ส.ส.พัทลุง ปชป.ซัดโฆษกเพื่อไทยไร้มารยาท เชื่อ “แก้วสรร” เหมาะสมนั่ง กมธ.นิรโทษกรรม แจงข้อมูลเกี่ยวกับ คตส.เตือนสังคมจะไขว้เขว ทำลายบรรยากาศปรองดองที่เรียกร้องจากคนอื่น จวกนายกฯ แยกไม่ออกเป็นนักปราชญ์หรือคนโง่ ยันสถาบันปกเกล้าฯ ศึกษาครอบคลุมแล้ว ไม่จำเป็นต้องดึง แบลร์-อันนัน ร่วมเวทีปฏิรูป หยัน ส่อเค้าเหลวเหมือนโต๊ะเจรจาบีอาร์เอ็น
วันนี้ (11 ส.ค.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่เหมาะสมในการเข้ามาทำหน้าที่ในกมธ.นั้น ตนเห็นว่า เป็นการพูดที่ไม่มีมารยาททางการเมือง ซึ่งตนเป็นผู้แทนมายี่สิบกว่าปีเพิ่งเคยเห็นลักษณะการออกความเห็นข้ามพรรค ขอยืนยันว่า นายแก้วสรร เป็นผู้ที่มีความเหมาะสม เพราะว่ากฎหมายนิรโทษกรรมคาดเดาว่า ต้องมีบางคนในพรรคเพื่อไทย พูดในลักษณะที่พวกเขาไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก คตส.ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ นายแก้วสรร มีข้อมูลที่ชี้แจงให้เข้าใจได้
“การออกมาแสดงความคิดเห็นเช่นนี้ สังคมจะไขว้เขว อย่างที่รัฐบาลจะเปิดสภาปฏิรูปอย่างนั้นอย่างนี้ แต่กลับมาพูดในเชิงที่ขัดแย้งกับการกระทำ ตรงนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจ จงใจทำลายบรรยากาศของการปรองดองที่เขาจะเรียกร้องจากคนอื่น” นายนิพิฏฐ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ระบุว่า การดึง นายโคฟี อันัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และนายโทนี่ แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เข้าร่วมสภาปฏิรูปประเทศไทย เพราะต้องการเอาประสบการณ์ความขัดแย้งของต่างชาติ มาปรับใช้ในการแก้ปัญหาของประเทศไทยนั้น นายนิพิฏฐ์ ระบุว่า นายกฯละอ่อนมาก ไม่รู้เรื่อง ตนถึงเคยบอกว่า คนโง่กับนักปราชญ์ เวลาไม่พูด จะแยกไม่ออกเลยใครเป็นนักปราชญ์ ใครเป็นคนโง่ เพราะสถาบันพระปกเกล้า ที่รับหน้าที่จากสภาไปศึกษาความขัดแย้งของแต่ละประเทศในโลกนี้มาหมดแล้วว่า เขามีวิธียุติความขัดแย้งภายในประเทศของเขาอย่างไร ซึ่งรวมไปถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศอังกฤษ กับสกอตแลนด์ ด้วย ตนคิดว่าไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องเชิญคนต่างชาติเข้ามายุ่ง
“เดาว่า หาก โทนี แบลร์ และ โคฟี อันนัน มาถึงไทย จะประหลาดใจว่าประเทศไทยมีนายกฯ อย่างนี้ได้อย่างไร แก้ปัญหาแบบขายความขี้เท่อ ไม่รู้ปัญหาแม้ภายในประเทศตัวเองเลย ขอยืนยันว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะดึงพวกเขามา เพราะข้ออ้างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้าง ทุกอย่างมีในรายงานของสถาบันพระปกเกล้าหมดแล้ว โดยไม่ว่าเชิญใครมา ก็ต้องเป็นเช่นนี้ บางประเทศใช้เวลากว่ายี่สิบปีถึงจะลดความขัดแย้งสำเร็จ แต่ต้องนับหนึ่งให้ถูก แต่ผมคิดว่าขณะนี้เรากำลังนับผิด เพราะว่าบางเรื่องที่ขัดแย้งกัน ต้องให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้า เรื่องไหนตกลงกันได้ ก็ให้นิรโทษกรรม เรื่องไหนยังตกลงไม่ได้ก็ให้กระบวนการยุติธรรมตัดสินจนสุดปลายทาง ที่วันนี้ไม่จบ เพราะฝ่ายหนึ่งบอกว่า รัฐบาลสั่งฆ่าประชาชน อีกฝ่ายหนึ่งบอกผู้ชุมนุมมีอาวุธฆ่าผู้บริสุทธ์ ทั้งสองฝ่ายบอกว่าตัวเองบริสุทธิ์ ถามว่าเช่นนี้ใครจะตัดสิน แบบนี้ โทนี แบลร์ และ โคฟี อันนัน ตัดสินได้หรือไม่” นายนิพิฏฐ์ กล่าว
นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า ตนคิดว่า อย่างเช่น ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ครั้งที่องค์กรมุสลิม จะเข้ามายุ่ง เราก็ไม่ให้เข้ามา เพราะเราสามารถแก้ปัญหาขอเราเองได้ การดำเนินการต่างๆ ที่ใช้แนวคิดแบบผิดๆ เช่นนี้ กำลังดำเนินรอยตามการเจรจาที่ส่อล้มเหลวเหมือนกับกรณีรัฐไทยเจรจาสันติภาพกับกลุ่มบีอาร์เอ็น เพราะว่ารัฐบาลหน่อมแน้ม ที่คิดว่าโมเดลที่ใช้แก้ปัญหาความไม่สงบในประเทศมาเลเซีย และอินโดนิเซีย จะปรับใช้แก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้ ซึ่งตนเคยคุยกับทหารระดับสูงของไทยหลายคน แต่เขาไม่กล้าพูด ว่าโครงสร้างของประเทศไทยไม่เหมือนกับมาเลเซีย และอินโดนิเซีย เนื่องจากไทยเป็นรัฐเดี่ยว และของเขาเป็นสหพันธรัฐ เป็นหลายๆ รัฐมารวมกัน