xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“แม้ว” กาง 4 โรดแมป เด็ดปีกแมลงสาบ ความฝันยึดไทยใกล้บรรลุชัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง บุตรสาวคนเล็กของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โพสต์คลิปวิดีโอผ่านทาง Instagram โดยใช้ชื่อบัญชี “ingshin21” ซึ่งเป็นคลิปที่ พ.ต.ท.ทักษิณกำลังออกกำลังกายด้วยการชกและเตะกระสอบทรายอย่างแข็งขัน พร้อมระบุข้อความใต้คลิปว่า “Fit and firm เจอปุ๊บก็ฟิตโชว์ลูกจ้าาา” โดยเป็นการโพสต์ในวันที่ 4 สิงหาคมซึ่งเป็นวันเปิดสภาราวกับมั่นใจว่า ด้วยกำลังที่มีอยู่ในมือ จะไม่มีใครขวาง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมได้
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ในที่สุด ก็ไม่มีอะไรที่จะมาหยุดยั้งสภาผู้แทนราษฎรในการทำหน้าที่รับใช้ระบอบทักษิณในการเสนอ “ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม พ.ศ....” ฉบับนายวรชัย เหมะ ในวาระที่ 1 ได้ แม้พรรคประชาธิปัตย์จะพยายามยื้อหยุดฉุดกระชากสักเพียงใดก็ตาม เพราะสุดท้ายผลก็ออกมาอย่างที่คาดเมื่อ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติยกมือรับหลักการไปด้วยคะแนน 300 ต่อ 124 เสียง งดออกเสียง 14 เสียงและไม่ลงคะแนน 2 เสียง

แต่กว่าที่จะใช้ระบบพวกมากลากไปได้สำเร็จก็เรียกว่า ต้องระดมสรรพกำลังรับมืออย่างสุดซอย ด้วยการสั่งให้รัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ ชินวัตรประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ระดมตำรวจหลายหมื่นคนเข้ามาควบคุม พร้อมปิดการจราจรใน 3 เขตของกรุงเทพฯ

คำถามที่เกิดขึ้น เมื่อทุกอย่างสมใจอยากนักโทษชายทักษิณแล้ว สถานการณ์บ้านเมืองจะดำเนินไปอย่างไร โอกาสที่จะปฏิวัติรัฐประหารมีหรือไม่ จะมีการหมกเม็ดหรือยัดไส้อะไรในชั้นแปรญัตติหรือไม่ เพราะความสำเร็จที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้ส่งสัญญาณให้เห็นชัดเจนว่า ระบบพวกมากลากไปในสภาสามารถทำให้ความฝันทุกๆ ด้านของเขากลายเป็นความจริงได้…

การเดินเกมยึดประเทศไทยของ นช.ทักษิณเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นระบบ โดยมี ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเป็นบททดสอบที่สำคัญ ซึ่งถ้าหากย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็จะเห็นได้ว่า แผนแรกที่สังคมได้รับรู้โดยบังเอิญผ่าน “คลิปนายพลถั่งเช่า” ก็คือ การนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ “สภากลาโหม” เพื่อทำทีให้ดูเหมือนว่า เป็นเรื่องของความมั่นคง แล้วใช้สภากลาโหมเป็นตรายางแปรสภาพ พ.ร.บ.ให้กลายเป็น พ.ร.ก.โดยรัฐบาลสามารถออกกฎหมายได้ทันทีดังที่ปรากฏบทสนทนาระหว่างนักโทษชายหนีคดีและบิ๊กอ๊อด เนื่องเพราะเขามั่นใจว่า สามารถจัดการกับบิ๊กทหารเอาไว้ได้อยู่หมัด โดยเฉพาะ “ไอ้ตู่” ที่นายใหญ่ถึงกับเอ่ยปากว่า “ไว้ใจมาก” พร้อมกับส่งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามาถ่างขาควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะเชื่อมั่นในพลังดีดสะท้อนทางเพศที่อยู่มีในตัว

ทั้งนี้ นักโทษชายหนีคดีก็มั่นใจว่า จะไม่มีปฏิกิริยาจากพรรคแมลงสาบเท่าใดนัก เนื่องเพราะเชื่อมั่นว่า ไม่กล้าด้วยเหตุที่ยังคงติดค้างหนี้บุญคุณที่ทหารปฏิบัติการพลิกขั้ว และทำให้จัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารได้สำเร็จ หรือถ้าจะหือก็คงทำแบบพอหอมปากหอมคอ

แต่เมื่อแผนการถูกเปิดโปงออกมาผ่านคลิปถั่งเช่า ทำให้แผนการนี้ต้องถูกโยนทิ้งไปโดยปริยาย

จากนั้นยุทธวิธีที่สองก็สอดแทรกเข้ามาอย่างรวดเร็ว โดยสั่งการให้นายวรชัย เหมะ นำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสู่การพิจารณาของสภา และขุนค้อนจ๊ะเอ๋ก็ตอบสนองด้วยการเลื่อนเข้ามาบรรจุในวาระที่ 1 ในฉับพลันทันที แต่ปัญหาใหญ่ของการใช้ระบบพวกมากลากไปก็คือ การชุมนุมต่อต้านของประชาชนที่รับไม่ได้กับวิธีการล้างผิดให้คนเผาบ้านเผาเมือง

ด้วยเหตุดังกล่าว สารพัดสารพันยุทธศาสตร์เพื่อรับมือกับม็อบจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยมีกองทัพตำรวจมะเขือเทศเป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพ

ยังไม่ทันที่ “กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ” และ “พรรคประชาธิปัตย์” ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะได้สำแดงศักยภาพให้เป็นที่ครั่นคร้ามประการใด รัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรก็ระดมสรรพกำลังในการรับมือแบบไม่ลืมหูลืมตา ทำทุกวิถีทางที่จะให้ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับวรชัย เหมะผ่านในวาระ1 ให้จงได้

ทั้งการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ใน 3 เขตของกรุงเทพมหานครคือดุสิต ป้อมปราบศัตรูพ่ายและพระนคร เพื่อให้อำนาจกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในการขน “ตำรวจ” หลายหมื่นคนจากทุกมุมของประเทศมารักษาความปลอดภัย ซึ่งใช้งบประมาณแผ่นดินสูงถึง 60 ล้านบาท พร้อมกับประกาศปิดเส้นทางการจราจรจนทำให้รถติดวินาศสันตะโรไม่เว้นแต่ละวัน

นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว อุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการนี้ก็เป็นไปอย่างอภิมหาอมตะนิรันดร์กาลราวกับว่ามีข้าศึกศัตรูกำลังกรีฑาทัพเข้ามาบุกยึดประเทศไทยอย่างไรอย่างนั้น โดยเฉพาะแท่งแบริเออร์หรือแท่งปูนขนาดความสูงร่วม 2เมตรที่มีเสียงร่ำลือกันหนาหูว่าสั่งนำเข้ามาเป็นกรณีพิเศษเพื่อ การนี้โดยเฉพาะ

แต่ที่เลวร้ายที่สุดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนก็คือ คำสั่งปิดหูปิดตาประชาชนด้วยการงดให้สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(ช่อง 11)และสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี(ช่อง9) ถ่ายทอดสดการประชุมรัฐสภาด้วยตรรกะหัวแม่ตีนคือ เป็นการพิจารณากฎหมายตามวาระปกติ ทั้งๆ ที่รัฐบาลรู้อยู่เต็มอกว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้คือชนวนก่อให้เกิดความแตกแยกในชาติ

แถมยังเล่นลิ้นด้วยแก้ตัวว่า มีการถ่ายทอดสดแล้วโดย “ทีวีรัฐสภา” ซึ่งสามารถรับชมผ่านระบบจานดาวเทียมนิรโทษกรรมคือชนวนเหตุแห่งความขัดแย้งครั้งใหญ่ของประเทศและอินเตอร์เน็ตเท่านั้น มิได้เป็นทีวีที่ประชาชนสามารถรับชมได้ทั่วประเทศอย่างกล่าวอ้างจริง ซึ่งเหตุผลก็มิได้มีอะไรไปมากกว่าต้องการสกัดมิให้พรรคประชาธิปัตย์แสดงพลังในการอภิปรายผ่านจอโทรทัศน์นั่นเอง

แต่ที่แสบไปกว่านั้นก็คือ ในระหว่างที่จัดอาวุธหนักเพื่อไม่ให้มีอะไรขัดขวางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โคลนนิ่งผู้น้อง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรก็ได้รับคำสั่งให้เล่นเกมสองหน้าเพื่อสร้างภาพและลดความร้อนแรงของม็อบด้วยการออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายปรองดอง ขอให้ทุกฝ่าย ทุกสี ทุกพรรคการเมืองมาร่วมกันวางอนาคตประเทศไทย และร่วมกันวางโรดแมปปฏิรูปการเมือง

ทว่า แม้จะถูกก่นด่าสักเพียงใด นช.ทักษิณและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ไม่ยี่หระ เพราะพวกเขารู้ดีว่า ด้วยกลเกมและเล่ห์เพทุบายเหล่านี้คือยุทธวิธีที่สามารถทำให้ความฝันของเขาบรรลุชัย

กล่าวสำหรับเหตุที่ต้องระดมทัพตำรวจ ปิดถนน และแท่งแบริเออร์มามากมายขนาดนี้ก็เพราะเพื่อเป็นหลักประกันว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณากฎหมายล้างผิดพวกเผาบ้านเผาเมืองจะต้องดำเนินไปให้ได้ ดังนั้น จะต้องไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุมย่างกรายเข้ามาใกล้รัฐสภาโดยเด็ดขาด และการเผยแพร่ภาพ-ข่าวกองทัพตำรวจที่รายล้อมพื้นที่ต่างๆ ก็ย่อมสร้างความหวั่นวิตกให้กับประชาชนที่จะเข้าร่วมชุมนุมคัดค้านการพิจารณากฎหมายได้มิใช่น้อย

แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ความหวั่นวิตกที่ นช.ทักษิณมีต่อการเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะได้รับข่าวว่าจะมีการเกณฑ์พลพรรคแมลงสาบเข้ามาเคลื่อนไหวจำนวนมหึมหา ดังจะเห็นได้จากการทวีตหรือการโพสต์ที่จิกกัดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและนายสุเทพ เทือกสุบรรณอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสุดท้ายแล้ว นช.ทักษิณก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เพราะพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจที่จะกลับไปเล่นลิ้นในสภาเหมือนเดิม ดังนั้น ขบวนแมลงสาบน้อยใหญ่ที่ยกโขยงกันมา จึงต้องยกขบวนกลับไปเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนำขบวนเจ้าบ่าวมาส่งถึงหน้ารัฐสภาเพื่อให้เข้าห้องหอกับเจ้าสาว

กระนั้นก็ดี นอกเหนือจากยุทธวิธีดังกล่าวแล้ว ในช่วงก่อหน้านี้ก็มีการปล่อยข่าวออกมามามายเพื่อรับมือกับอุบัติเหตุทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้น ถ้าหากเกิดขึ้นความวุ่นวายในระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

ยุทธวิธีแรกก็คือ การตระเตรียมให้ขุนทหารแตงโมทั้งหลายที่วันนี้กลายเป็นทหารของระบอบทักษิณทั้งตัวและหัวใจปฏิบัติการ “ปฏิวัติตัวเอง” โดยมีการปล่อยข่าวออกมาเป็นระยะ

ถามว่า การปฏิวัติตัวเองมีความเป็นไปได้หรือไม่

คำตอบก็คือ เป็นไปได้ เพราะต้องไม่ลืมว่า ขุนทหารจำนวนไม่น้อยได้สยบยอมอยู่ภายใต้ข้อแลกเปลี่ยนเรื่องผลประโยชน์และอำนาจด้วยความยินยอมพร้อมใจ

ที่สำคัญคือ การรัฐประหารทำให้คณะผู้ก่อการสามารถล้มล้างรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายทุกฉบับที่มีอยู่ในประเทศนี้ได้ รวมทั้งสามารถเขียนกฎหมายอะไรก็ได้ที่เอื้อกับนายใหญ่ ดังนั้น การรัฐประหารตัวเองจึงเป็นหนึ่งในโรดแมพที่สามารถแก้ปัญหาของนายใหญ่ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

และก็เช่นเคย ถามว่า พรรคประชาธิปัตย์จะกล้าพอที่จะออกมาต่อต้านกับทหารที่เคยมีบุญคุณกับตนเองหรือไม่ เช่นเดียวกับคนเสื้อแดงที่ประกาศตัวต่อต้านรัฐประหาร ที่ถามว่ากล้าพอที่จะลุกขึ้นมาต่อต้านทหารที่ทำเพื่อนายใหญ่ของตัวเองหรือไม่

ส่วนการที่ทหารซึ่งไม่อยู่ภายใต้อำนาจของระบอบทักษิณจะลุกขึ้นมาทำรัฐประหารเพราะทนไม่ได้กับการย่ำยีบ้านเมืองก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก เพราะคลิปถั่งเช่าได้พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่า ผู้นำเหล่าทัพได้ตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของระบอบทักษิณไปอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว โดยเฉพาะ “ไอ้ตู่” ที่นายใหญ่ไว้ใจมาก

นอกจากนี้ อีกหนึ่งยุทธวิธีที่น่าสนใจก็คือ การยุบสภา ซึ่งนช.ทักษิณเตรียมเอาไว้ในกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมทนไม่ไหวกับการออกกฎหมายล้างผิดให้คนเสื้อแดงที่เผาบ้านเผาเมืองพร้อมใจกันออกมามากพอที่จะทำการปฏิวัติโดยประชาชน เพราะเขามั่นใจว่า ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้งหรืออีกกี่ชาติ พรรคเพื่อไทยก็จะสามารถชนะการเลือกตั้งได้ทุกครั้งไป พรรคเพื่อไทยก็ยังคงกวาดต้อน ส.ส.เข้าสภาด้วยเสียงข้างมากได้เหมือนเดิม ซึ่งนั่นหมายความ ระบอบทักษิณก็จะเถลิงอำนาจการปกครองได้ต่อไป ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็ย่อม ตกเป็นฝ่ายค้านไปชั่วนาตาปี

กระนั้นก็ดี ถึงวันนี้ดูเหมือนว่าปัญหาของ นช.ทักษิณจะคลี่คลายลงอย่างง่ายดาย เพราะการที่สภาผู้แทนราษฎรสามารถยกมือผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในวาระที่ 1 ได้ฉลุย ก็ย่อมเป็นสัญญาณให้เห็นว่า นช.ทักษิณสามารถคุมเกมเอาไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

และเมื่อเป็นเช่นนั้นก็น่าจะไม่ยากอะไร ถ้าหากจะออกกฎหมายล้างผิดให้ตนเองที่อาจจะซุกซ่อนอยู่ในขั้นตอนของการแปรญัตติหรือเลยเถิดไปถึงขั้นออกกฎหายทวงเงิน 4.6 หมื่นล้านที่ถูกศาลยึดไปกลับคืนมา

ดังนั้น คงใกล้ถึงเวลาที่นักโทษชายทักษิณ ชินวัตรจะเดินทางกลับประเทศไทยเข้ามาทุกที เว้นเสียแต่ว่า ประชาชนจะถึงขีดสุดและมีผู้นำที่พวกเขาไว้วางใจออกมานำทัพต่อต้าน


กำลังโหลดความคิดเห็น