xs
xsm
sm
md
lg

พรบ.มั่นคงทุบหุ้นสถาบันขายหมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน-หุ้นไทยสวิงกว่า 30 จุด ก่อนดีดกลับก่อนมาปิดลบ 12 จุด เหตุนักลงทุนผวาพ.ร.บ. ความมั่นคงฯ โบรกแนะหลีกเลี่ยงกลุ่มอ่อนไหวทางการเมือง ได้แก่ ก่อสร้าง และอสังหาฯ พร้อมจับตาการประชุมเฟด ภาพรวมกรกฎาคมสถาบันขาย1หมื่นล้าน ด้านกระทรวงคลังเกาะติดพ.ร.บ.มั่นคงเชื่อไม่ลามภาคท่องเที่ยว

ดัชนีหุ้นไทยวานนี้(31 ก.ค. )ปิดที่ระดับ 1,423.14 จุด ลดลง 12.30 จุดหรือ0.86% ภาพรวมดัชนีเคลื่อนตัวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยลดลงมากถึง 30 จุด ก่อนรีบาวด์กลับมา เหตุนักลงทุนวิตกปัญหาทางการเมืองที่มีการประกาศ พ.ร.บ. ความมั่นคงฯ อีกทั้งปัจจัยต่างประเทศที่จะมีการประกาศจากธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) เกี่ยวกับนโยบายQEและตัวเลขการจ้างงาน โดยระหว่างวันดัขนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,437.39จุด และจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,403.08 จุดมูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 42,443.98 ล้านบาท
ส่วนภาพรวมตลาดหุ้นไทย เดือนกรกฎาคม พบว่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เกต แคป) ณ วันที่ 31 ก.ค. 56 อยู่ที่ 12,354,542 ล้านบาท ขณะที่การเปลี่ยนแปลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ พบว่าในรอบ3เดือนอยู่ที่ -10.16% ในรอบ6เดือน -3.71% และตั้งแต่ต้นปี 3.13%
โดยพบว่าวานนี้(31 ก.ค.) ฝั่งสถาบันขายสุทธิ 3,019.75 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 751.11 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 3,586.86 ล้านบาทขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 184.00 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายสะสมตลอดกรกฎาคมพบว่า สถาบันขายสุทธิ 10,324.70 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 8,155.74 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 10,324.70 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 498.32ล้านบาท
สำหรับมูลค่าการซื้อสะสมตั้งแต่ช่วงต้นปี พบว่า นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 59,897.96 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 21,452.50 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 76,086.23 ล้านบาท และญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 5,264.22
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน. กล่าวว่า แน้วโน้มภาพรวมตลาดหุ้นไทยวานนี้ ภาพรวมยังคงอยู่ในช่วงขาลง ซึ่งปรับตัวลงทั่วทั้งภูมิภาค ตามตลาดหุ้นหลักของเอเซียคือตลาดหุ้นนิกเกอิของญี่ปุ่นที่ปรับตัวลดลงกว่า -137.69จุด และตลาดหุ้นฮั่งเส็ง ของฮ่องกงที่ปรับตัวลดลงกว่า 797.53 จุด
ขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายในประเทศ คือ ค่าเงินที่ผันผวนต่อเนื่องรุนแรงตลอดทั้งวันโดยเปิดตลาดช่วงเช้าวานนี้อ่อนตัวอยู่ที่ระดับ31.45 -31.38 บาท/เหรียญสหรัฐ อีกทั้งยังคงเป็นในส่วนของปัญหาการเมืองภายในประเทศ ที่ยังคงจับตาเรื่องการยื่นเสนอ พรบ.นิรโทษกรรม เข้าสภา ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้และล่าสุดรัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ. ความมั่นคงฯ ยิ่งสร้างแรงกดดันให้กับตลาด
“แนวรับแนวต้านของตลาดหุ้นไทยในวันนี้(1ส.ค.)ทางจิตวิทยาคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,400 จุดและแนวต้านน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,422 จุด ทั้งนี้ยังต้องจับตา การเปิดประชุมสภา การประชุมธนาคารกลางยุโรป และ การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจจีน โดยคาดว่าตลาดหุ้นสัปดาห์นี้จะยังคงพักฐานและแกว่งตัวต่อเนื่องอย่างนี้ไปตลอดทั้งสัปดาห์”
นักวิเคราะห์กล่าวว่า แนวโน้มการลงุทนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (31 ก.ค.) ให้น้ำหนักปัจจัยในประเทศ โดยเฉพาะประเด็นการเมืองที่จะมีการเปิดประชุมสภา ทำให้เกิดความขัดแย้งการพิจารณาร่างกฎหมาย 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท และการชุมนุมเพื่อคัดค้านการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งล่าสุด มีหลายองค์กรเข้าร่วมกับกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยาม โดยหากสถานการณ์มีความรุนแรง อาจทำให้เกิดบรรยากาศลบต่อการลงทุน
ทั้งนี้แนะนำหลีกเลี่ยงกลุ่มที่อ่อนไหวต่อปัจจัยการเมือง ได้แก่ กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง และอสังหาฯ นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามกรณีสหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศ เดือนกรกฎาคมต้นทุนการจ้างงานและประมาณการครั้งแรก GDP ไตรมาส 2 รวมทั้งมติประชุมเฟดซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก

***คลังเกาะติดพ.ร.บ.มั่นคงเชื่อไม่ลามภาคท่องเที่ยว

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงการที่รัฐบาลตัดสินใจใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯเข้ามาดูแลสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองว่า เป็นเรื่องที่ดีและในอดีตที่ผ่านมาเคยมีการประกาศใช้มาแล้ว เชื่อว่าจะไม่ส่งกระทบต่อความเชื่อมั่น และเป็นการดีที่รัฐบาลได้มีการเตรียมความพร้อม อย่างไรก็ตาม การที่เศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันมีการชะลอลง การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ก็คงไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ไปกว่านี้ แต่ทางรัฐบาลก็ไม่อยากเห็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นไปมากกว่านี้เช่นกัน
"น่าจะดีด้วยซ้ำที่ประกาศล่วงหน้าก่อน ทำให้ภาคเอกชนเอาข้อมูลไปบริโภค วิเคราะห์ แล้วมีการป้องกัน ซึ่งภาครัฐก็ไม่อยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น และเชื่อว่าความรุนแรงจะไม่มี ซึ่งมองว่าเป็นแค่ระยะสั้นเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ แต่อยากให้ทุกคนติดตามสถานการณ์นับจากนี้ไปอย่างใกล้ชิด"นายสมชัย กล่าว
ด้านนายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงการที่รัฐบาลประกาศมีมติให้ใช้บังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ใน 3 เขตของ กทม.เพื่อดูแลสถานการณ์การชุมนุมช่วงวันที่ 1-10 ส.ค.นี้ว่า ต้องดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ทางการเคยประกาศใช้ พ.ร.บ.ฉบับนี้มาแล้วในอดีต และสถานการณ์ก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี ครั้งนี้คงขึ้นกับสถานการณ์อีกเช่นกันว่าจะมีผลต่อความเชื่อมั่นแค่ไหน อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทราบว่าการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ จำกัดเฉพาะพื้นที่ ดั
"ขณะนี้ยืนยันว่ายังไม่เห็นความน่าเป็นห่วงต่อสถานการณ์ทางการเมืองเพราะยังไม่มีการเข้ามาชุมนุม และเชื่อว่าจะไม่กระทบกับการท่องเที่ยวในระยะยาว ถ้ามีอะไรเข้ามากระทบ ค่อนข้างจะฟื้นตัวได้เร็ว" นายเมธีกล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น