ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-คลิปวิดีโอ 2 ชุดสำหรับนักโทษหนีคุกที่กลายเป็นสัมภเวสีโหยหาแผ่นดินเกิดไว้ฝั่งร่าง “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ปรากฏมีออกมาให้สังคมได้รับรู้ในวาระครบรอบวันเกิด 64 ปี เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา สามารถทำให้คนไทยจำนวนมากเกิดอารมณ์พลุ่งพล่าน สะเทือนใจ ดีใจ สะใจ และน่าจะรวมถึงสาแก่ใจ หรือรู้สึกในแบบอื่นๆ ได้อีกมากมายหลากหลาย โดยเฉพาะห้วงอารมณ์ความรู้สึกในแบบที่ขัดแย้งหรือแตกต่างกันราวห้วงอวกาศกับก้นทะเลลึก ซึ่งมีต่อ “ของขวัญวันเกิด” ของ นช.ทักษิณ 2 ชิ้นนี้?!
คลิปชุดแรกมีชื่อว่า “เปิดใจทักษิณ 64 ปี” เป็นฝีมืออำนวยการสร้างของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน “โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร” ที่ทำขึ้นเพื่อมอบให้กับคนไทยโดยเฉพาะ โดยได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก แฟนเพจ Oak Panthongtae Shinawatra ไว้เมื่อเวลา 10.37 น. ของเช้าวันที่ 26 ก.ค. พร้อมคำอวยพรให้ผู้เป็นบิดาสุดเริดหรูอลังการในเชิงออดอ้อนต่อสาวกระบอบทักษิณไปในตัวด้วย ซึ่งอาจจะถูกใจบรรดาคนเสื้อแดง แต่คนจำนวนมากไม่ค่อยให้ความใส่ใจเท่าไหร่
คลิปอีกชุดโพสต์โดยผู้ใช้นามว่า mansoor ahmed Volvo ลงในเว็บไซต์ยูทิวบ์เมื่อวันที่ 26 ก.ค.เช่นกัน โดยใช้หัวข้อว่า “Al-Qaeda video against former Thailand Prime Minister Thaksin Shinawatra.” ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า “คลิปวิดีโอจากอัลกออิดะห์ เพื่อต่อต้านอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร” ความยาวประมาณ 2.45 นาที ช่วงแรกเป็นภาพชาย 3 คนในชุดเสื้อคลุมคล้ายชาวอาหรับ พร้อมผ้าคลุมหน้า คนหนึ่งถืออาวุธปืน ขณะที่อีกคนหนึ่งถือกระดาษพิมพ์ภาพใบหน้าของ นช.ทักษิณ ขณะที่ชายคนกลางอ่านแถลงการณ์เป็นภาษาอาหรับ ช่วงหลังปรากฏชายสวมชุดคลุมสีขาวเปิดหน้า หนวดเคราเฟิ้มชูภาพเดิมของ นช.ทักษิณ มีเสียงภาษาอังกฤษอ่านประกอบ แปลความเป็นภาษาไทยว่า
“ทักษิณ ชินวัตร เวลาของคุณหมดลงแล้ว สิ่งที่คุณได้ทำไว้กับพี่น้องชาวมุสลิมของเราในภาคใต้ของประเทศไทย ตอนนี้ถึงเวลาต้องชำระความแล้ว คุณได้สังหารพี่น้องชาวมุสลิมของเราในภาคใต้ของไทย และคุณได้สั่งให้มีการโจมตีมัสยิดกรือเซะในเมืองไทยในการลุกฮือขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2004 และเข่นฆ่าชาวมุสลิมผู้บริสุทธิ์ และตอนนี้คุณก็ยังดำเนินนโยบายอันชั่วร้ายในภาคใต้ของไทย ผ่านรัฐบาลหุ่นเชิดที่ดำเนินการโดยน้องสาวของคุณ…
“คุณจะเห็นทีมล่าสังหาร (Dead Squad) ด้านหลังของผม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราขอแจ้งเตือนคุณไว้ก่อนว่าเราจะพยายามสังหารคุณทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าที่ไหนในโลก คุณจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป เราจะฆ่าคุณเพื่อล้างแค้นให้กับพี่น้องชาวมุสลิมของเรา และเราขอเรียกร้องให้ชาวมุสลิมทั้งหมดทุกชาติในโลกให้จดจำคุณและสังหารคุณในทุกที่”
คลิปวิดีโอของขวัญวันเกิด นช.ทักษิณชุดหลังนี้ ไม่เพียงคนไทยเท่านั้นที่ให้ความสนใจ เพราะได้เป็นข่าวดังไปทั่วโลกด้วย เวลานี้ผ่านไปเกือบสัปดาห์แล้ว แต่กระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์ยังโอละพ่อ! กันไม่เลิก
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคลิปดังกล่าวสุดท้ายแล้วจะจัดทำโดยอัลกออิดะห์จริงหรือไม่ หรือเป็นการจัดทำโดยฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณ ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งสำคัญ เนื่องเพราะไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนสิ่งเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำก็คือ นช.ทักษิณคือผู้ทำให้สถานการณ์ภาคใต้ทวีความรุนแรงดังเช่นที่เห็นและเป็นอยู่ในปัจจุบัน
และไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำก็คือ เหตุการณ์อัน หฤโหดที่เกิดขึ้นทั้งที่มัสยิดกรือเซะและตากใบล้วนแล้วแต่ เกิดขึ้นในยุคที่ นช.ทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรีทั้งสิ้น ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ ความเจ็บปวดของทั้งสองเหตุการณ์ยังคงเป็นบาดแผลที่ฝังอยู่ในใจของพี่น้องมุสลิมอย่างไม่เสื่อมคลาย
เหตุผลที่ “มุสลิม” ต้องอาฆาตแค้น!
เมื่อพิจารณาคลิปวิดีโอของขวัญวันเกิดจากอัลกออิดะห์ พร้อมๆ กับประมวลภาพสถานการณ์ไฟใต้บนแผ่นดินปลายด้ามขวานของไทยประกอบเข้าด้วยกัน เราจะพบข้อเท็จจริงที่ว่า เป็นเรื่องสมเหตุสมผลอย่างยิ่งที่จะมีกลุ่มคนนับถือศาสนาอิสลามจำนวนไม่น้อย ทั้งที่เป็นมุสลิมไทยและมุสลิมในประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารความขัดแย้งและผลกระทบต่อพี่น้องมุสลิมไทย พวกเขาจะเกิดความอาฆาตแค้น นช.ทักษิณ
แม้สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีขึ้นและดำเนินมาต่อเนื่องนับร้อยปี แต่สังคมไทยก็สามารถจัดการตัวเองและเกลี่ยความขัดแย้งให้ดำรงอยู่ได้ในระดับหนึ่ง หรือในระดับที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อองคาพยพโดยรวมของสังคม แม้จะมีสถานการณ์ลุกโชนของไฟใต้ในช่วงเวลาต่างๆ แต่ที่ผ่านๆ มาความรุนแรงก็ไม่เคยถึงขั้นระอุเดือดเลือดพล่านเท่ากับ “ไฟใต้ยุคใหม่” ในห้วงเวลาเกือบ 10 ปีมานี้
มีข้อเท็จจริงที่แม้จะเคยมีความพยายามบิดเบื้องกันมาตลอด แต่แทบไม่เป็นผลต่อสิ่งที่สังคมรับรู้และสัมผัสได้คือ วิกฤตไฟใต้ระลอกใหม่ที่เริ่มต้นตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปล้นปืนในค่ายทหารที่ จ.นราธิวาสเมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 แล้วก็โชนเปลวลุกลามไปทั่วชายแดนใต้จนเดี๋ยวนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการ “จุดไม้ขีดก้านแรก” ให้กับไฟใต้ยุคใหม่ จากฝีมือของ นช.ทักษิณ และตามด้วยการให้ปล่อยระบอบทักษิณแก้ปัญหาด้วยการระดม “ราดเบนซินใส่ไฟใต้” มาต่อเนื่อง
ภายหลังที่ นช.ทักษิณก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2544 และสามารถรวบอำนาจไว้ในมือได้อย่างเบ็ดเสร็จ ความอหังการและมมังการจึงปรากฏเป็นภาพสะท้อนให้เห็นในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ ซีอีโอ การก่อตั้งรัฐตำรวจ มาตรการปราบยาเสพติดที่มากมายไปด้วยการวิสามัญและอุ้มฆ่า ในส่วนของพื้นที่ชายแดนใต้ก็ได้ประกาศใช้นโยบาย “กำปั้นเหล็ก” เพื่อกุดหัวบรรดาผู้ร่วมบวนการแบ่งแยกดินแดน และ “ทุบทิ้งหน่วยงานพิเศษ” ที่ถูกใช้แก้ปัญหาความมั่นคงและระดมสรรพกำลังพัฒนาในพื้นที่มาอย่างยาวนานคือ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กับ กองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหารที่ 43 (พตท.43)
ความที่ต้องการตั้งรัฐตำรวจ นช.ทักษิณจึงเลือกที่จะฟังแต่เสียงของกองกำลังสีกากีมากกว่าสีอื่นๆ ในการประชุม ครม.สัญจรที่ศูนย์พิกุลทอง จ.นราธิวาสกลางปี 2545 สำนักงานตำรวจภาค 9 ได้ชงข้อมูลให้ตัดสินใจว่า หลังไล่ล่ากวาดล้างเครือข่ายขบวนการ สามารถทำให้พื้นที่ชายแดนใต้เข้าสู่ภาวะปกติได้แล้ว จึงควรให้ทหารถอยทัพกลับเข้ากรมกอง แล้วมอบพื้นที่ให้ตำรวจดูแล อีกทั้งหน่วยงานรัฐพิเศษที่ตั้งขึ้นมาเพื่อกำกับดูแลพื้นที่ก็สมควรให้ยกเลิก นั่นจึงกลายเป็นที่มาของการให้ยุบ ศอ.บต.และ พตท.43 ช่วงกลางปี 2546
เมื่อ นช.ทักษิณกุมอำนาจรัฐและไฟเขียวให้รัฐตำรวจแผ่อิทธิพลเหนือแผ่นดินชายแดนใต้ ขณะเดียวกันทหารและมหาดไทยกลับถูกกุดหัว จึงไม่แปลกที่ปรากฏการณ์กวาดล้างยาเสพติดจะลามต่อเนื่องเข้าสู่พื้นที่ หลายครั้งถูกใช้เป็นข้ออ้างอุ้มฆ่าหรืออุ้มหายบรรดาสายข่าวทหาร นักการเมือง หรือผู้มีอิทธิพล ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพี่น้องมุสลิมเกือบทั้งหมด ประมาณว่าช่วงนั้นมีผู้คนเสียชีวิตบนแผ่นดินไฟใต้ไม่ต่ำ 2,500 ศพ และบาดเจ็บอีกเกินกว่าครึ่งหมื่น จึงเป็นเหมือนเชื้อไฟอันดีให้กับการจุดติดของขบวนการแบ่งแยกดินแดนครั้งใหม่
ภายหลังที่ไฟใต้ยุคใหม่ถูกจุดติดแล้ว สถานการณ์บานปลายไม่ต่างอะไรกับไฟลามทุ่งไปทั่วแผ่นดินด้ามขวาน ขณะที่ทักษิณยังครองอำนาจอยู่ยังถึงกลับตกตะลึงกับปฏิบัติการในต่อต้านอำนาจรัฐของขบวนการแบ่งแยกดินแดนสายพันธุ์ใหม่ มาตรการดับไฟใต้จึงเป็นไปอย่างสะเปะสะปะ แม้จะต้องกลืนน้ำลายตัวเองด้วยการลดบทบาทตำรวจ แล้วยอมให้ทหารกลับมาออกหน้าแก้ปัญหา แถมตั้งหน่วยงานพิเศษด้วยชื่อย่อต่างๆ นานาขึ้นมาใหม่มากมาย และต่อเนื่องมายังรัฐบาลหุ่นเชิดของตนเองจนเดี๋ยวนี้
นับแต่ก้าวขึ้นกินบ้านกินเมืองด้วยตัวเอง และยังสามารถยึดโยงอำนาจต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลหุ่นเชิดเดี๋ยวนี้ สำหรับกับวิกฤตไฟใต้นั้น ตัวตนของ นช.ทักษิณเอง รวมถึงระบอบทักษิณที่ตัวเองให้กำเนิดขึ้นมา ได้สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินแก่ประเทศชาติและพี่น้องประชาชนในชายแดนใต้มากมายมหาศาล โดยเฉพาะกับเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ ที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 106 ศพ เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2547 และเหตุการณ์ตากใบ ที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 85 ศพ เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ปีเดียวกัน ทั้ง 2 เหตุการณ์นี้ถือเป็นตราบาปที่พี่น้องมุสลิมไม่มีวันลืม
หากประเมินตัวเลขที่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ไฟใต้ยุคใหม่ ซึ่งถูกทำให้เกิดขึ้นจากน้ำมือ นช.ทักษิณและเครือข่ายระบอบทักษิณ มีการประมวลกันไว้ว่ามีถึงกว่า 5 พันศพ ขณะที่ตัวเลขผู้บาดเจ็บก็ทะลุหลักหมื่นราย ในจำนวนนี้ไม่ว่าจะฝ่ายรัฐ หรือแนวร่วมขบวนการ รวมถึงประชาชนในพื้นที่ กลับเป็นมุสลิมที่มีสัดส่วนมากที่สุด
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคงจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นเอาไว้ในบางช่วงบางตอนว่า ในกลุ่มขบวนการหัวรุนแรงที่เป็นมุสลิมในต่างประเทศมีความไม่พอใจ พ.ต.ท.ทักษิณ จริง ไม่ใช่เฉพาะกรณีปัญหาชายแดนใต้ แต่ยังมีกรณีการตัดสินใจส่งทหารไทยไปอิรักด้วย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ หน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยก็พอจะทราบอยู่แล้ว เพราะมีการข่มขู่มาเป็นระยะ
"ไม่ว่าคลิปจะแท้หรือไม่แท้ ผลกระทบก็ส่งไปถึงคุณทักษิณแล้ว และรัฐบาลชุดปัจจุบันก็มีคุณทักษิณอยู่เบื้องหลังจริงๆ ฉะนั้นรัฐบาลคงต้องค้นหาคำตอบอย่างจริงจังว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะถ้าบอกว่าเป็นเรื่องการเมืองภายในประเทศ ยังไม่พบว่าเคยทำอะไรแบบนี้" รศ.ดร.ปณิธานให้ความเห็น
“มุสลิมทั่วโลกคือ พี่น้องกัน” นี่จึงเป็นเหตุผลที่ไม่ว่าจะมุสลิมไทยและหลายกลุ่มในต่างประเทศ เขาพร้อมที่จะลุกขึ้นมาแสดงตัวตนให้ปรากฏต่อ นช.ทักษิณ
“ไฟใต้” เชื่อม “ก่อการร้ายสากล”!
มีความพยายามชักแถวออกมาให้ข่าว ทั้งจากรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ นักการเมือง ข้าราชการ คนเสื้อแดงและพวกที่ประกาศตนเป็นข้าทาสบริวารของ นช.ทักษิณว่า คลิปของขวัญจากอัลกออิดะห์มอบให้ในวันเกิดนายใหญ่เป็นของปลอม หรือไม่เกี่ยวข้องเครือข่ายกลุ่มก่อการร้ายอะไรเลยในโลกใบนี้ แต่เป็นฝีมือของพรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามของพรรคเพื่อไทย กลุ่มคนกระสันอยากมีอำนาจ พวกสูญเสียผลประโยชน์ หรือไม่ก็บรรดาคนหน้าเดิมที่เกลียด นช.ทักษิณ
โดยล่าสุด นช.ทักษิณเองก็ออกมาโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กแฟนเพจ Thaksin Shinawatra เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ว่า ดูแล้วรู้สึกขำว่ายังมีคนคิดพิเรนทร์อยู่อีก พร้อมชี้ว่าอัลกออิดะห์แท้จะไม่เปิดหน้าเพราะกลัวถูกตามฆ่า ไม่ใส่นาฬิกาสีทอง สำเนียงพูดจะต้องเป็นเสียงมุสลิมปากีสถาน และอัลกออิดะห์ไม่ให้ความสนใจเข้ามายุ่งเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนใต้
“ก็เลยอยากจะบอกพี่น้องคนไทยว่า ก่อนจะเชื่ออะไรต้องมีวิธีคิด รู้จักคิดและวิเคราะห์ ไม่เช่นนั้นจะตกเป็นเหยื่อของข่าวหลอกและข่าวลือครับ วันนี้เราโดนต้มกันเยอะ”
แน่นอนว่าบุคคลในคลิปอาจจะไม่ใช่ระดับแกนนำของกลุ่มอัลกออิดะห์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาไม่ได้เป็นเครือข่าย หรือมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงไปถึง เพราะต้องไม่ลืมว่ากลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ในภูมิภาคนี้ หรือในหลายๆ ประเทศรอบบ้านเรา ล้วนมีจุดที่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกันได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเจมาห์ อิสลามิยาห์ หรือกลุ่มเจไอ ในอินโดนีเซีย กลุ่มอาบูไซยาฟ หรือนักรบโมโร ในฟิลิปปินส์ กลุ่มมูจาฮิดีน หรือเคเอ็มเอ็ม ในมาเลเซีย
ยกตัวอย่างเช่น “ฮัมบาลี” ผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นแกนนำของกลุ่มเจไอในอินโดนีเซียเมื่อปี 2546 ซึ่งถูกทางการไทยจับและนำตัวส่งให้กับทางการสหรัฐฯ ในครั้งนั้นก็มีข่าวยืนยันว่า นายฮัมบาลีมีสายสัมพันธ์ที่สายใยถึงกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ชายแดนใต้ของไทยด้วย
นอกจากนี้แล้ว ที่ผ่านมาฝ่ายความมั่นคงก็ออกมายอมรับแล้วไม่ใช่หรือว่า มีระดับนำของกลุ่มที่เคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดนในชายแดนใต้ของไทย มีสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงได้ถึงหลายขบวนการก่อการร้ายในระดับสากล โดยเฉพาะเส้นสายที่ได้เชื่อมต่อกันจากการได้ไปร่ำ เรียนในหลายๆ ประเทศของโลกมุสลิม
ที่สำคัญคือขณะที่ นช.ทักษิณและระบอบทักษิณจุดไฟใต้ยุคใหม่ขึ้นมา เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่กลุ่มและขบวนการก่อการร้ายต่างๆ ในหลายประเทศเติมโตเบ่งบานขึ้นเป็นดอกเห็ด จึงเป็นเหมือนกับช่วยให้กลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ในชายแดนใต้ได้มีโอกาสะเชื่อมร้อยกับขบวนการก่อการร้ายสากลต่างๆ หลายครั้งปัญหาไฟใต้ที่รัฐบาลไทยเราพร่ำพ่นว่าเป็นเรื่อง ภายในประเทศ มักจะถูกดึงโยงให้นานาชาติเข้ามาเมียงมองอย่างใส่ใจได้เสมอๆ
ไม่เพียงเท่านั้น นับจากไฟใต้ระลอกใหม่โชนเปลว คนไทยก็สัมผัสได้ถึงปฏิบัติการก่อเหตุในชายแดนใต้ ซึ่งมีพัฒนาการทั้งในด้านกลยุทธ์และด้านกลวิธีที่แทบไม่แตกต่างจากก่อการร้ายสากล ไม่ว่าจะเป็นวิธีการทำระเบิดแสวงเครื่อง รูปแบบการฝึกและการออกปฏิบัติการก็มีแบบแผน เรื่องนี้แม้งานทางวิชาการที่ฝ่ายกองทัพสนับสนุนยังระบุไว้ว่า ปฏิบัติการก่อเหตุของโจรใต้ยุคใหม่เป็นในลักษณะเดียวกับการนำคนจากหลายที่หลายทางไปประกอบขึ้นเป็น “เซลล์” จึงยากต่อการติดตามและตรวจสอบ
มีข้อที่ให้สังเกตได้ว่า เมื่อถึงเวลาที่คนรุ่นใหม่ที่ถูกชักชวนให้เข้าร่วมขบวนการเสร็จจากการฝึกฝนมาอย่างหนักแล้ว ปฏิบัติการแรกเริ่มมักจะให้รวมตัวกันประมาณ 6 คนต่อ 1 เซลล์ แล้วออกก่อเหตุปั่นป่วนพื้นที่ต่างๆ เช่น วางระเบิดเพลง เผายางรถยนต์ ตู้โทรศัพท์ กล้องวงจรปิด ติดป้ายผ้าที่มีข้อความปลุกใจหรือโจมตีเจ้าหน้าที่ บางครั้งก็เป็นธงชาติมาเลเซีย พ่นหรือทาสีบนป้าย บนท้องถนน หรือทรัพย์สินของรัฐต่างๆ จากนั้นขยับขึ้นเป็นปฏิบัติการยิงรายวัน แล้วตามด้วยระเบิดหรือจัดหนักในรูปแบบต่างๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้ายก็จะมีที่ถูกเลือกให้เป็นมือดีระดับ “อาร์เคเค (RKK)” จำนวนหนึ่ง ส่วนที่กลับกลับเข้าชุมชนไปเป็น “แนวร่วม” ที่ค่อยช่วยเหลือในภารกิจต่างๆ
คำถามถัดมาก็คือ ความจริงเหตุการณ์ที่กรือเซะซึ่งกลุ่มผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะห์กล่าวอ้างไว้ในคลิปนั้น เกิดขึ้นมาเป็นเวลานานพอสมควรคือเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2545 แล้วทำไมกลุ่มอัลกออิดะห์ถึงเพิ่งรับรู้ถึงสิ่งที่นักโทษชายทักษิณปฏิบัติการสังหารพี่น้องมุสลิมเอาเมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงกว่า 10 ปี
ประเด็นนี้ ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ให้ความเห็นเอาไว้ว่า หนึ่ง-อาจเป็นเพราะกลุ่มอัลกออิดะห์อาจติดตามข่าวสารเรื่องนี้มานาน แต่ยังได้ข้อสรุปที่มีหลักฐานหลักแน่นว่า นช.ทักษิณ เป็นผู้บงการสั่งปราบปรามพี่น้องมุสลิม จนกระทั่งในปีนี้อาจได้รับข้อมูลที่ยืนยันจนแน่ใจแล้วว่า นช.ทักษิณบงการจริงและยังใช้รัฐบาลน้องสาวดำเนินนโยบายปราบปรามอย่างต่อเนื่อง พวกเขาจึงตัดสินใจประกาศอย่างเป็นทางการให้ชาวโลกได้ทราบอย่างที่เป็นข่าว
สอง-กลุ่ม BRN น่าจะมีส่วนสำคัญที่ทำให้ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวถูกส่งผ่านไปถึงมืออัลกออิดะห์ เพราะต้องไม่ลืมว่า บทบาทของกลุ่ม BRN ในทางสากลและโลกมุสลิมมีสูงขึ้นอย่างมหาศาลหลังจากรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเข้าไปเจรจาอย่างเปิดเผยกับแกนนำกลุ่มนี้ การมีบทบาทสูงขึ้นจากการรับรองของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทำให้แกนนำกลุ่มBRN มีที่ยืนในสากลและสามารถเข้าถึงแกนนำของกลุ่มอัลกออิดะห์ได้ง่ายขึ้น จึงมีความเป็นไปได้แกนนำ BRN จะนำข้อมูลที่ นช.ทักษิณและรัฐบาลยิ่งลักษณ์กระทำต่อชาวมุสลิมให้กับอัลกออิดะห์
และสาม-การประกาศล่าสังหาร นช.ทักษิณ ย่อมทำให้ นช.ทักษิณและยิ่งลักษณ์เกิดความหวาดกลัวและตื่นตระหนก ตกใจอย่างสุดขีด อันส่งผลต่อนโยบายการเจรจากับ BRN โดยอาจการยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขของ BRN มากยิ่งขึ้น เพื่อแลกกับการถอนคำประกาศล่าสังหารของอัลกออิดะห์ ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงยิ่งนักที่ นช.ทักษิณและยิ่งลักษณ์จะตัดสินใจ แลกการถอนประการล่าสังหารกับการยกอธิปไตยของชาติให้แก่ BRN
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากประเด็นดังที่อาจารย์พิชายวิเคราะห์เอาไว้ ก็ยังมีเรื่องความสัมพันธ์ของ นช.ทักษิณและรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เป็นไปอย่างแน่นแฟ้น โดยเฉพาะจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช หรือ “บุชผู้พ่อ” บิดาของ นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช หรือ “บุช จูเนียร์” อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมถึงท่าทีของรัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ที่เคยมีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่า เปิดไฟเขียวให้สหรัฐฯ สามารถเข้ามาใช้สนามบินอู่ตะเภาได้
และแน่นอนว่า เมื่อเป็นเช่นนั้นก็อาจจะเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้อัลกออิดะห์ตัดสินใจในเรื่องนี้ง่ายขึ้น เพราะมหามิตรของสหรัฐฯ ก็คือศัตรูตัวฉกาจของอัลกออิดะห์
***กรือเซะ-ตากใบ ความทรงจำที่คนมุสลิมไม่มีวันลืม
แม้ขณะนี้จะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า อัลกออิดะห์เป็นผู้จัดทำคลิปและตั้งทีมสังหาร นช.ทักษิณจริงหรือไม่ แต่ถ้าหากย้อนดูถ้อยความในคลิปก็จะเห็นความจริงว่า ต้นเหตุของความโกรธแค้นมีที่มาจากนโยบายในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลทักษิณ โดยเฉพาะความรุนแรงที่เกิดในมัสยิดกรือเซะและตากใบ
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อย่างใดที่กลุ่มคนในคลิปอัลกออิดะห์เลือกที่จะหยิกเอาเหตุการณ์กรือแซะกลับมาข่มขู่และอาฆาตแค้นต่อ นช.ทักษิณ เพราะนอกจากภาพของมัสยิดกรือแซะที่ “อ่อนไหว” แล้ว การเสียชีวิตของพี่น้องมุสลิมกว่าร้อยศพในวันนั้น ต่างก็ถือกันว่าเป็นการทำ “จีฮัด” อีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้กระทบใจมุสลิมที่เป็นพี่น้องกันทั่วโลกอย่างแน่นอน
ที่สำคัญคือในบรรดาผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์หฤโหดครั้งนั้น มิได้มีแต่เป็นกลุ่มที่ใช้อาวุธเท่านั้น หากแต่ยังมีคนมุสลิมผู้บริสุทธิ์ ดังเช่นที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของ “นายกูเด ละแมะ” ซึ่งสูญเสียลูกชายคือ “นายวัดสรี ละแมะ” ไปในเหตุการณ์ดังกล่าว
“ครอบครัวละแมะเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตในมัสยิดกรือเซะโดยในจำนวนดังกล่าวมีนักเรียนจากโรงเรียนพัฒนาอิสลาม 14 คน เป็นผู้สูงอายุอีก 6-7 คน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสังคม และมีคำถามว่าเด็กกลุ่มนั้นไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร ทั้งที่เป็นเด็กมีเกียรติประวัติ หลายคนได้รับรางวัลชมเชย ได้โล่ความประพฤติดีเด่น มีอุปนิสัยดี
“พ่อแม่ลงทุนและทุ่มเทเหมือนเราลงทุนกับลูกรักลูก ทั้งแรงกายแรงใจและทรัพย์สินเท่าที่มีให้เป็นคนมีคุณภาพในสังคม และทุกคนอยู่ในโอวาท เรียนดี ซึ่งมีการจินตนาการว่าเป็นเด็กติดยา หรือหัวรุนแรง มีทัศนคติซ้ายหรือขวาจัด แต่ความจริงไม่ใช่ เด็กเหล่านี้เป็นที่ชื่นชมของคนในครอบครัวและในหมู่บ้าน มีบางคนเป็นนักกีฬาเยาวชน เราไม่ได้ทุ่มเทให้เขามาเป็นคนที่อยู่ในมัสยิดกรือเซะ เขาไม่เคยทำให้เราผิดหวัง กำลังสมัครเรียน มสธ.สาขาการปกครอง เวลาว่างเรียนศาสนาควบคู่ไป มีความฝันว่าจะเป็นปลัดอำเภอ นายอำเภอ เป็นเด็กมีอนาคต ทุกคนมีอนาคตไกล มีบางคนแม่เป็นครู พ่อเป็นทหาร ผมถามว่าครูกับทหารจะกบฏต่อชาติด้วยการสอนลูกให้เป็นโจรหรือ” นายธีรยุทธ เกียรติวารี บุตรเขยของนายกูเดตั้งคำถามกับปฏิบัติการของรัฐ
และไม่ใช่แค่เหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะเท่านั้น เหตุการณ์สังหารโหดที่เลวร้ายไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันก็คือ กรณีสังหารหมู่ที่ตากใบ จังหวัดนราธิวาส
กรณีตากใบนั้นเกิดขึ้นจากกลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมราษฎรอาสาป้องกันตนเองทั้ง 6 รายข้อหาแจ้งความเท็จ และยักยอกปืนของทางราชการ โดยต้องการให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาตามกระบวนการยุติธรรมและปล่อยตัวผู้บริสุทธิ์ แต่รัฐบาลทักษิณในขณะนั้นกลับเลือกที่จะใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาอย่างไม่เห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์
โดยความเลวร้ายที่ปรากฏก็คือ การจับกลุ่มผู้ชุมนุมมัดมือไพล่หลัง นอนคว่ำเรียงซ้อน กัน 6-7 ชั้นบนรถบรรทุกราวกับมิใช่มนุษย์ ซึ่งมีผลทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ถึงตรงนี้ แม้ นช.ทักษิณจะพยายามออกมากลบเกลื่อนความรู้สึกที่มีต่อของคลิปขวัญวันเกิดจากกลุ่มคนที่ไม่พึงประสงค์ว่า เมื่อได้ดูแล้วก็รู้สึกขำบ้าง เป็นฝีมือของพวกคิดพิเรนทร์บ้าง หรือแม้แต่ต่อว่าคนไทยเป็นสังคมชมชอบข่าวลือแล้วก็ตาม แต่นั่นเป็นภาพที่ขัดแย้งอย่างยิ่งกับที่มีข่าวสะพัดระบุว่า ในค่ำคืนวันที่ของวันที่ 26 ก.ค.ร่วมงานฉลองวันเกิดให้ตัวเองอยู่นั้น พอทราบข่าวเรื่องคลิปวิดีโอนี้ถึงกลับหน้าถอดสีแล้วรีบออกจากงานฉลองไปทันที ซึ่งเท็จจริงอย่างไรคนจำนวนมากก็เชื่อไปแล้ว เนื่องจากบุคลิกความเป็นคนขี้ขลาดเป็นเครื่องการันตีได้ดี
ถ้า นช.ทักษิณแค่ขำ แบบไม่อยากใส่ใจอะไรกับคลิปของขวัญชิ้นนี้ เหตุใดจึงให้สมุนบริวารที่กุมกลไกอำนาจรัฐอยู่ โดยเฉพาะในกระทรวงไอซีทีไล่บี้ ไล่ปิด ไล่ปลด คลิปวิดีโอดังกล่าวออกจากเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์เสียวุ่นวายแบบขัดคอนักท่องโลกไซเบอร์มาตลอด
หรือว่านักโทษหนีคุกที่กลายเป็นสัมภเวสีโหยหาแผ่นดินเกิดไว้ฝั่งร่าง เขารู้อยู่เต็มอกแล้วตัวเองว่า ไม่ว่าผู้ที่ทำคลิปวิดีโอชิ้นนี้จะเกี่ยวข้องหรือเป็นเครือข่ายอัลกออิดะห์หรือไม่ก็ตาม แต่วิกฤตไฟใต้ยุคใหม่ที่เขาจุดไม้ขีดก้านแรกให้ปะทุโชนเปลวขึ้นมาอีกระลอก มันได้เชื่อมโยงกับขบวนการก่อการร้ายสากลไปแล้ว และเหตุการณ์ที่กลุ่มคนในคลิปหยิบมากล่าวอาฆาตแค้นขู่ฆ่านั้น มันก็ช่างเป็นเรื่องน่าขนลุกขนพองไม่น้อยเอาเลยเสียด้วย!!!!