00 เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำพูดของนักร้องเพลงร็อก อำพล ลำพูน หนึ่งในลูกหลานชาวระยอง และหลายคนที่โพสต์ข้อความลงในโลกออนไลน์ เรียกร้องให้ ปตท.นำเงินกำไรที่มีมหาศาลคืนมารักษาเยียวยา และฟื้นฟูธรรมชาติจากเหตุน้ำมันรั่วไหลแพร่กระจายทำลายชายฝั่งทะเลแถบนั้นจนย่อยยับ และเชื่อว่าคนไทยก็กำลังเฝ้ามองดูอยู่ว่าจะ "พูดจริงทำจริง" หรือไม่ หรือว่าเป็นแค่รับปากยืนยัน "ผ่อนกระแส" กันไปแบบชั่วครั้งชั่วคราวหรือไม่ แต่เชื่อว่าคราวนี้ไม่ง่าย เพราะเชื่อว่าคนไทย "กัดไม่ปล่อย" แน่ แม้ว่าอาจใช้สื่อโฆษณาสร้างกระแสตบตาได้บ้าง แต่คงทำไม่ได้ทั้งหมด
00 เหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจำนวนที่อ้างว่าประมาณ 7 หมื่นลิตร ของบริษัท พีทีทีโกลบอล เคมีคอล จำกัด (มหาชน) ที่เป็นบริษัทลูกของปตท.คราวนี้ ได้สะท้อนตัวตนของปตท.ได้พอสมควร ว่าที่ผ่านมาล้วน "สร้างภาพเกินจริง" เพราะใช่้งบโฆษณาอันมหาศาลปิดปากสื่อ ใช้สื่อประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์ของตัวเองผิดเพี้ยนไปอีกแบบ แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มองเห็นว่า ปตท.ไม่ได้มีการลงทุนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรับมือกับอุบัติเหตุ กับกรณีของน้ำมันรั่วอย่างที่ควรจะเป็น หากเปรียบเทียบกับผลกำไรอันมหาศาล รวมทั้งธุรกิจที่ดำเนินการอยู่คือ น้ำมันที่มี "ความเสี่ยงกระทบต่อสิ่งแวดล้อม" ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
00 ทุกครั้งที่เกิดเรื่องเรามักจะได้เห็นตัวตนหรือธาตุแท้ของทั้งคนและองค์กรบางแห่งแสดงออกมา อีกแบบหนึ่ง คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อเกิดเหตุใหม่ตั้งแต่ค่ำวันที่ 28 ก.ค. วันรุ่งขึ้นก็มีการออกข่าวว่า "ทุกอย่างเรียบร้อย" สามารถควบคุมได้แล้ว แต่กลายเป็นว่าตรงกันข้าม คราบน้ำมันกระจายเกลื่อนอ่าวพร้าว และชายหาดบางแห่งในเกาะเสม็ด และเมื่อมองจากมุมสูงจะเห็นคราบน้ำมันกำลังโอบล้อมเกาะดังกล่าวกินพื้นที่แบบตีวงเข้ามาตามแรงคลื่นซัดฝั่ง ขณะที่การวางทุ่นป้องกันก็ทำได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากในทะเลมีคลื่นลมแรง และมีคราบน้ำมันบางส่วนได้แพร่กระจายออกไปในทิศทางอื่นตามกระแสลม เอาเป็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสียหายเกิดผลกระทบในวงกว้างอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งด้านการท่องเที่ยว วิถีชีวิตชาวบ้านในท้องถิ่น และที่สำคัญที่สุดก็คือ ระบบนิเวศน์เสียหายย่อยยับ ไม่มีทางที่จะเสร็จเรียบร้อยภายใน 3-7 วัน ตามที่ "เพ้ง" พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน พูดสร้างภาพบิดเบือนไปเรื่่อยเปื่อยหรอก !!
00 สถานการณ์ม็อบต่อต้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษฯ ฉบับ"อำพราง" ช่วยแม้ว ทำท่าจะ "ร้อนแรง" ไม่เบา หลังจาก ปชป.โดย สุเทพ เทือกสุบรรณ ดีเดย์เป่านกหวีดออกมาเดินบนท้องถนนกันตั้งแต่ 31 ก.ค.เป็นต้นไป และเมื่อสมทบกับสารพัดกลุ่ม ทำให้เชื่อว่า "มีปริมาณ" มากโขอยู่เหมือนอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้ยอมรับ และประเมินว่า หากปชป.ระดมออกมาก็ต้องบอกว่าห้ามกระพริบตาเป็นอันขาด
00 แน่นอนแล้วว่า หลังจากประชุมฝ่ายความมั่นคงกันเต็มพิกัดก็มีการแย้มออกมาจาก เลขาฯสมช. พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ว่าจะมีการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงในบางพื้นที่ ซึ่งก็ต้องครอบคลุมในเขตดุสิตบางพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของรัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล อะไรทำนองนี้แหละ ล่าสุดก็เป็นตามคาด มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ตั้งแต่วันที่ 1-10 ส.ค. แต่ความหมายก็คือ นี่เป็นสัญญาณตึงเครียดทั้งฝ่ายรัฐบาลและม็อบ โดยเฉพาะฝ่ายต่อต้านที่ว่ากันว่า นาทีนี้มีคนเข้ามาเสริมเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ ที่สำคัญยังวัดใจฝ่ายปชป. โดยเฉพาะ สุเทพ เทือกสุบรรณ ว่าเอาจริงแค่ไหน
00 สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร วันนี้ทำท่าต้องเจอกับวิบากกรรมหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่ามองฉาบฉวยเขายังกุมสภาพรัฐบาล อำนาจรัฐได้อย่างเบ็ดเสร็จก็ตาม แต่อีกมุมหนึ่งก็เริ่มมีฝ่ายตรงข้ามเริ่มขึ้นมาท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ หรือแม้แต่ในกลุ่มคนเสื้อแดงที่เริ่ม "ปริ" แยกออกมาให้เห็นชัดเจนขึ้น ส่วนฝ่ายต่อต้านนั้นไม่ต้องพูดถึง ขยายวงเพิ่มมากขึ้น สาเหตุสำคัญก็มาจากความล้มเหลว ห่วยแตกจากรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เวลานี้แทบจะเรียกได้ว่าล้มเหลวในทุกด้าน ไม่สมราคาคุย สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็ทำให้ที่เคยฝ่ายสนับสนุนเริ่มวางเฉย และถอยออกมามากขึ้น บรรยากาศไม่เหมือนเดิมแน่นอน !!
00 เหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจำนวนที่อ้างว่าประมาณ 7 หมื่นลิตร ของบริษัท พีทีทีโกลบอล เคมีคอล จำกัด (มหาชน) ที่เป็นบริษัทลูกของปตท.คราวนี้ ได้สะท้อนตัวตนของปตท.ได้พอสมควร ว่าที่ผ่านมาล้วน "สร้างภาพเกินจริง" เพราะใช่้งบโฆษณาอันมหาศาลปิดปากสื่อ ใช้สื่อประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์ของตัวเองผิดเพี้ยนไปอีกแบบ แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มองเห็นว่า ปตท.ไม่ได้มีการลงทุนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรับมือกับอุบัติเหตุ กับกรณีของน้ำมันรั่วอย่างที่ควรจะเป็น หากเปรียบเทียบกับผลกำไรอันมหาศาล รวมทั้งธุรกิจที่ดำเนินการอยู่คือ น้ำมันที่มี "ความเสี่ยงกระทบต่อสิ่งแวดล้อม" ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
00 ทุกครั้งที่เกิดเรื่องเรามักจะได้เห็นตัวตนหรือธาตุแท้ของทั้งคนและองค์กรบางแห่งแสดงออกมา อีกแบบหนึ่ง คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อเกิดเหตุใหม่ตั้งแต่ค่ำวันที่ 28 ก.ค. วันรุ่งขึ้นก็มีการออกข่าวว่า "ทุกอย่างเรียบร้อย" สามารถควบคุมได้แล้ว แต่กลายเป็นว่าตรงกันข้าม คราบน้ำมันกระจายเกลื่อนอ่าวพร้าว และชายหาดบางแห่งในเกาะเสม็ด และเมื่อมองจากมุมสูงจะเห็นคราบน้ำมันกำลังโอบล้อมเกาะดังกล่าวกินพื้นที่แบบตีวงเข้ามาตามแรงคลื่นซัดฝั่ง ขณะที่การวางทุ่นป้องกันก็ทำได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากในทะเลมีคลื่นลมแรง และมีคราบน้ำมันบางส่วนได้แพร่กระจายออกไปในทิศทางอื่นตามกระแสลม เอาเป็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสียหายเกิดผลกระทบในวงกว้างอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งด้านการท่องเที่ยว วิถีชีวิตชาวบ้านในท้องถิ่น และที่สำคัญที่สุดก็คือ ระบบนิเวศน์เสียหายย่อยยับ ไม่มีทางที่จะเสร็จเรียบร้อยภายใน 3-7 วัน ตามที่ "เพ้ง" พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน พูดสร้างภาพบิดเบือนไปเรื่่อยเปื่อยหรอก !!
00 สถานการณ์ม็อบต่อต้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษฯ ฉบับ"อำพราง" ช่วยแม้ว ทำท่าจะ "ร้อนแรง" ไม่เบา หลังจาก ปชป.โดย สุเทพ เทือกสุบรรณ ดีเดย์เป่านกหวีดออกมาเดินบนท้องถนนกันตั้งแต่ 31 ก.ค.เป็นต้นไป และเมื่อสมทบกับสารพัดกลุ่ม ทำให้เชื่อว่า "มีปริมาณ" มากโขอยู่เหมือนอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้ยอมรับ และประเมินว่า หากปชป.ระดมออกมาก็ต้องบอกว่าห้ามกระพริบตาเป็นอันขาด
00 แน่นอนแล้วว่า หลังจากประชุมฝ่ายความมั่นคงกันเต็มพิกัดก็มีการแย้มออกมาจาก เลขาฯสมช. พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ว่าจะมีการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงในบางพื้นที่ ซึ่งก็ต้องครอบคลุมในเขตดุสิตบางพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของรัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล อะไรทำนองนี้แหละ ล่าสุดก็เป็นตามคาด มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ตั้งแต่วันที่ 1-10 ส.ค. แต่ความหมายก็คือ นี่เป็นสัญญาณตึงเครียดทั้งฝ่ายรัฐบาลและม็อบ โดยเฉพาะฝ่ายต่อต้านที่ว่ากันว่า นาทีนี้มีคนเข้ามาเสริมเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ ที่สำคัญยังวัดใจฝ่ายปชป. โดยเฉพาะ สุเทพ เทือกสุบรรณ ว่าเอาจริงแค่ไหน
00 สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร วันนี้ทำท่าต้องเจอกับวิบากกรรมหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่ามองฉาบฉวยเขายังกุมสภาพรัฐบาล อำนาจรัฐได้อย่างเบ็ดเสร็จก็ตาม แต่อีกมุมหนึ่งก็เริ่มมีฝ่ายตรงข้ามเริ่มขึ้นมาท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ หรือแม้แต่ในกลุ่มคนเสื้อแดงที่เริ่ม "ปริ" แยกออกมาให้เห็นชัดเจนขึ้น ส่วนฝ่ายต่อต้านนั้นไม่ต้องพูดถึง ขยายวงเพิ่มมากขึ้น สาเหตุสำคัญก็มาจากความล้มเหลว ห่วยแตกจากรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เวลานี้แทบจะเรียกได้ว่าล้มเหลวในทุกด้าน ไม่สมราคาคุย สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็ทำให้ที่เคยฝ่ายสนับสนุนเริ่มวางเฉย และถอยออกมามากขึ้น บรรยากาศไม่เหมือนเดิมแน่นอน !!
