“จรัมพร” ชี้เฟดเลิก “คิวอี” ตลาดรับข่าวไปแล้ว โบรกฯ คาดการเมืองเริ่มกดดัน

ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ยันตลาดหุ้นไทยยังไม่เกิดภาวะตื่นตระหนก ชี้การที่เฟดกำหนดเวลาชัดเจนในการลด “คิวอี” ถือเป็นเรื่องที่ดี ช่วยให้เกิดความชัดเจน และลดความกังวลเพราะตลาดได้คาดการณ์ล่วงหน้าไว้แล้วว่า “เฟด” ต้องยุติมาตรการ “คิวอี” อย่างแน่นอน นักลงทุน-บจ. สามารถวางแผนได้ล่วงหน้า แต่ยอมรับตลาดร่วงอาจกระทบไอพีโอ โบรกฯ แนะจับตาปัจจัยการเมืองกดดันในระยะต่อไป

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงถึง 43 จุด ในช่วงเช้าวันนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลงหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณจะเริ่มลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ลงตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ และจะสิ้นสุดช่วงกลางปี ถึงปลายปี 2557 ซึ่งเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะไม่เกิดภาวะการตื่นตระหนก (PANIC) คาดตลาดหุ้นไทยจะปรับลดลงในอัตราใกล้เคียงกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดลงประมาณร้อยละ 1 ตลาดหุ้นเอเชีย ลดลงประมาณร้อยละ 1-2 ซึ่ง ตลท. คงไม่ต้องมีมาตรการพิเศษออกมาดูแล

นายจรัมพร กล่าวด้วยว่า การที่เฟดกำหนดเวลาชัดเจนในการลด QE ถือเป็นว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ช่วยให้เกิดความชัดเจน และลดความกังวลออกไปบ้าง เนื่องจากที่ผ่านมามีการคาดการณ์ล่วงหน้าไว้แล้วว่าเฟดต้องยุติมาตรการ QE อย่างแน่นอน ทำให้นักลงทุน และบริษัทจดทะเบียนสามารถวางแผนการลงทุนได้ล่วงหน้า

ซึ่งขอยืนยันว่าการที่เฟดลด QE ไม่มีผลกระทบต่อพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ยังขยายตัวได้ดี แต่กลับเป็นช่วยทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง เนื่องจากมีเงินทุนไหลออก และเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งการที่เงินบาทอ่อนก็จะส่งผลดีต่อการส่งออก ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

“ไม่น่ากลัว เพราะการที่เฟดลด QE รับรู้ข่าวกันมาแล้ว ซึ่งการที่เฟดกำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจนจะทำให้บริษัทจดทะเบียนวางแผนทางธุรกิจได้ แต่ยอมรับว่าภาวะตลาดหุ้นที่ลดลง คงจะกระทบต่อราคาหุ้น IPO บ้าง” นายจรัมพรกล่าว

ด้าน ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งถือเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่จะเข้าลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี แต่ราคาถูก เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยยังดี กำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ยังขยายตัวสูงกว่าร้อยละ 10 ซึ่ง บล.ไทยพาณิชย์ ยังคงเป้าหมายดัชนีปลายปีนี้ที่ระดับ 1,550 จุด โดยให้ติดตามปัจจัยทางการเมืองที่ยังเป็นกดดันต่อตลาดหุ้นไทยในระยะต่อไป

ส่วนแรงขายของนักลงทุนต่างชาติคาดว่ายังมีต่อเนื่อง หลังจากที่ต่างชาติปรับพอร์ตลดความเสี่ยง เพราะได้กำไรจากราคาหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยในช่วง 1-19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ต่างชาติมีการขายสุทธิ 35,000 ล้านบาท แต่เชื่อว่าต่างชาติจะไม่ขายออกหมดทั้ง 100%

ด้านภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ (20 มิ.ย.) ดัชนีปิดครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,394.35 จุด ลดลง 43.35 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -3.02% มูลค่าการซื้อขาย 37,406.21 ล้านบาท