xs
xsm
sm
md
lg

นิรโทษกรรมทำเพื่อใคร ไม่ใช่แนวทางลดขัดแย้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (1 ส.ค.) ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้มีการจัดกิจกรรมราชดำเนินเสวนา หัวข้อ “นิรโทษกรรม…ทำเพื่อใคร?”ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือของสมาคมนักข่าวฯ และสถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย มีวิทยากรเข้าร่วม ได้แก่ พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติ วิธี มหาวิทยาลัยมหิดล นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 2535 รวมทั้ง นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ และ นางพะเยาว์ อัคฮาค ญาติผู้เสียหายจากเหตุการณ์ทางการเมือง เม.ย.-พ.ค. 53

** ไม่เชื่อนิรโทษฯจะลดความขัดแย้ง
พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา เริ่มด้วยการตั้งคำถามว่า หากร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ได้รับความเห็นชอบ และมีการประกาศใช้ จะมีหลักประกันได้อย่างไรว่า จะไม่มีเหตุการณ์เหมือนกับตอนปี 53 อีก แล้วรัฐบาลจะมีมาตรการอะไรทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้จะไม่เกิดขึ้น
“ชีวิตใครหรือญาติใคร ทุกคนก็รักหมด แต่ลองนึกว่าหากเป็นญาติท่าน อยู่ดีๆ เดินมาเสียชีวิตจะทำอย่างไร ก่อนสภาจะตรากฎหมายนี้ ในชั้นเข้าวุฒิสภา ผมจะถามว่า รัฐบาลแน่ใจได้อย่างไร หรือมีมาตรการอะไรที่ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าเหตุความขัดแย้งทางการเมืองจะไม่เกิดขึ้นอีก”พล.อ.อ.วีรวิท ระบุ
พล.อ.อ.วีรวิท ยังได้ตั้งข้อสังเกตถึงการที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ระหว่างวันที่ 1-10 ส.ค. เพื่อรับมือกับการชุมนุมของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ด้วยว่า การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯในครั้งนี้ จะเป็นการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานของรัฐบาลเลยหรือไม่ เงื่อนไขใน มาตรา 15 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ระบุว่า จะต้องเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยาวนาน แต่กลับประกาศแค่ 10 วัน หมายความว่า รัฐบาลจะใช้มาตรฐานนี้ตลอด ใช่หรือไม่
ด้าน นายถาวร เสนเนียม กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยคัดค้านการนิรโทษกรรม หรือการสร้างความปรองดอง แต่จะคัดค้านการนิรโทษกรรมความผิดบางประเภทเท่านั้น ซึ่งทางพรรคได้เสนอให้ถอนกฎหมายปรองดองที่อยู่ในรัฐสภาออกมาก่อน จากนั้นมาตั้งหลัก แล้วเดินตามแนวทางของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) และสถาบันพระปกเกล้า ในการค้นหาความจริงเสียก่อน นอกจากนี้ การออกกฎหมายต้องคืนความเป็นธรรมในสิ่งที่เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม และการนิรโทษกรรม ต้องไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคม รวมทั้งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่าย แต่วันนี้ยังไม่มีความเห็นชอบกันจากทุกฝ่าย
“รัฐบาลเคยแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่า สนับสนุน คอป. แต่หลังจาก คอป. เสนอแนวทางการสร้างความสมานฉันท์ รวมทั้งการทำนิรโทษกรรม ถามว่ารัฐบาลได้ทำตามนั้นหรือไม่ เมื่อพิจารณากฎหมายที่อยู่ในสภา ก็ยังไม่ทำ ดังนั้น เมื่อยังไม่ทำแล้วจะนิรโทษกรรมเพื่อใคร มีใครสั่งมา”นายถาวร กล่าว
นายถาวร กล่าวด้วยว่า การนิรโทษกรรมให้ประชาชนที่ออกมาชุมนุมทางการเมือง ประชาชนที่ฝ่าฝืนพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารประเทศในสถาการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่นำมาอ้างนั้น มีโทษเล็กน้อย แค่ลหุโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือแค่เสียค่าปรับตามฉบับประชาชน ที่นำโดยนางพะเยาว์ อัคฮาด เหล่านี้เราเห็นด้วย นอกเหนือจากนั้น หากเราให้เขาได้รับการนิรโทษฯ แล้วผู้เสียหายที่ลูกเสียชีวิต สามีเสียชีวิต เขาจะทราบความจริงได้อย่างไร เมื่อไม่มีกระบวนการค้นหาความจริงแล้ว เรื่องการนิรโทษกรรมไม่ใช่เอาขยะมาซุกใต้พรมแล้วเลิกกันไป
“การหาความจริงของ คอป. คือเหตุรุนแรงเกิดจากชายชุดดำที่ส่งไปฝึกที่กัมพูชา และส่งมาก่อเหตุ โดยขณะนี้เกิดเหตุหักหลังกันเรื่องค่าจ้าง และกำลังจะเปิดโปง โดยเราจะได้รู้ความจริงเร็วๆ นี้ จะได้กระชากหน้ากากของผู้ที่บอกว่า ไม่มีชายชุดดำ”นายถาวร กล่าว

** มั่วนิ่มอ้างพันธมิตรฯไม่ต่อต้าน

ขณะที่ นายวรชัย เหมะ ในฐานะเจ้าของ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่จะมีการพิจารณาโดยสภา ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ กล่าวว่า ร่างกฎหมายที่ตนเสนอนั้น จริงๆแล้ว เนื้อหาสาระมีนิดเดียว ใจความสำคัญมีอยู่ 2 มาตรา เท่านั้น ทั้งนี้ ที่ตนเสนอกฎหมายฉบับนี้ เพราะในสถานการณ์ทางการเมือง ในฐานะที่ตนผ่านกระบวนการต่อสู้มายาวนานพอสมควร เห็นการชุมนุมทางการเมืองหลายเหตุการณ์ ตนเห็นการกระทำของทั้งสองข้างมาตลอด ระหว่างผู้มีอำนาจรัฐกับประชาชน แล้วทุกคดีที่มีการฆ่าจนมีผู้เสียชีวิต ปรากฎว่า เจ้าหน้าที่รัฐไม่เคยได้รับโทษ และประชาชนตายฟรีมาตลอด
“ที่บอกว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ถูกต่อต้านนั้น จริงๆ เรื่องดังกล่าวแสดงออกมาที่โพลแล้ว ประชาชน 60 เปอร์เซ็นต์ ต้องการให้มีการนิรโทษกรรม แล้วเขามองข้ามเลยช็อตที่ผมเสนอด้วย เขาบอกให้เหมาเข่งทั้งหมดด้วย นี่คือความรู้สึกประชาชน พันธมิตรฯ เป็นฝั่งที่คัดค้านมาตลอด แต่วันนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เขาก็ไม่ต่อต้าน แต่คนที่ต่อต้านคือพรรคประชาธิปัตย์ ไปผ่าความจริงทุกที่ คัดค้านทั้งใน และนอกสภา ไม่ใช่มวลชนที่ต่อต้าน ถ้าเป็นมวลชนก็เป็นมวลชนที่พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้ออกมาต่อต้าน”นายวรชัย กล่าว
นายโคทม อารียา กล่าวว่า อยากให้พรรคเพื่อไทย และประชาธิปัตย์ คุยให้เข้าใจตรงกันในหลักการเกี่ยวกับการ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยเฉพาะหากวันที่ 7 ส.ค. ผ่านวาระแรก ก็ให้ไปคุยกันในชั้นกรรมาธิการ ว่ากลุ่มเป้าหมายที่สมควรได้รับการนิรโทษ ควรเป็นกลุ่มใด จากนั้นใน วาระ 2 - 3 ค่อยมาหารือรายละเอียดว่า จะนิรโทษกรรมอย่างไร จึงอยากจะเสนอว่า ควรนำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับญาติวีรชน และฉบับอื่นๆ มาประกอบการพิจารณาร่วมกัน และเห็นว่าการนิรโทษกรรม ควรแบ่งเป็นช่วงเหตุการณ์ที่เกิดการชุมนุมทางการเมือง คือ ตั้งแต่ พ.ค.49 ของกลุ่มพันธมิตรฯ และเหตุการณ์ พ.ค. 53 รวมถึงต้องหารือเกี่ยวกับการรวม หรือไม่รวมกับกลุ่มบุคคลที่กระทำความผิดคดีความมั่นคง และ มาตรา112 หากดำเนินการตามนี้ได้จะนำสู่ปรองดองสมานฉันท์
นายศุภชัย ตัวแทนจากพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับของวรชัย ในเนื้อหาไม่ต่างจากร่างอื่นๆ ที่มีการเสนอกันก่อนหน้านี้ ดังนั้น หากไม่ต่าง แปลว่า ร่าง ของนายวรชัย เป็นเพียงร่างผ่อนคลายความรู้สึกของพี่น้องประชาชนส่วนหนึ่ง แปลว่า ทั้งหมดคือเรื่องการเมือง ทั้งนี้ ตนยอมรับว่า นิรโทษกรรมเป็นส่วนหนึ่งทำให้ลดเงื่อนไขความขัดแย้ง อาจก่อใหเกิดความปรองดอง แต่คิดว่าเรื่องนิรโทษกรรม แม้จะเป็นกลไกที่นำไปสู่การปรองดอง แต่หากจะใช้ ต้องคำนึงเหตุการณ์ เวลา สถานการณ์ และกระบวนการ แต่วันนี้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บความมั่นคงฯ แสดงว่าเริ่มไม่เหมาะสมในการที่จะพิจารณา ตนจึงคิดว่า การพิจารณาจึงควรรอไว้ก่อน
นายศุกชัย กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ หลักการสำคัญเรื่องนิรโทษกรรม จะต้องไม่ออกมาแล้วกระทบต่อสิทธิบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น แม่น้องเกด นางนิชา หิรัญบูรณะ ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ที่ควรจะได้รับรู้เรื่องราวที่แท้จริง ว่าญาติของเขาเสียชีวิตจากฝีมือใคร จะต้องไม่มีผลกระทบต่อเรื่องกระบวนการยุติธรรม ต่างประเทศขอคำว่า อภัย แต่บ้านเมืองเรายังไม่มีเลย จึงขอตั้งคำถามว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับของนายวรชัย เอาบุคคลเป็นตัวตั้งหรือไม่ เพราะการนิรโทษกรรม จะต้องไม่นิรโทษกรรมให้ตัวเอง การบอกว่ายกเว้นผู้มีอำนาจสั่งการนั้น ถามว่า คำนิยาม คืออะไร ไปๆ มาๆ ผู้สั่งการอาจเป็นนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ คนเดียวก็ได้ เพราะวันนี้มีคนเริ่มปฏิสเธแล้วว่า ไม่ใช่แกนนำ
“ขอถามว่า ใครที่ผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้รับนิรโทษกรรมด้วยหรือไม่ แล้วจะตอบประชาชนที่รักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างไร คุณไปเอากฎมายอะไรมาเป็นหลัก ดังนั้น ควรจะต้องคุยกันให้เยอะก่อน การที่วันดีคืนดี มีเสียงข้างมากแล้วจะออกกฎหมายล้างผิดให้ทั้งหมด โดยบอกว่า เป็นนิติรัฐ นิติธรรม กฎหมายเป็นใหญ่ แต่กฎหมายเป็นใหญ่ก็ไม่ได้หมายความว่า กฎหมายนั้นถูกต้อง ทำให้บ้านเมืองสงบ การพิจารณาตอนนี้ จึงไม่เหมาะสม ” นายศุภชัย กล่าว

** ยอมไม่ได้นิรโทษให้ทหาร-ตร.

จากนั้น นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเดือน เม.ย.–พ.ค.53 กล่าวว่า ที่มาของ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับญาติผู้เสียชีวิต เป็นเพราะที่ผ่านมาเราคิดว่า หลังจากรัฐบาลนี้ขึ้นมาบริหารประเทศแล้วจะจัดการเรื่องนี้ตั้งแต่ปีแรก แต่ผ่านมาสามปีประชาชนที่อยู่ในเรือนจำ กลับต้องทุกข์ทรมาน ตนเห็นว่า แต่ละร่างที่เคยเสนอกันมาถ้าเหมายกเข่ง ตนจะประท้วง เพราะไม่เห็นด้วย เนื่องจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 53 มีการฆ่าประชาชนกลางเมือง ถือเป็นบทเรียนที่ร้ายแรง รวมทั้งหลักฐานทุกอย่างมีเพียบพร้อม ว่าใครเป็นผู้กระทำ ขณะที่กระบวนการยุติธรรมก็เดินหน้าไปมาก
“หากจะเสนอกันให้หมดความขัดแย้งนั้น การนิรโทษกรรมครั้งนี้ จะต้องแตกต่างกับการนิรโทษกรรมในอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น เหตุการณ์ 14 ต.ค.16 หรือ พฤษภาทมิฬ ปี 35 เพราะในปี 53 มีความแตกต่างกัน คู่กรณีแตกต่างกันในปี 53 มี 4 คู่กรณี ได้แก่ รัฐบาล กองทัพ นปช. และประชาชน มีการตายต่อเนื่องโดยไม่รู้สาเหตุ หากจะเหมายกเข่ง แล้วยกเว้นผู้สั่งการและแกนนำนั้นคงไม่ใช่ ต้องแยกแยะให้เด่นชัด”นางพะเยาว์ ระบุ
นางพะเยาว์ กล่าวด้วยว่าหลังจากที่ได้ข่าวว่ามีการเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น ตนคัดค้านทันที พอมาถึงร่าง นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ที่ประกาศทางสื่อว่า จะนิรโทษกรรมประชาชนทุกกลุ่ม แรกๆตนก็ดีใจ แต่เมื่อมาค้นดูปรากฏว่ามีการนิรโทษกรรมทหาร และตำรวจด้วย ซึ่งตนยอมไม่ได้ เท่ากับจะนิรโทษกรรมเหมาทั้งหมด ตนจะไม่ยอมให้นิรโทษกรรมทหารทั้งหมด และต้องแยกแยะในกรณีที่เจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ ดังนั้นเจ้าหน้าที่รัฐต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้หากร่างประชาชนได้มีส่วนเข้าสภาฯ อาจเป็นทางเลือกทางหนึ่งที่ลดความขัดแย้งได้ ร่างของประชาชน จะมีส่วนช่วยให้ความขัดแย้งบรรเทาเบาบางลง
นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ บิดาของ นายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือ น้องเฌอ ที่ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์กระชับวงล้อม เมื่อวันที่ 15 พ.ค.53 กล่าวว่า สำหรับ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับญาติผู้เสียชีวิต หลักการของเราคือ ขยายฐานครอบคลุมประชาชนให้มากที่สุด การกระทำผิดต่อชีวิตเราไม่สามารถนิรโทษกรรมให้ใครได้ เพราะไม่มีใครเอาชีวิตใครมาคืนให้กันได้ ส่วนกรณีความผิดต่อทรัพย์ของเอกชน ในอดีตที่ผ่านมา เวลารัฐเป็นคู่กรณี ประชาชนเป็นผู้เสียหายอยู่แล้ว จึงควรนิรโทษกรรมเรื่องนี้ แต่คงสิทธิกับเอกชนที่จะสามารถไปฟ้องร้องทางแพ่งได้ การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับที่เกินกว่าเหตุ เราจะไม่นิรโทษกรรม เช่นเดียวกับผู้มีอำนาจสั่งการ เราก็จะไม่นิรโทษกรรม
“ส่วนการกระทำของผู้มีอำนาจสั่งการ หรือแกนนำ เรามองว่า แกนนำคือประชาชนคนหนึ่ง แต่เมื่อขึ้นมาเป็นแกนนำแล้วต้องรับผิดชอบ โดยจะต้องนำแกนนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อไปดูว่า มีการยั่วยุ ปลุกปั่น ละเมิดต่อชีวิตผู้อื่นหรือไม่ ทำให้เอกชนเสียทรัพย์ หรือทรัพย์สินของราชการเสียหายหรือไม่”นายพันธ์ศักดิ์ กล่าว

** ใช้พ.ร.บ.มั่นคงฯยิ่งตึงเครียด

ในช่วงสุดท้าย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวว่า ที่บอกว่า ประชาชนเห็นด้วยให้เหมาเข่งนั้น จริงๆ ประชาชนไม่เห็นด้วยกับการเหมาเข่ง ทั้งนี้ สำหรับ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น หากก่อให้เกิดการแตกแยก ทำไมเราไม่หยุดไว้ก่อน แล้วให้สังคมตัดสิน การโยนเข้าไปในสภาด้วยเสียงข้างมาก ทำได้แน่นอน แต่จะทำให้เกิดความขัดแย้งที่จะบานปลายเข้าไปอีก แต่หาก ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับประชาชนเข้าไป เราสามารถกำหนดเวลาให้ทุกพรรคมาคุยกันก่อนได้ หากทุกคนเห็นด้วยก็ทำให้จบไปทีเดียว 3 วาระ ก็ได้
“ขอเรียกร้องให้ชะลอ หรือหยุดไว้ก่อน และผมไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ไม่รู้ตำรวจคิดอย่างไรกับการควบคุมม็อบ แทนที่จะส่งเสริมให้เขาชุมนุมด้วยสงบ อารมณ์คนจะได้ลดลงได้ แล้วบ้านเมืองจะปรองดองได้อย่างไร และเมื่อประกาศใช้ เราก็ขอร้องว่าอยากจะให้ดูแลผู้ชุมนุมอย่างอลุ้มอะล่วย”นายอดุลย์ ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของ นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุม ที่สี่แยกคอกวัว เมื่อปี 53 ซึ่งได้ตอบรับเป็นวิทยากรด้วย แต่ไม่ได้เดินทางมาร่วมในการเสวนา เนื่องจากติดขั้นตอนขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชา คือ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมตรี ที่ติดภารกิจอยู่ที่ทวีปแอฟริกา แต่ได้ส่งเอกสารคัดค้านการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ปราศจากการสำนึกผิดมาจำนวน 3 แผ่น มาให้
กำลังโหลดความคิดเห็น