ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯฉบับวรชัย เหมะผ่านมติวาระที่ 1 สภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว คิวต่อไปของสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์นี้ก็คือพิจารณาวาระ 2 – 3 ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 ในวันพุธ-พฤหัสบดีที่ 14 – 15 สิงหาคม 2556 และจากนั้นสัปดาห์หน้าวันพุธ-พฤหัสบดีที่ 21 – 22 ก็จะถึงวาระสำคัญคือวาระ 2 – 3 ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่าจะผ่านไปตามความต้องการของรัฐบาลทั้งหมด เพราะมีแต่ต้องแก้รัฐธรรมนูญและแก้ข้อบังคับการประชุมสภาให้ส.ส.พรรคฝ่ายค้านคนหนึ่งออกเสียงได้ 2 เสียงหรือยกได้ 2 มือเท่านั้นแหละจึงจะพอสูสี
แต่จะมีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 1 ใน 3 ฉบับคือแก้ไขที่มาของส.ว.เป็นคิวแทรกเข้าสู่ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาวาระ 2 ในวันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2556 ก่อนหรือไม่ ต้องคอยสดับฟังข่าวดู
แต่กลุ่ม 40 ส.ว.เขาจะจัดเสวนากันในวันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2556 เวลา 13.00 น. รอรับไว้
ท่านใดสนใจก็แวะไปที่ห้อง 306 – 308 อาคารรัฐสภา 2 ร่วมเสวนาในหัวข้อ “แก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของส.ว. : แผนเผด็จการรัฐสภาควบคุมศาลและองค์กรอิสระ” ผู้นำการเสวนาบนเวทีก็ส.ว.สรรหาคุ้นหน้าคุ้นตากันทั้งนั้น ทั้งผม ทั้งคุณไพบูลย์ นิติตะวัน คุณสมชาย แสวงการ คุณประสาร มฤคพิทักษ์ และ ฯลฯ โดยมีส.ว.เลือกตั้งอย่างคุณรสนา โตสิตระกูลมาร่วมด้วย
สองสามสัปดาห์ก่อนผมเรียกร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่าอะไรคงยังพอจำกันได้นะพี่น้อง
ร่างฯแก้รัฐธรรมนูญฉบับขายเหล้าพ่วงเบียร์แถมน้ำ !
เดิมทีจุดประสงค์แท้ ๆ ของส.ว.เลือกตั้งส่วนใหญ่รวมทั้งท่านประธานวุฒิสภาคนปัจจุบันที่เข้าร่วมเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรวม 3 ฉบับ 3 ประเด็นกับส.ส.พรรครัฐบาล โดยแบ่งงานกันทำ แบ่งกันเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแก้ปัญหาให้กันและกันเพื่อป้องกันข้อครหาและข้อกฎหมายว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์นั้น ความประสงค์สูงสุดอันดับแรกคือให้ส.ว.เลือกตั้งที่กำลังจะหมดวาระลงในวันที่ 2 มีนาคม 2557 และต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 2550 ห้ามลงสมัครต่อเนื่อง สามารถลงสมัครต่อเนื่องได้ทันที ไม่ต้องเว้นวรรค 1 สมัย แต่ถ้าแก่แค่นี้ก็น่าจะมีปัญหาและข้อครหา ก็เลยแก้หลักการที่มาของส.ว.เสียใหม่ ให้มาจากการเลือกตั้งอย่างเดียว ยกเลิกส.ว.สรรหา ขยายจำนวนส.ว.เลือกตั้งกลับไปเป็น 200 คนแบบรัฐธรรมนูญ 2540
แต่พอในชั้นกรรมาธิการ กลับมีการแก้ไขเพิ่มเติมอีก 2 ประเด็นสำคัญอันเป็นที่มาที่ผมขนานนามว่าฉบับขายเหล้าพ่วงเบียร์แถมน้ำ
หนึ่ง – ยกเลิกกฎ 5 ปีลาออกจากสมาชิกพรรควันนี้พรุ่งนี้ลงสมัครส.ว.ได้เลย
สอง – ฟื้นสภาผัวเมียพ่อแม่ลูก
แต่เดิมคนเป็นส.ส.หรือเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ต้องพ้นมาแล้ว 5 ปี จึงจะลงสมัครส.ว.ได้ และคนเป็นส.ว.จะเป็นผัวเมียพี่น้องพ่อแม่ส.ส.ไม่ได้ วัตถุประสงค์ไม่ใช่เพื่อกีดกันคนกลุ่มใด แต่เพื่อแยก 2 สภาให้มีความแตกต่างกัน มีหน้าที่ไม่เหมือนกัน จะได้ตรวจสอบควบคุมกันได้(บ้าง) นี่เป็นเจตนามาตั้งแต่เมื่อครั้งร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ที่คนที่รังเกียจรัฐธรรมนูญ 2550 รวมทั้งส.ว.เลือกตั้งประดามีทั้งหลายเคยย่องย่องชื่นชมว่าเป็นประชาธิปไตยที่สุดแล้ว
แต่การแก้ไขในชั้นกรรมาธิการกลับกลืนน้ำลายตัวเองบรรจงยกเลิกกฎทั้งสองนี้เสียสิ้น
เป็นการแก้ไขที่แม้แต่ส.ว.เลือกตั้งส่วนใหญ่ที่ร่วมผลักดันมาด้วยกันก็ยังหนาว
เพราะแม้พวกตนจะได้สิทธิลงสมัครต่อเนื่องได้อีก และมีตำแหน่งมากขึ้นในหลายจังหวัด แต่ “ขี้หรือจะดีกว่าไส้” ถ้าเจอคู่แข่งที่มาจากเลือดเนื้อเชื้อไขของพรรคการเมืองโดยตรง หรือผัวเมียพ่อแม่ส.ส.โดยตรง ก็จะลำบาก แต่ก็นั่นแหละ “กำขี้ดีกว่ากำตด” อย่างน้อยก็ได้ลงสมัครละน่า
แต่แท้จริงแล้วนี่คือการล้มล้างองค์กรอิสระโดยไม่ต้องล้มล้างโดยแท้ !
ทั้งร่างเดิมและร่างขายเหล้าพ่วงเบียร์แถมน้ำเป็นการทำให้วุฒิสภาขึ้นต่อการเมืองและพรรคการเมืองมากขึ้นในทางปฏิบัติ เมื่อวุฒิสภาเป็นที่มาขององค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ และเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การที่วุฒิสภาถูกแปรสภาพไปอยู่ภายใต้การครอบงำของการเมืองและพรรคการเมืองมากขึ้นในทางปฏิบัติ กรรมการองค์กรอิสระคนต่อไปหรือชุดต่อไปในอนาคตจะไปไหนเสีย ไม่ต้องล้มล้างแต่กำหนดตัวบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งได้ แถมยังดูดีกว่าเสียอีก เพราะหลอกลวงได้เนียนกว่า
กรรมการองค์กรอิสระที่มีมาตั้งแต่ปี 2550 ณ วันนี้ก็นับถอยหลังกันหมดแล้ว ถ้าไม่ใกล้ครบวาระทั้งชุด ก็อายุใกล้ 70 ครบวาระเฉพาะตัว
ยังมีผลพลอยได้อีกคือการถอนถอนผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองก็จะเป็นไปตามที่ฝ่ายการเมืองและพรรคการเมืองต้องการ
การมีตำแหน่งทางการเมืองเพิ่มขึ้นมาก ๆ ทั้งส.ว.เลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังจะแก้ไขใหม่ ทั้ง กรรมการองค์กรอิสระคนใหม่ชุดใหม่ ยังทำให้พรรคการเมืองที่ครองอำนาจเบ็ดเสร็จผ่านระบอบเผด็จการรัฐสภาของนายทุนเจ้าของพรรคการเมืองสามารถจัดสรรคนที่เข้าไปสวามิภักดิ์จนล้นเกินลงในตำแหน่งเหล่านี้ได้ตามความเหมาะสม
สรุปคือถ้าแก้ได้ตามนี้มีวุฒิสภาไปก็ไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง
ประเทศนี้จะถูกบีบรัดกระชับเข้าสู่อ้อมกอดของระบอบเผด็จการรัฐสภาของนายทุนเจ้าของพรรคการเมืองอย่างเกือบ ๆ จะสมบูรณ์แบบและสุดลิ่มทิ่มประตูอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
เพราะเสียงของวุฒิสภาส่วนใหญ่จะเป็นไปตามความต้องการของพรรคการเมืองที่ครองอำนาจเบ็ดเสร็จ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระคนต่อไปและ/หรือชุดต่อไปก็มีแนวโน้มจะไม่อิสระจริง
ผมขอย้ำในประเด็นที่ได้เขียนไปแล้วอีกครั้ง ณ ที่นี้นะครับว่า ความหมายของวุฒิสภายุคใหม่ถ้าแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จตามนี้ก็คือหลอกลวงประชาชนได้เนียนยิ่งขึ้น เป็นหลอกลวงกำลังสาม
หลอกลวงว่าคืนอำนาจให้ประชาชน ประเทศเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ เพราะส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด
หลอกลวงว่าระบบการเมืองมีสภาสูงหรือสภากลั่นกรอง
หลอกลวงว่ายังมีองค์กรอิสระอยู่
ไม่มีใครเห็นว่ารัฐธรรมนูญแก้ไขไม่ได้หรอกครับ และก็ไม่มีใครเห็นว่าบทบัญญัติว่าด้วยที่มาของส.ว.ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมันสมบูรณ์พร้อม แก้ไขได้ครับ แต่จะต้องแก้ไขแบบไม่ใช่เอาแต่ได้ เมื่อมีอำนาจมีเสียงข้างมากก็ไม่บันยะบันยังในการใช้อำนาจ รุกไล่ฝ่ายที่คิดต่างเห็นต่างไม่ให้มีที่ยืนในระบบเลย ถือความได้เปรียบจากมายาภาพวาทกรรมประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งมาตำแหน่งให้ผู้สวามิภักดิ์ตนที่ล้นเกิน
มือข้างหนึ่งทำอย่างนี้ แต่มืออีกข้างหนึ่งกลับชักชวนมาร่วมเวทีพูดคุยเวทีปฏิรูปประเทศที่จะมีแม้กระทั้งอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษและอดีตเลขาธิการสหประชาชาติมาร่วม
อำมหิตสิ้นดี !
ถ้าพอมีเวลา ศุกร์นี้ก็ไปร่วมเสวนากันนะพี่น้อง
ดูซิว่าจะพอรับมือกันด้วยกระบวนท่าไหนดี ??
แต่จะมีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 1 ใน 3 ฉบับคือแก้ไขที่มาของส.ว.เป็นคิวแทรกเข้าสู่ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาวาระ 2 ในวันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2556 ก่อนหรือไม่ ต้องคอยสดับฟังข่าวดู
แต่กลุ่ม 40 ส.ว.เขาจะจัดเสวนากันในวันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2556 เวลา 13.00 น. รอรับไว้
ท่านใดสนใจก็แวะไปที่ห้อง 306 – 308 อาคารรัฐสภา 2 ร่วมเสวนาในหัวข้อ “แก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของส.ว. : แผนเผด็จการรัฐสภาควบคุมศาลและองค์กรอิสระ” ผู้นำการเสวนาบนเวทีก็ส.ว.สรรหาคุ้นหน้าคุ้นตากันทั้งนั้น ทั้งผม ทั้งคุณไพบูลย์ นิติตะวัน คุณสมชาย แสวงการ คุณประสาร มฤคพิทักษ์ และ ฯลฯ โดยมีส.ว.เลือกตั้งอย่างคุณรสนา โตสิตระกูลมาร่วมด้วย
สองสามสัปดาห์ก่อนผมเรียกร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่าอะไรคงยังพอจำกันได้นะพี่น้อง
ร่างฯแก้รัฐธรรมนูญฉบับขายเหล้าพ่วงเบียร์แถมน้ำ !
เดิมทีจุดประสงค์แท้ ๆ ของส.ว.เลือกตั้งส่วนใหญ่รวมทั้งท่านประธานวุฒิสภาคนปัจจุบันที่เข้าร่วมเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรวม 3 ฉบับ 3 ประเด็นกับส.ส.พรรครัฐบาล โดยแบ่งงานกันทำ แบ่งกันเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแก้ปัญหาให้กันและกันเพื่อป้องกันข้อครหาและข้อกฎหมายว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์นั้น ความประสงค์สูงสุดอันดับแรกคือให้ส.ว.เลือกตั้งที่กำลังจะหมดวาระลงในวันที่ 2 มีนาคม 2557 และต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 2550 ห้ามลงสมัครต่อเนื่อง สามารถลงสมัครต่อเนื่องได้ทันที ไม่ต้องเว้นวรรค 1 สมัย แต่ถ้าแก่แค่นี้ก็น่าจะมีปัญหาและข้อครหา ก็เลยแก้หลักการที่มาของส.ว.เสียใหม่ ให้มาจากการเลือกตั้งอย่างเดียว ยกเลิกส.ว.สรรหา ขยายจำนวนส.ว.เลือกตั้งกลับไปเป็น 200 คนแบบรัฐธรรมนูญ 2540
แต่พอในชั้นกรรมาธิการ กลับมีการแก้ไขเพิ่มเติมอีก 2 ประเด็นสำคัญอันเป็นที่มาที่ผมขนานนามว่าฉบับขายเหล้าพ่วงเบียร์แถมน้ำ
หนึ่ง – ยกเลิกกฎ 5 ปีลาออกจากสมาชิกพรรควันนี้พรุ่งนี้ลงสมัครส.ว.ได้เลย
สอง – ฟื้นสภาผัวเมียพ่อแม่ลูก
แต่เดิมคนเป็นส.ส.หรือเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ต้องพ้นมาแล้ว 5 ปี จึงจะลงสมัครส.ว.ได้ และคนเป็นส.ว.จะเป็นผัวเมียพี่น้องพ่อแม่ส.ส.ไม่ได้ วัตถุประสงค์ไม่ใช่เพื่อกีดกันคนกลุ่มใด แต่เพื่อแยก 2 สภาให้มีความแตกต่างกัน มีหน้าที่ไม่เหมือนกัน จะได้ตรวจสอบควบคุมกันได้(บ้าง) นี่เป็นเจตนามาตั้งแต่เมื่อครั้งร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ที่คนที่รังเกียจรัฐธรรมนูญ 2550 รวมทั้งส.ว.เลือกตั้งประดามีทั้งหลายเคยย่องย่องชื่นชมว่าเป็นประชาธิปไตยที่สุดแล้ว
แต่การแก้ไขในชั้นกรรมาธิการกลับกลืนน้ำลายตัวเองบรรจงยกเลิกกฎทั้งสองนี้เสียสิ้น
เป็นการแก้ไขที่แม้แต่ส.ว.เลือกตั้งส่วนใหญ่ที่ร่วมผลักดันมาด้วยกันก็ยังหนาว
เพราะแม้พวกตนจะได้สิทธิลงสมัครต่อเนื่องได้อีก และมีตำแหน่งมากขึ้นในหลายจังหวัด แต่ “ขี้หรือจะดีกว่าไส้” ถ้าเจอคู่แข่งที่มาจากเลือดเนื้อเชื้อไขของพรรคการเมืองโดยตรง หรือผัวเมียพ่อแม่ส.ส.โดยตรง ก็จะลำบาก แต่ก็นั่นแหละ “กำขี้ดีกว่ากำตด” อย่างน้อยก็ได้ลงสมัครละน่า
แต่แท้จริงแล้วนี่คือการล้มล้างองค์กรอิสระโดยไม่ต้องล้มล้างโดยแท้ !
ทั้งร่างเดิมและร่างขายเหล้าพ่วงเบียร์แถมน้ำเป็นการทำให้วุฒิสภาขึ้นต่อการเมืองและพรรคการเมืองมากขึ้นในทางปฏิบัติ เมื่อวุฒิสภาเป็นที่มาขององค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ และเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การที่วุฒิสภาถูกแปรสภาพไปอยู่ภายใต้การครอบงำของการเมืองและพรรคการเมืองมากขึ้นในทางปฏิบัติ กรรมการองค์กรอิสระคนต่อไปหรือชุดต่อไปในอนาคตจะไปไหนเสีย ไม่ต้องล้มล้างแต่กำหนดตัวบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งได้ แถมยังดูดีกว่าเสียอีก เพราะหลอกลวงได้เนียนกว่า
กรรมการองค์กรอิสระที่มีมาตั้งแต่ปี 2550 ณ วันนี้ก็นับถอยหลังกันหมดแล้ว ถ้าไม่ใกล้ครบวาระทั้งชุด ก็อายุใกล้ 70 ครบวาระเฉพาะตัว
ยังมีผลพลอยได้อีกคือการถอนถอนผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองก็จะเป็นไปตามที่ฝ่ายการเมืองและพรรคการเมืองต้องการ
การมีตำแหน่งทางการเมืองเพิ่มขึ้นมาก ๆ ทั้งส.ว.เลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังจะแก้ไขใหม่ ทั้ง กรรมการองค์กรอิสระคนใหม่ชุดใหม่ ยังทำให้พรรคการเมืองที่ครองอำนาจเบ็ดเสร็จผ่านระบอบเผด็จการรัฐสภาของนายทุนเจ้าของพรรคการเมืองสามารถจัดสรรคนที่เข้าไปสวามิภักดิ์จนล้นเกินลงในตำแหน่งเหล่านี้ได้ตามความเหมาะสม
สรุปคือถ้าแก้ได้ตามนี้มีวุฒิสภาไปก็ไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง
ประเทศนี้จะถูกบีบรัดกระชับเข้าสู่อ้อมกอดของระบอบเผด็จการรัฐสภาของนายทุนเจ้าของพรรคการเมืองอย่างเกือบ ๆ จะสมบูรณ์แบบและสุดลิ่มทิ่มประตูอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
เพราะเสียงของวุฒิสภาส่วนใหญ่จะเป็นไปตามความต้องการของพรรคการเมืองที่ครองอำนาจเบ็ดเสร็จ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระคนต่อไปและ/หรือชุดต่อไปก็มีแนวโน้มจะไม่อิสระจริง
ผมขอย้ำในประเด็นที่ได้เขียนไปแล้วอีกครั้ง ณ ที่นี้นะครับว่า ความหมายของวุฒิสภายุคใหม่ถ้าแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จตามนี้ก็คือหลอกลวงประชาชนได้เนียนยิ่งขึ้น เป็นหลอกลวงกำลังสาม
หลอกลวงว่าคืนอำนาจให้ประชาชน ประเทศเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ เพราะส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด
หลอกลวงว่าระบบการเมืองมีสภาสูงหรือสภากลั่นกรอง
หลอกลวงว่ายังมีองค์กรอิสระอยู่
ไม่มีใครเห็นว่ารัฐธรรมนูญแก้ไขไม่ได้หรอกครับ และก็ไม่มีใครเห็นว่าบทบัญญัติว่าด้วยที่มาของส.ว.ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมันสมบูรณ์พร้อม แก้ไขได้ครับ แต่จะต้องแก้ไขแบบไม่ใช่เอาแต่ได้ เมื่อมีอำนาจมีเสียงข้างมากก็ไม่บันยะบันยังในการใช้อำนาจ รุกไล่ฝ่ายที่คิดต่างเห็นต่างไม่ให้มีที่ยืนในระบบเลย ถือความได้เปรียบจากมายาภาพวาทกรรมประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งมาตำแหน่งให้ผู้สวามิภักดิ์ตนที่ล้นเกิน
มือข้างหนึ่งทำอย่างนี้ แต่มืออีกข้างหนึ่งกลับชักชวนมาร่วมเวทีพูดคุยเวทีปฏิรูปประเทศที่จะมีแม้กระทั้งอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษและอดีตเลขาธิการสหประชาชาติมาร่วม
อำมหิตสิ้นดี !
ถ้าพอมีเวลา ศุกร์นี้ก็ไปร่วมเสวนากันนะพี่น้อง
ดูซิว่าจะพอรับมือกันด้วยกระบวนท่าไหนดี ??