก่อนว่าที่มาของช้างมาอย่างไรหากถูกต้องก็จบกันไปแต่ถ้าไม่ถูกต้องก็ต้องสาวต่อว่ามาอย่างไรต่อไป