ASTVผู้จัดการรายวัน-“พ้อง”สั่งกรมเจ้าท่ายกเครื่องมาตรฐานความปลอดภัย ความสะดวกท่าเทียบเรือ สร้างความมั่นใจเป็นทางเลือกเดินทาง เบรกขึ้นค่าโดยสารจนกว่าบริการจะดี พร้อมสั่งรื้อแผนปรับปรุงท่าเรือริมเจ้าพระยา เร่งให้เสร็จในปี 58 จากแผนเดิมปี 60
นายพ้อง ชีวานันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยภายหลังตรวจท่าเทียบเรือโดยสารสาธารณะสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาว่า ได้สั่งให้กรมเจ้าท่า (จท.) ปรับแผนการปรับปรุงท่าเทียบเรือให้เสร็จเร็วขึ้นจากเดิมที่จะเสร็จทั้งหมดในปี 25560 ซึ่งทราบว่าการปรับปรุงต้องล่าช้าเพราะได้รับจัดสรรงบประมาณแต่ละปีไม่มาก โดยจะผลักดันให้เสร็จในปี 2558เนื่องจากการปรับปรุงท่าเรือจะทำให้ผู้ใช้บริการมีความสะดวกปลอดภัย ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้ประชาชนหันมาใช้บริการเรือโดยสารเป็นทางเลือกมากขึ้น เพราะสามารถควบคุมเวลาในการเดินทางได้ แต่หากสภาพท่าเรือทรุดโทรม สกปรก และไม่ปลอดภัย ก็คงจะไม่มีใครอยากมาใช้
ทั้งนี้ ในระยะเร่งด่วนจะต้องเรื่องที่สำคัญที่สุด คือ การยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยทั้งบนท่าเทียบเรือ และภายในเรือ โดยเฉพาะเรือลำเล็ก กรมเจ้าท่าจะต้องกวดขัดให้ผู้โดยสารใส่เสื้อชูชีพขณะลงเรือ ซึ่งพบว่าในปัจจุบันยังไม่ปฏิบัติตาม รวมถึงเรือนักท่องเที่ยวต้องมีมาตรฐานเดียวกัน ส่วนการช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุขึ้นนั้น ปัจจุบันมี 3 จุดตลอดลำน้ำสามารถไปถึงที่เกิดเหตุหลังได้รับแจ้งในเวลาไม่เกิน 10 นาทีนั้น เห็นว่าควรจะปรับให้ไปถึงเร็วขึ้นซึ่งอาจจะต้องเพิ่มจุดดูแลช่วยเหลือให้มากขึ้น รวมถึงเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่และเครื่องมือต่างๆ ด้วยหรือไม่
“การปรับขึ้นค่าโดยสารของเรือประเภทต่างๆนั้น จะต้องพิจารณาควบคู่ไปกับเรื่องความปลอดภัย ความสะดวกในการใช้บริการ หากจะขึ้นค่าโดยสารโดยที่ยังไม่มีการปรับปรุงมาตรฐานบริการก่อน คงพิจารณาให้ลำบาก”นายพ้องกล่าว
นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่ากล่าวว่า ท่าเรือโดยสารสาธารณะในแม่น้ำเจ้าพระยามีจำนวน 40 ท่าโดยแต่ละปีจะได้รับงบประมาณในการปรับปรุงซ่อมแซมประมาณ 5 ล้านบาท ส่วนแผนการปรับปรุงท่าเรือ ศาลาพัก โป๊ะเทียบเรือ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการ ให้มีความทันสมัยเพื่อเสนอของบประมาณในปี 2558 จำนวน 9 ท่า วงเงินรวม 25.7 ล้านบาท (ท่าสาทรฝั่งพระนคร,ท่าสี่พระยา,ท่าราชวงศ์,ท่าวังหลัง,ท่าพระปิ่นเกล้าธนบุรี,ท่าเทเวศร์,ท่าพระราม7,ท่าพระราม5,ท่านนทบุรี) เสนอของบประมาณปี 2559 อีก 5 ท่า วงเงิน 11.9 ล้านบาท (ท่ากรมเจ้าท่า,ท่าโฮเรียลเต็ล,ท่าสะพานพุทธ,ท่าซังฮี้,ท่าช้าง) และปี 2559 จำนวน 7 ท่าวงเงิน 18 ล้านบาท (ท่าราชินี,ท่ารถไฟ,ท่าพายัพ,ท่าเกียกกาย,ท่าเขียวไข่กา,ท่าบางโพ,ท่าพระอาทิตย์)
นายพ้อง ชีวานันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยภายหลังตรวจท่าเทียบเรือโดยสารสาธารณะสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาว่า ได้สั่งให้กรมเจ้าท่า (จท.) ปรับแผนการปรับปรุงท่าเทียบเรือให้เสร็จเร็วขึ้นจากเดิมที่จะเสร็จทั้งหมดในปี 25560 ซึ่งทราบว่าการปรับปรุงต้องล่าช้าเพราะได้รับจัดสรรงบประมาณแต่ละปีไม่มาก โดยจะผลักดันให้เสร็จในปี 2558เนื่องจากการปรับปรุงท่าเรือจะทำให้ผู้ใช้บริการมีความสะดวกปลอดภัย ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้ประชาชนหันมาใช้บริการเรือโดยสารเป็นทางเลือกมากขึ้น เพราะสามารถควบคุมเวลาในการเดินทางได้ แต่หากสภาพท่าเรือทรุดโทรม สกปรก และไม่ปลอดภัย ก็คงจะไม่มีใครอยากมาใช้
ทั้งนี้ ในระยะเร่งด่วนจะต้องเรื่องที่สำคัญที่สุด คือ การยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยทั้งบนท่าเทียบเรือ และภายในเรือ โดยเฉพาะเรือลำเล็ก กรมเจ้าท่าจะต้องกวดขัดให้ผู้โดยสารใส่เสื้อชูชีพขณะลงเรือ ซึ่งพบว่าในปัจจุบันยังไม่ปฏิบัติตาม รวมถึงเรือนักท่องเที่ยวต้องมีมาตรฐานเดียวกัน ส่วนการช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุขึ้นนั้น ปัจจุบันมี 3 จุดตลอดลำน้ำสามารถไปถึงที่เกิดเหตุหลังได้รับแจ้งในเวลาไม่เกิน 10 นาทีนั้น เห็นว่าควรจะปรับให้ไปถึงเร็วขึ้นซึ่งอาจจะต้องเพิ่มจุดดูแลช่วยเหลือให้มากขึ้น รวมถึงเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่และเครื่องมือต่างๆ ด้วยหรือไม่
“การปรับขึ้นค่าโดยสารของเรือประเภทต่างๆนั้น จะต้องพิจารณาควบคู่ไปกับเรื่องความปลอดภัย ความสะดวกในการใช้บริการ หากจะขึ้นค่าโดยสารโดยที่ยังไม่มีการปรับปรุงมาตรฐานบริการก่อน คงพิจารณาให้ลำบาก”นายพ้องกล่าว
นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่ากล่าวว่า ท่าเรือโดยสารสาธารณะในแม่น้ำเจ้าพระยามีจำนวน 40 ท่าโดยแต่ละปีจะได้รับงบประมาณในการปรับปรุงซ่อมแซมประมาณ 5 ล้านบาท ส่วนแผนการปรับปรุงท่าเรือ ศาลาพัก โป๊ะเทียบเรือ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการ ให้มีความทันสมัยเพื่อเสนอของบประมาณในปี 2558 จำนวน 9 ท่า วงเงินรวม 25.7 ล้านบาท (ท่าสาทรฝั่งพระนคร,ท่าสี่พระยา,ท่าราชวงศ์,ท่าวังหลัง,ท่าพระปิ่นเกล้าธนบุรี,ท่าเทเวศร์,ท่าพระราม7,ท่าพระราม5,ท่านนทบุรี) เสนอของบประมาณปี 2559 อีก 5 ท่า วงเงิน 11.9 ล้านบาท (ท่ากรมเจ้าท่า,ท่าโฮเรียลเต็ล,ท่าสะพานพุทธ,ท่าซังฮี้,ท่าช้าง) และปี 2559 จำนวน 7 ท่าวงเงิน 18 ล้านบาท (ท่าราชินี,ท่ารถไฟ,ท่าพายัพ,ท่าเกียกกาย,ท่าเขียวไข่กา,ท่าบางโพ,ท่าพระอาทิตย์)