หลังจากพรรคประชาธิปัตย์แสดงท่าทีกลับไปกลับมาว่าจะต่อต้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมอย่างไรดี ตั้งแต่สุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศลั่นให้มวลชนออกมา แล้วเปลี่ยนไปเป็นรอวาระ 3 ก่อน แล้วมาประกาศกลับลำอีกครั้งว่า ให้มวลชนออกมาเลยมีการตั้งเวทีปลุกปั่นมวลชนข้ามคืน แล้วพากันเดินนำหน้ามวลชนไปสภาฯ
คืนสุกดิบก่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เวทีปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ที่ใต้ทางด่วนอุรุพงษ์เร่าร้อนมากมีการขนขุนพลฝีปากเอกมาขึ้นเวทีปราศรัยปลุกปั่นมวลชนอย่างดุเดือดเลือดพล่าน เห็นอย่างนั้นผมก็เริ่มมีความหวังว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเอาจริง เดินหน้าออกมานำมวลชนบนท้องถนนสู้ทั้งในและนอกสภาฯ
ย้อนศรพรรคเพื่อไทยที่เคยเดินเกมการเมืองแบบสองขาคือสู้ทั้งในสภาฯ และใช้มวลชนเสื้อแดงนอกสภาฯ
แต่สุดท้ายก็จบลงแค่ว่า เมื่อถึงด่านตำรวจที่ตั้งกำแพงขวางกั้นแล้ว มีการเจรจากันพอเป็นพิธีเมื่อตำรวจไม่อนุญาตให้นำมวลชนเข้าไป ปชป.ก็สั่งให้มวลชนแยกย้ายกันกลับบ้าน
กลายเป็นว่า ปชป.จะกลับไปตั้งหลักสู้วาระที่ 1 วาระที่ 2 แล้วก็จะแพ้วาระที่ 3 อย่างที่รู้ตัวอยู่แล้วในที่สุด
จริงอยู่พรรคประชาธิปัตย์ทำอย่างนี้เพื่อจะยืนยันว่า พรรคเป็นฝ่ายที่เคารพกฎกติกาและกฎหมายของบ้านเมือง เพื่อแสดงให้เห็นว่ามวลชนของพรรคนั้นแตกต่างกับมวลชนเสื้อแดงที่เป็นม็อบคลั่ง แต่ ปชป.ก็ไม่ควรปลุกปั่นให้ความหวังกับประชาชนที่ออกมาร่วมชุมนุมกับเวทีของพรรค เพราะผลลัพธ์การแสดงออกของพรรคนั้นไม่ได้สะท้อนอะไรเลย เพราะมองไม่ออกเลยว่าจะชวนประชาชนมาปักหลักพักค้างแล้วปลุกเร้าอย่างร้อนแรงเพื่อเดินไปส่ง ส.ส.เพื่ออะไร
แต่เอาเถอะถือเป็นความผิดของผมเองที่ไปคาดหวังเอากับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะความเป็นพรรคการเมืองที่ประกาศเสมอมาว่ายึดมั่นในระบบรัฐสภาของประชาธิปัตย์ การทำให้นายชวน หลีกภัย ลงมาเดินถนนเพื่อนำหน้าประชาชน กลายเป็นม็อบใต้ทางด่วนได้ก็นับว่ามากเกินไปแล้ว
ตอนนี้เกมของประชาธิปัตย์ก็เลยกลับมาอยู่ในสภาฯ ที่แพ้กันตั้งแต่ต้นด้วยเหตุผลทางคณิตศาสตร์
แม้ว่าสู้กันในสภาอย่างไรก็แพ้ แต่สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องต่อสู้เพื่อตรึงไว้ให้ได้กลับทำให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ ส.ส.เสื้อแดงเสนอเข้ามาในสภาฯ นี้ เป็นไปตามหลักการและเจตนารมณ์ที่ประกาศเอาไว้ว่าจะนิรโทษกรรมเฉพาะประชาชน ถ้าพรรคเพื่อไทยเบี่ยงเบนเจตนารมณ์ไปเป็นการเสนอร่างเพื่อนิรโทษกรรมให้ทักษิณเมื่อไหร่ ความชอบธรรมของร่างนี้ก็จะหมดลง และถึงเวลานั้นประชาธิปัตย์ก็จะปลุกปั่นประชาชนขึ้นมาต่อต้านได้อีกรอบ
เพียงแต่ว่ารอบต่อไป ประชาธิปัตย์จะทำแค่ให้ประชาชนเดินไปส่งคงไม่พอเสียแล้ว
ผมเองนั้นไม่เชื่อหรอกครับว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของวรชัย เหมะ จะเป็นการนิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนอย่างที่อ้างเอาไว้ เพราะการปลุกปั่นคนเสื้อแดงออกมาต่อสู้ตั้งแต่ต้นนั้นก็ไม่ได้สู้เพื่อประชาธิปไตย แต่สู้เพื่อให้ฝ่ายทักษิณได้อำนาจรัฐ ล้างผิดทักษิณและเอาทักษิณกลับบ้านให้ได้
มวลชนเสื้อแดงนั้นเป็นมวลชนที่แกนนำเสื้อแดงหลอกให้ออกมาสู้เพื่อตายแทนทักษิณเท่านั้นเอง
คอยดูเถอะครับว่า สุดท้ายแล้วเสียงข้างมากก็จะแปรญัตติลากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่อ้างหลักการสวยหรูว่าเพื่อประชาชนฉบับนี้ไปเป็นเพื่อพาทักษิณกลับบ้านในที่สุด
แต่ถ้าร่างนี้ถูกขัดขวางทักษิณไม่ได้นิรโทษด้วย ประชาชนเสื้อแดงที่ติดคุกอยู่ก็ติดคุกต่อไป
เพราะการต่อสู้ของแกนนำเสื้อแดงที่อ้างว่าสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้น เป็นเพียงคำพูดที่อุปโลกน์ขึ้นมาลวงโลกเท่านั้น การอ้างว่าทำเพื่อประชาชนก็เป็นการลวงโลกเช่นเดียวกัน เพราะจริงๆ แล้วเพียงแต่ใช้ศพของประชาชนเพื่อเป็นเครื่องมือช่วงชิงอำนาจและล้างผิดตัวเอง
เราเห็นกันอยู่ว่าประชาธิปไตยในความหมายที่มันเป็นไปตอนนี้ก็คือ การใช้เสียงข้างมากกระทำในสิ่งที่ชอบธรรมหรือไม่ชอบธรรมก็ได้ เพราะเราเห็นแล้วว่า การต่อต้านการคัดค้านและการแสดงออกของประชาชนก็คือ การประกาศเขต พ.ร.บ.ความมั่นคง และระดมตำรวจมาหลายหมื่นนาย ขนแท่นปูน รั้วลวดหนามมาปิดล้อม เพื่อให้เสียงข้างมากใช้อำนาจในสภาฯ และปิดกั้นการแสดงออกของประชาชน
แยกไม่ออกเลยว่านี่มันรัฐบาลเกาหลีเหนือ หรือรัฐบาลที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย
รัฐบาลทำแบบนี้มาแล้ว 2 ครั้งคือ การชุมนุมของม็อบเสธ.อ้าย และการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสภาฯ ในครั้งนี้ ถามว่า ต่อไปนี้จะเป็นรูปแบบที่รัฐบาลประชาธิปไตยนำมาใช้กับประชาชนที่มีความเห็นต่างใช่หรือไม่
ยังไม่รวมกับการใช้อำนาจรัฐกดดันประชาชนในพื้นที่ ใช้ตำรวจสกัดกั้นการเดินทาง ซึ่งควรเป็นวิธีการของรัฐเผด็จการไม่ใช่ประชาธิปไตย
ตำรวจประกาศใช้มาตรการกับประชาชนที่แชร์ ไลค์ หรือโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กโซเชียลมีเดีย พยายามปิดกั้นการเสนอข่าวของสื่อมวลชน ราวกับว่า นี่เป็นยุคเผด็จการที่ต้องการปิดหูปิดตาปิดปากประชาชน
นี่คือประชาธิปไตยที่คนเสื้อแดงต่อสู้เรียกร้องมาด้วยชีวิตเช่นนั้นหรือ
การจัดหนักของรัฐบาลโดยแสดงธาตุแท้ของความเป็นเผด็จการที่สวมเครื่องแบบประชาธิปไตยของรัฐบาลนั้น ไม่ได้ทำเพียงเพื่อผ่านร่างนิรโทษกรรมให้เฉพาะประชาชนตามที่เป็นหลักการในร่างของวรชัยแน่ แต่ต้องการนิรโทษให้ทักษิณโดยการอ้าง “ปรองดอง” ล้างผิดทุกฝ่ายในที่สุดนั่นแหละ
ลองดูสิครับ ว่ารัฐบาลและ ส.ส.พรรคเพื่อไทยมีใครออกมายืนยันอย่างตรงไปตรงมาบ้างว่า ร่างนี้ไม่มีนิรโทษทักษิณ ไม่นิรโทษแกนนำคนสั่งการ พวกใช้ความรุนแรงยิงเผา หรือฝ่ายรัฐที่ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามที่สหประชาชาติเรียกร้อง ไม่มีหรอกครับ เพราะเป้าหมายมันทำเพื่อทักษิณคนเดียว
ปัญญาชนเสื้อแดงบางคนบอกว่า รัฐบาลกำลังมีความชอบธรรมในฐานะรัฐบาลที่มาจากเสียงข้างมากของประชาชน กำลังได้เปรียบในฐานะฝ่ายประชาธิปไตย รัฐบาลคงไม่เสี่ยงที่จะเอาการนิรโทษกรรมทักษิณมาเสี่ยงกับเสถียรภาพของรัฐบาล ผมคิดว่า พวกนั้นเป็นพวกแกล้งโง่หรือไม่ก็หลอกตัวเองว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่ทำเพื่อประชาชนไม่ใช่เพื่อทักษิณ
เหมือนแกล้งไม่รู้ว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ใช่รัฐบาลประชาธิปไตยที่มีอำนาจเป็นตัวของตัวเอง แต่ถูกสั่งซ้ายหันขวาหันและบงการโดยทักษิณ ซึ่งมันสะท้อนอยู่แล้วว่า ไม่ใช่รูปแบบที่ถูกต้องในวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย
เหมือนแกล้งโง่ไม่รู้ว่าประชาธิปไตยของเรานั้นเป็นเพียงรูปแบบที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้นเอง ทั้งๆ ที่ประชาธิปไตยมันต้องสะท้อนออกมาถึงรูปแบบการบริหารงานของรัฐบาลที่ต้องใช้อำนาจอย่างชอบธรรมและเคารพเสียงของประชาชนทุกฝ่ายด้วย
การอ้างว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของวรชัยเป็นการช่วยประชาชนนั้นเป็นเพียงข้ออ้างลวงโลก เพราะจริงๆ แล้วเป็นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้นายของสภาฯ ขี้ข้าทักษิณเท่านั้นเอง
คืนสุกดิบก่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เวทีปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ที่ใต้ทางด่วนอุรุพงษ์เร่าร้อนมากมีการขนขุนพลฝีปากเอกมาขึ้นเวทีปราศรัยปลุกปั่นมวลชนอย่างดุเดือดเลือดพล่าน เห็นอย่างนั้นผมก็เริ่มมีความหวังว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเอาจริง เดินหน้าออกมานำมวลชนบนท้องถนนสู้ทั้งในและนอกสภาฯ
ย้อนศรพรรคเพื่อไทยที่เคยเดินเกมการเมืองแบบสองขาคือสู้ทั้งในสภาฯ และใช้มวลชนเสื้อแดงนอกสภาฯ
แต่สุดท้ายก็จบลงแค่ว่า เมื่อถึงด่านตำรวจที่ตั้งกำแพงขวางกั้นแล้ว มีการเจรจากันพอเป็นพิธีเมื่อตำรวจไม่อนุญาตให้นำมวลชนเข้าไป ปชป.ก็สั่งให้มวลชนแยกย้ายกันกลับบ้าน
กลายเป็นว่า ปชป.จะกลับไปตั้งหลักสู้วาระที่ 1 วาระที่ 2 แล้วก็จะแพ้วาระที่ 3 อย่างที่รู้ตัวอยู่แล้วในที่สุด
จริงอยู่พรรคประชาธิปัตย์ทำอย่างนี้เพื่อจะยืนยันว่า พรรคเป็นฝ่ายที่เคารพกฎกติกาและกฎหมายของบ้านเมือง เพื่อแสดงให้เห็นว่ามวลชนของพรรคนั้นแตกต่างกับมวลชนเสื้อแดงที่เป็นม็อบคลั่ง แต่ ปชป.ก็ไม่ควรปลุกปั่นให้ความหวังกับประชาชนที่ออกมาร่วมชุมนุมกับเวทีของพรรค เพราะผลลัพธ์การแสดงออกของพรรคนั้นไม่ได้สะท้อนอะไรเลย เพราะมองไม่ออกเลยว่าจะชวนประชาชนมาปักหลักพักค้างแล้วปลุกเร้าอย่างร้อนแรงเพื่อเดินไปส่ง ส.ส.เพื่ออะไร
แต่เอาเถอะถือเป็นความผิดของผมเองที่ไปคาดหวังเอากับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะความเป็นพรรคการเมืองที่ประกาศเสมอมาว่ายึดมั่นในระบบรัฐสภาของประชาธิปัตย์ การทำให้นายชวน หลีกภัย ลงมาเดินถนนเพื่อนำหน้าประชาชน กลายเป็นม็อบใต้ทางด่วนได้ก็นับว่ามากเกินไปแล้ว
ตอนนี้เกมของประชาธิปัตย์ก็เลยกลับมาอยู่ในสภาฯ ที่แพ้กันตั้งแต่ต้นด้วยเหตุผลทางคณิตศาสตร์
แม้ว่าสู้กันในสภาอย่างไรก็แพ้ แต่สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องต่อสู้เพื่อตรึงไว้ให้ได้กลับทำให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ ส.ส.เสื้อแดงเสนอเข้ามาในสภาฯ นี้ เป็นไปตามหลักการและเจตนารมณ์ที่ประกาศเอาไว้ว่าจะนิรโทษกรรมเฉพาะประชาชน ถ้าพรรคเพื่อไทยเบี่ยงเบนเจตนารมณ์ไปเป็นการเสนอร่างเพื่อนิรโทษกรรมให้ทักษิณเมื่อไหร่ ความชอบธรรมของร่างนี้ก็จะหมดลง และถึงเวลานั้นประชาธิปัตย์ก็จะปลุกปั่นประชาชนขึ้นมาต่อต้านได้อีกรอบ
เพียงแต่ว่ารอบต่อไป ประชาธิปัตย์จะทำแค่ให้ประชาชนเดินไปส่งคงไม่พอเสียแล้ว
ผมเองนั้นไม่เชื่อหรอกครับว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของวรชัย เหมะ จะเป็นการนิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนอย่างที่อ้างเอาไว้ เพราะการปลุกปั่นคนเสื้อแดงออกมาต่อสู้ตั้งแต่ต้นนั้นก็ไม่ได้สู้เพื่อประชาธิปไตย แต่สู้เพื่อให้ฝ่ายทักษิณได้อำนาจรัฐ ล้างผิดทักษิณและเอาทักษิณกลับบ้านให้ได้
มวลชนเสื้อแดงนั้นเป็นมวลชนที่แกนนำเสื้อแดงหลอกให้ออกมาสู้เพื่อตายแทนทักษิณเท่านั้นเอง
คอยดูเถอะครับว่า สุดท้ายแล้วเสียงข้างมากก็จะแปรญัตติลากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่อ้างหลักการสวยหรูว่าเพื่อประชาชนฉบับนี้ไปเป็นเพื่อพาทักษิณกลับบ้านในที่สุด
แต่ถ้าร่างนี้ถูกขัดขวางทักษิณไม่ได้นิรโทษด้วย ประชาชนเสื้อแดงที่ติดคุกอยู่ก็ติดคุกต่อไป
เพราะการต่อสู้ของแกนนำเสื้อแดงที่อ้างว่าสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้น เป็นเพียงคำพูดที่อุปโลกน์ขึ้นมาลวงโลกเท่านั้น การอ้างว่าทำเพื่อประชาชนก็เป็นการลวงโลกเช่นเดียวกัน เพราะจริงๆ แล้วเพียงแต่ใช้ศพของประชาชนเพื่อเป็นเครื่องมือช่วงชิงอำนาจและล้างผิดตัวเอง
เราเห็นกันอยู่ว่าประชาธิปไตยในความหมายที่มันเป็นไปตอนนี้ก็คือ การใช้เสียงข้างมากกระทำในสิ่งที่ชอบธรรมหรือไม่ชอบธรรมก็ได้ เพราะเราเห็นแล้วว่า การต่อต้านการคัดค้านและการแสดงออกของประชาชนก็คือ การประกาศเขต พ.ร.บ.ความมั่นคง และระดมตำรวจมาหลายหมื่นนาย ขนแท่นปูน รั้วลวดหนามมาปิดล้อม เพื่อให้เสียงข้างมากใช้อำนาจในสภาฯ และปิดกั้นการแสดงออกของประชาชน
แยกไม่ออกเลยว่านี่มันรัฐบาลเกาหลีเหนือ หรือรัฐบาลที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย
รัฐบาลทำแบบนี้มาแล้ว 2 ครั้งคือ การชุมนุมของม็อบเสธ.อ้าย และการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสภาฯ ในครั้งนี้ ถามว่า ต่อไปนี้จะเป็นรูปแบบที่รัฐบาลประชาธิปไตยนำมาใช้กับประชาชนที่มีความเห็นต่างใช่หรือไม่
ยังไม่รวมกับการใช้อำนาจรัฐกดดันประชาชนในพื้นที่ ใช้ตำรวจสกัดกั้นการเดินทาง ซึ่งควรเป็นวิธีการของรัฐเผด็จการไม่ใช่ประชาธิปไตย
ตำรวจประกาศใช้มาตรการกับประชาชนที่แชร์ ไลค์ หรือโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กโซเชียลมีเดีย พยายามปิดกั้นการเสนอข่าวของสื่อมวลชน ราวกับว่า นี่เป็นยุคเผด็จการที่ต้องการปิดหูปิดตาปิดปากประชาชน
นี่คือประชาธิปไตยที่คนเสื้อแดงต่อสู้เรียกร้องมาด้วยชีวิตเช่นนั้นหรือ
การจัดหนักของรัฐบาลโดยแสดงธาตุแท้ของความเป็นเผด็จการที่สวมเครื่องแบบประชาธิปไตยของรัฐบาลนั้น ไม่ได้ทำเพียงเพื่อผ่านร่างนิรโทษกรรมให้เฉพาะประชาชนตามที่เป็นหลักการในร่างของวรชัยแน่ แต่ต้องการนิรโทษให้ทักษิณโดยการอ้าง “ปรองดอง” ล้างผิดทุกฝ่ายในที่สุดนั่นแหละ
ลองดูสิครับ ว่ารัฐบาลและ ส.ส.พรรคเพื่อไทยมีใครออกมายืนยันอย่างตรงไปตรงมาบ้างว่า ร่างนี้ไม่มีนิรโทษทักษิณ ไม่นิรโทษแกนนำคนสั่งการ พวกใช้ความรุนแรงยิงเผา หรือฝ่ายรัฐที่ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามที่สหประชาชาติเรียกร้อง ไม่มีหรอกครับ เพราะเป้าหมายมันทำเพื่อทักษิณคนเดียว
ปัญญาชนเสื้อแดงบางคนบอกว่า รัฐบาลกำลังมีความชอบธรรมในฐานะรัฐบาลที่มาจากเสียงข้างมากของประชาชน กำลังได้เปรียบในฐานะฝ่ายประชาธิปไตย รัฐบาลคงไม่เสี่ยงที่จะเอาการนิรโทษกรรมทักษิณมาเสี่ยงกับเสถียรภาพของรัฐบาล ผมคิดว่า พวกนั้นเป็นพวกแกล้งโง่หรือไม่ก็หลอกตัวเองว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่ทำเพื่อประชาชนไม่ใช่เพื่อทักษิณ
เหมือนแกล้งไม่รู้ว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ใช่รัฐบาลประชาธิปไตยที่มีอำนาจเป็นตัวของตัวเอง แต่ถูกสั่งซ้ายหันขวาหันและบงการโดยทักษิณ ซึ่งมันสะท้อนอยู่แล้วว่า ไม่ใช่รูปแบบที่ถูกต้องในวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย
เหมือนแกล้งโง่ไม่รู้ว่าประชาธิปไตยของเรานั้นเป็นเพียงรูปแบบที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้นเอง ทั้งๆ ที่ประชาธิปไตยมันต้องสะท้อนออกมาถึงรูปแบบการบริหารงานของรัฐบาลที่ต้องใช้อำนาจอย่างชอบธรรมและเคารพเสียงของประชาชนทุกฝ่ายด้วย
การอ้างว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของวรชัยเป็นการช่วยประชาชนนั้นเป็นเพียงข้ออ้างลวงโลก เพราะจริงๆ แล้วเป็นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้นายของสภาฯ ขี้ข้าทักษิณเท่านั้นเอง