ASTV ผู้จัดการรายวัน - หุ้นไทยร่วง 47 จุด หลุด 1,400 จุด หลังสภาพัฒน์ฯประกาศจีดีพีไทยไตรมาส2 ต่ำกว่าคาด และลดลงติดต่อกัน 2 ไตรมาส สะท้อนเศรษฐกิจประเทศชะลอตัว อีกทั้งนักลงทุนยังกังวลเฟดลดวงเงินซื้อคืนพันธบัตร พบสัญญาณต่างชาติ -สถาบัน -บล.กอดคอเทขายกระหน่ำ7.3 พันล้าน โกยเงิน2 เด้งจากกำไรส่วนต่างราคาหุ้น และบาทที่อ่อนค่าแตะ31.60 บาท/ดอลลาร์ กินพุงกาง
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (19ส.ค.) ดัชนีเคลื่อนไหวแดนลบตลอดทั้งวัน โดยปิดที่ระดับ 1,398.48 จุด ลดลง 47.28 จุด หรือ 3.27% มูลค่าการซื้อขาย 45,514.07 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค จากความกังวลธนาคารกลางหสรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดวงเงินซื้อคืนพันธบัตรจากปัจจุบัน 85,000 ล้านเหรียญ/เดือน นอกจากนี้ไทยยังประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2/56 โตแค่ 2.8% ต่ำกว่าตลาดคาดโต 3.5-4% และลดลง 2 ไตรมาสซ้อน ทำให้กังวลเรื่องเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง
โดยระหว่างวันแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,438.78 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,398.37 จุด นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิแต่เพียงกลุ่งเดียว 7,361.65 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติ สถาบัน และ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิ 3,639.33 ล้านบาท 2,344.53 ล้านบาท และ 1,377.80 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐ พบว่าอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 31.60 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ เนื่องจากกังวลว่าการประชุมเฟดในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้อาจตัดสินลดวงเงินการซื้อพันธบัตรลง หลังจากที่ตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯดีขึ้น นอกจากนี้ ยังรับผลกระทบจากตัวเลข GDP ของไทยในไตรมาส 2/56 ออกมาเติบโตแค่ 2.8% ต่ำกว่าที่คาดไว้จะเติบโตราว 3.5-4% และหากเทียบไตรมาสต่อไตรมาสลดลงมา 2 ไตรมาสติดต่อกันแล้ว ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลกับภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง
ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศก็ยังต้องรอดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป ซึ่งน่าจะร้อนแรงขึ้นในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.นี้ เนื่องจากยังมีเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ, ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ อีกทั้งต้องรอดูเรื่องพ.ร.บ.กู้เงินฯ 2 ล้านล้านบาท ดังนั้น ช่วงครึ่งปีหลัง(H2/56)ตลาดฯมีโอกาสจะผันผวนได้มาก ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(20 ส.ค.) คาดว่า ดัชนียังมีโอกาสแกว่งตัวลง เนื่องจากมีประเด็นพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ยังอ่อนอยู่
โดยรวมในักวิเคราะห์ ประเมินว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้อ่อนแอกว่าที่คาดเอาไว้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากที่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ศสช.) หรือสภาพัฒน์ ประกาศตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไตรมาส 2/56 เติบโตเพียง 2.8% ต่ำกว่าคาด แสดงให้เห็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และอาจส่งผลให้นักวิเคราะห์ปรับประมาณการลงได้
สำหรับประเด็นการเมือง ขณะนี้คงจะต้องจับตาช่วงกลางสัปดาห์นี้ว่า พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ หรือไม่ ถ้าไม่ได้จะเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก เนื่องจากนักลงทุนจะกลับมากังวลการชะลอตัวเศรษฐกิจในมุมมองที่แย่ลงไปอีก แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้คาดว่าตลาดจะยังอยู่ในแดนลบ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (19ส.ค.) ดัชนีเคลื่อนไหวแดนลบตลอดทั้งวัน โดยปิดที่ระดับ 1,398.48 จุด ลดลง 47.28 จุด หรือ 3.27% มูลค่าการซื้อขาย 45,514.07 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค จากความกังวลธนาคารกลางหสรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดวงเงินซื้อคืนพันธบัตรจากปัจจุบัน 85,000 ล้านเหรียญ/เดือน นอกจากนี้ไทยยังประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2/56 โตแค่ 2.8% ต่ำกว่าตลาดคาดโต 3.5-4% และลดลง 2 ไตรมาสซ้อน ทำให้กังวลเรื่องเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง
โดยระหว่างวันแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,438.78 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,398.37 จุด นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิแต่เพียงกลุ่งเดียว 7,361.65 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติ สถาบัน และ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิ 3,639.33 ล้านบาท 2,344.53 ล้านบาท และ 1,377.80 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐ พบว่าอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 31.60 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ เนื่องจากกังวลว่าการประชุมเฟดในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้อาจตัดสินลดวงเงินการซื้อพันธบัตรลง หลังจากที่ตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯดีขึ้น นอกจากนี้ ยังรับผลกระทบจากตัวเลข GDP ของไทยในไตรมาส 2/56 ออกมาเติบโตแค่ 2.8% ต่ำกว่าที่คาดไว้จะเติบโตราว 3.5-4% และหากเทียบไตรมาสต่อไตรมาสลดลงมา 2 ไตรมาสติดต่อกันแล้ว ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลกับภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง
ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศก็ยังต้องรอดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป ซึ่งน่าจะร้อนแรงขึ้นในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.นี้ เนื่องจากยังมีเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ, ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ อีกทั้งต้องรอดูเรื่องพ.ร.บ.กู้เงินฯ 2 ล้านล้านบาท ดังนั้น ช่วงครึ่งปีหลัง(H2/56)ตลาดฯมีโอกาสจะผันผวนได้มาก ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(20 ส.ค.) คาดว่า ดัชนียังมีโอกาสแกว่งตัวลง เนื่องจากมีประเด็นพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ยังอ่อนอยู่
โดยรวมในักวิเคราะห์ ประเมินว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้อ่อนแอกว่าที่คาดเอาไว้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากที่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ศสช.) หรือสภาพัฒน์ ประกาศตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไตรมาส 2/56 เติบโตเพียง 2.8% ต่ำกว่าคาด แสดงให้เห็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และอาจส่งผลให้นักวิเคราะห์ปรับประมาณการลงได้
สำหรับประเด็นการเมือง ขณะนี้คงจะต้องจับตาช่วงกลางสัปดาห์นี้ว่า พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ หรือไม่ ถ้าไม่ได้จะเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก เนื่องจากนักลงทุนจะกลับมากังวลการชะลอตัวเศรษฐกิจในมุมมองที่แย่ลงไปอีก แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้คาดว่าตลาดจะยังอยู่ในแดนลบ