xs
xsm
sm
md
lg

137ขุนพลปชป. จัดหนักงบ57 ช่อง 11 สด-ศธ.งบสูงสุด 4.8 แสนล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้(13 ส.ค.56) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ในวันที่ 14-15 สิงหาคม วงเงินงบประมาณรายจ่ายไว้จำนวนทั้งสิ้น 2,525,000,000,000 บาท
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเป็นจำนวน 2,511,576,321,700 บาท และเพื่อชดใช้เงินคงคลัง เป็นจำนวน 13,423,678,300 บาท ทั้งนี้หลังกมธ.ได้สรุปรายการปรับลดและรายการเพิ่มงบประมาณในแต่ละส่วนราชการแล้ว พบว่าหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณสูงสุด 10 อันดับแรกคือ 1. กระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน 482,788,585,900 บาท 2.งบกลาง 343,131,000,000 บาท 3.กระทรวงมหาดไทย 333,145,150,100 บาท 4.กระทรวงการคลัง 228,796,658,400 บาท
5.กระทรวงกลาโหม 183,819,972,100 บาท 6.กองทุนและเงินทุนหมุนเวียน152,032,949,400 บาท 7.รัฐวิสาหกิจ 149,832,311,400 บาท 8.กระทรวงสาธารณสุข 106,102,910,200 บาท 9.ส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง 101,402,834,900 บาท และ 10.กระทรวงคมนาคม 100,577,360,100 บาท
ส่วนหน่วยงานที่ถูกปรับลดงบประมาณมากที่สุด 5 อันดับคือ 1.กระทรวงมหาดไทย 7,863,246,900 บาท 2.กองทุนและเงินทุนหมุนเวียน 3,211,546,100 บาท 3.กระทรวงแรงงาน 3,136,463,900 บาท 4. กระทรวงศึกษาธิการ 2,784,146,700 บาท และ 5.รัฐวิสาหกิจ 2,441,946,600 บาท
ทั้งนี้หน่วยงานที่ครม.แปรญัตติตั้งงบเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับแรกคือ 1.กระทรวงมหาดไทย 12,253,023,300 บาท ปรับเพิ่ม 12,253 ล้านบาทในส่วน สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาและช่วยเหลือประชาชน รวมถึงพัฒนาเมืองเศรษฐกิจชายแดน ยกระดับความเข้มแข็งของชุมชน จำนวน 3,700 ล้านบาท, กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ จำนวน 8,500 ล้านบาท, เมืองพัทยา เพื่อปรับปรุงผิวถนน, ก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก จำนวน 53 ล้านบาท, 2.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 4,556,000,000 บาทอยู่ในส่วนของกรมพลศึกษา ในโครงการส่งเสริมกีฬา, นันทนาการ, กีฬามวลชนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต จำนวน 2,458 ล้านบาท, กรมการท่องเที่ยว ในโครงการจัดซื้อคุรุภัณฑ์, ที่ดิน สิ่งก่อสร้าง และค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการจัดกิจกรรมในแหล่งท่องเที่ยว จำนวน 2,108 ล้านบาท
3.กระทรวงศึกษาธิการ 4,234,849,100 บาท ในส่วนของค่าตอบแทน และอุดหนุนให้มหาวิทยาลัยพะเยาเพื่อใช้จ่ายค่าชดเชยต้นไม้และบำรุงรักษาสวนป่าทดแทน 4.กระทรวงคมนาคม 2,485,250,000 บาทในส่วนของการพัฒนาถนนทางหลวง, ทางหลวงชนบทและบำรุงรักษาทางและสะพาน นอกจากนั้นยังมีโครงการจ้างศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย จำนวน 11 ล้านบาท และ 5.สำนักนายกรัฐมนตรี 1,553,538,000 บาท จัดอยู่ในส่วนของกรมประชาสัมพันธ์ โครงการพัฒนาสถานีโทรทัศน์ภาคภาษาอังกฤษและสถานีโทรทัศน์อาเซียน จำนวน 50 ล้านบาท,สำนักเลขาธิการนายกฯ ในค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการพัฒนาเมือง จำนวน 1,500 ล้านบาท, สำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกา ในโครงการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ ให้สอดคล้องกับพันธกรณีและกฎเกณฑ์ของอาเซียน จำนวน 3.5 ล้านบาท
นอกจากนั้นในส่วนของหน่วยงานรัฐสภา ได้ปรับเพิ่ม 615 ล้านบาท ในส่วนสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เป็นค่าตอบแทนบุคลากร จำนวน 53 ล้านบาท, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 562 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ จำนวน 451 ล้านบาท, ให้หน่วยงานวิจัยของสภา 50 ล้านบาท, ให้กรรมาธิการสามัญ 35 คณะ รวม 50 ล้านบาท ที่เหลือเพื่อใช้เป็นค่าดำเนินงาน, หน่วยงานศาล ปรับเพิ่ม 17 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการพัฒนาระบบสืบค้นด้านคดีรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน, สำนักงานอัยการสูงสุด จำนวน 304 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายบุคลากร, ค่าดำเนินงาน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีขอให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงเตรียมความพร้อมในการชี้แจงงบประมาณในส่วนกระทรวงของตนเอง
นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ในเรื่องกรอบเวลาของการอภิปราย ขณะนี้มีผู้ขอสงวนคำแปรญัตติ การอภิปรายจำนวนกว่า 200 คน และอาจจะมีการอภิปรายในประเด็นที่ซ้ำกันได้ จึงต้องมีหารือถึงกรอบเวลาการอภิปรายให้มี การกระชับลง เน้นประเด็นสำคัญๆ ไม่ออกนอกประเด็นจนเกินไป ถ้าการประชุมทำได้เช่นนี้แล้ว มั่นใจว่าเวลา 2 วันน่าจะเพียงพอ
ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีผู้แปรญัตติ 137 คน จากทั้งหมด 163 คน โดยจำนวนวันเวลาผู้สงวนคำแปรญัตติและสงวนความเห็นต้องได้ใช้สิทธิอภิปรายทุกคน ตามข้อเท็จจริง เว้นแต่ไม่ประสงค์จะอภิปราย
ส่วนเนื้อหาการอภิปรายจะพุ่งเป้าหลายประเด็น เช่น งบประมาณภายหลังแก้ไขเห็นชัดเจนว่าไม่สนใจวินัยการคลัง มีตัวเลขก่อหนี้สูงมาก ใช้งบประมาณมหาศาลบานปลายหลายโครงการ จัดสรรงบประมาณกระจุกตัวบางจังหวัด เช่น เชียงใหม่ ศรีสะเกษ แพร่ สุพรรณบุรี ชลบุรี และไม่ชอบมาพากลในการจัดทำงบประมาณ เช่น การจัดซื้อรถตู้ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่กลายพันธ์เป็น “โครงการรถตู้โรงเรียนดีศรีตำบล” งบประมาณการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนที่ซ่อนอยู่ในทุกกรมเป็นเงินกว่าหมื่นล้านบาท
นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 กล่าวว่าจะมีการประชุม เวลา 09.30-24.00 น.และถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ (ช่อง 11) ตลอดการประชุม ทั้งนี้หากใช้เวลา 2 วันไม่แล้วเสร็จ ประธานจะแจ้งให้ทราบถึงพิจารณาต่อหรือไม่อย่างไรตามเวลาที่สมควร
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคมีความกังวลหลายประการ คือ 1.ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยขาดวินัยทางการคลัง ไม่มีการระบุถึงแนวทางการใช้จ่ายเงินอย่างมีประสิทธิภาพ มีการประเมินการเก็บภาษีของหน่วยงานเก็บรายได้ถูกประเมินไว้ต่ำกว่าประมาณการณ์ และรายจ่ายภาครัฐก็ยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องทั้งในรายจ่ายประจำ และรายจ่ายในโครงการประชานิยม นอกจากนั้นหลายโครงการที่รัฐบาลได้ตั้งขึ้นมาในปีนี้ยังไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การบริหารจัดการประเทศ ทั้งการรับมือการเป็นสังคมผู้สูงอายุ หรือการเข้าร่วมประชาคนเศรษฐกิจอาเซียน ที่ยังไม่มีการเปิกจ่ายงบประมาณเพื่อทำให้ประเทศมีความพร้อม
2.ไม่มีการรองรับแผนงาน หากการกู้เงินจาก พ.ร.บ.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท และ พ.ร.บ.กู้เงิน 2ล้านล้านบาทไม่สามารถใช้จ่ายเงินได้ ก็ไม่มีหน่วยงานราชการรองรับการดำเนินโครงการต่างๆต่อไปได้เลย ซึ่งได้คำตอบว่ารัฐบาลไม่มีแผนหรือโครงการรองรับเพื่อดำเนินการต่อ ซึ่งเป็นความน่าเป็นห่วงที่รัฐบาลผลักงบลงทุนทั้งหมดของประเทศไปอยู่ในเงินกู้ และกลับไม่มีความรอบคอบในเรื่องรายละเอียด และ 3.มีความกังวลว่ารัฐบาลจะปิดปากฝ่ายค้านเหมือนกรณีที่ทำในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ที่ประชุมขอให้ ส.ส.รักษาองค์ประชุม กำชับ ส.ส.ให้อดทนเวลาฝ่ายค้านกล่าวพาดพิงหรือประท้วงยั่วยุ ยืนยันว่าไม่มีการตั้งองครักษ์พิทักษ์นายกฯ และรัฐมนตรีอย่างแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น