วานนี้ (22 ก.ค.) คณะกรรมการคัดค้านเขื่อน ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ ออกแถลงการณ์ คณะกรรมการคัดค้านเขื่อน ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ เรื่อง “ประณามปลอดประสพ อย่าดื้อ เอาแต่ใจตัวเอง หัดรับฟังชาวบ้านบ้าง หากคิดว่ามีอำนาจ ไม่ฟังเสียงชาวบ้าน ก็สร้างเลย ไม่ต้องมาประชาวิจารณ์ ศึกษาผลกระทบจอมปลอม ให้สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน”
แถลงการ์มีใจความว่า จากการที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี ได้เดินมาตรวจราชการที่จังหวัดแพร่ และยืนยันว่าสร้างแน่ เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียรติมาก ทั้งที่โครงการเขื่อนยมบนเขื่อนยมล่าง ยังไม่มีการศึกษาความเป็นไปได้ ไม่มีการศึกษาผลกระทบทั้งทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังไม่มีการศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 วรรค 2
นอกจากนี้นายปลอดประสพ ยังได้กล่าวกับผู้เข้าร่วมประชุมที่ศาลากลางจังหวัดแพร่ด้วยว่า ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ และชาวจังหวัดแพร่ เร่งทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้คัดค้านซึ่งมีจำนวนน้อยนิด อันเป็นการส่งสัญญาณให้จัดการกับกลุ่มผู้คัดค้าน เหมือนที่เคยปลุกระดมเสื้อแดงไปเก็บกวาดขยะที่เชียงใหม่มาแล้ว การกระทำเยี่ยงนี้เป็นการใช้เสียงส่วนใหญ่บีบบังคับให้เสียงส่วนน้อยต้องยอมรับในสิ่งที่ไม่เป็นธรรม
คณะกรรมการคัดค้านเขื่อน ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ ขอประณามการกระทำของนายปลอดประสพ และขอเตือนว่า อย่าคิดว่าตนมีอำนาจแล้วจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ บ้านเมืองมีขื่อมีแปร ไม่ใช่จะใช้เสียงส่วนใหญ่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้
ทั้งที่คณะกรรมการคัดค้านเขื่อนฯ ได้เสนอทางออกให้ถึง 12 ข้อ ซึ่งสามารถแก้ไขน้ำท่วมน้ำแล้งได้อย่างยั้งยืน กระทบต่อป่าไม้ สิ่งแวดล้อม และชุมชน น้อยกว่าเขื่อนขนาดใหญ่ อย่างเขื่อนยมบนเขื่อนยมล่าง ทำไมไม่ทำ หรือมันไม่ได้กินป่าสักทอง หรืองบประมาณมันน้อยเกินไปหรือย่างไร
คณะกรรมการคัดค้านเขื่อนฯ ขอยืนยันว่าแม้พวกเรามีจำนวนน้อยเพียง 1,000 ครัวเรือน เราก็จะยืนยันคัดค้านเขื่อนยมบนเขื่อนยมล่างสืบต่อไป เพราะมันคือเขื่อนแก่งเสือเต้นแยกออกเป็น 2 เขื่อน และที่สำคัญมันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งลุ่มน้ำยมไม่ได้ เช่น น้ำที่ท่วมกรุงเทพปี 2554 มีปริมาณถึง 20,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (สองหมื่นล้าน) ขณะที่เขื่อนยมบนเขื่อนยมล่างจุน้ำได้เพียง 666 ล้านลูกบาศก์เมตร (หกร้อยหกสิบหกล้าน) อีกทั้งยังทำลายป่ากว่า 30,000 ไร่ (สามหมื่นไร่) ซึ่งในนั้นยังเป็นผืนป่าสักทองธรรมชาติใจกลางอุทยานแห่งชาติแม่ยม จ.แพร่ อีกด้วย
ส่วนการปลูกต้นไม้นั้น นายปลอดประสพอ้างว่าจะปลูกต้นไม้คืนให้ครบ 30,000 กว่าไร่นั้น คงเป็นการโม้โอ้อวดตามคารมนักการเมือง จะหาที่ดินที่ไหนมาปลูก เพราะเป็นที่อุทยานแห่งชาติอยู่แล้ว อย่ามาตัดป่าแล้วทำท่าปลูกสร้างภาพก็ยิ่งจะเสียหายมากกว่าเดิม และคงไม่มีทางเป็นป่าได้เพราะป่ามีพันธุ์พืชนานาชนิด มีความหลากหลายเกื้อกูลกัน เราจึงไม่เชื่อนำยาของนักการเมืองที่ดีแต่ปาก แน่จริงกลับไปแก้ไขปัญหาเขื่อนที่สร้างไปแล้วให้ได้ก่อน กลับไปปลูกต้นไม้แทนป่าที่ถูกน้ำท่วมไปจากการสร้างเขื่อนที่ผ่านมาให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน
ท้ายสุด คณะกรรมการคัดค้านเขื่อนฯ ขอเรียกร้องให้ประชาชนคนทั้งชาติ จับตาติดตามตรวจสอบพฤติกรรมนักโกงบ้านกินเมือง ทำลายป่า ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ทำลายป่าสักทอง ผลาญงบประมาณแผ่นดินไม่พอ ยังกู้เงินอนาคตของแผ่นดินมาผลาญกันโดยอ้างเสียงส่วนใหญ่ พฤติกรรมเยี่ยงนี้จึงสมควรได้รับการขนานนามว่า "ปลอดประสพ นรกสำหรับสิ่งแวดล้อม"
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงกรณีที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่ จ.แพร่ และเปิดเผยว่า โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ได้ทำประชาพิจารณ์ตาม มาตรา 66 มาตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. 55 ว่า วันที่ 10 ม.ค. 55 เป็นช่วงที่ยังไม่ได้อนุมัติการกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท และการทำประชาพิจารณ์ของนายปลอดประสพนั้น เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะเป็นการแอบทำ ซึ่งตนอยากถามว่าขณะนั้นนายปลอดประสพ ทราบถึงจำนวนการสร้างเขื่อน สร้างอ่างเก็บน้ำ หรือทราบจำนวนทางน้ำไหลแล้วหรือยัง และนายปลอดประสพนำอะไรไปหลอกประชาชน ซึ่งเป็นการหมกเม็ดอย่างชัดเจน ถือเป็นการทำประชาพิจารณ์แบบเซ็นวันที่ย้อนหลัง
“อยากถามว่าในขณะนี้นายปลอดประสพจะจ้างบริษัทเกาหลี จ้างบริษัทจีนมาศึกษาทำไม แล้วที่พูดที่ จ.แพร่ ท่านเอาอะไรไปประชาพิจารณ์ วันนั้นท่านเอาข้อมูลจากไหน กี่เขื่อน ปริมาณเท่าไร ราคาเท่าไร ผลกระทบกับใคร ท่านรู้แล้วเหรอ นี่เป็นการสร้างเขื่อน เพื่อพยายามจะบอกประชาชน บอกศาลปกครองว่า ได้เคยทำประชาพิจารณ์มาแล้วในอดีต” นายชวนนท์ กล่าว
นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า การที่นายปลอดประสพ พูดที่จ.แพร่ ว่าโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท จะมาแก้ปัญหาให้กับ จ.แพร่ โดยการสร้างเขื่อนยมบน ยมล่างนั้นเป็นไปอย่างที่ตนคาดไว้ว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไรใหม่ และโครงการ 3.5 แสนล้านบาทเป็นเพียงการเอารายละเอียดที่อยู่ในแผนงานกรมชลประทานมาจัดร้อยเรียงใหม่ และต่อไปตนเชื่อว่าก็จะมีการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ซึ่งนี่ถือเป็นคำตอบของการกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท ทั้งๆ ที่ เขื่อนเหล่านี้อยู่ในแผนงานของกรมชลประทานอยู่แล้ว และสามารถใช้งบประมาณของกรมชลประทานในการก่อสร้างได้
“วันนี้คุณเพียงต้องการจะเอาโครงการทั้งหมดนี้ยกออกนอกงบประมาณแล้วกู้เงินเป็นพ.ร.ก.เพื่อไม่ให้สภาตรวจสอบ ทำให้สามารถทุจริตคอรัปชั่นได้ง่ายทั้งๆที่เขื่อนยมบน ยมล่าง และเขื่อนแม่วงก์ รวมถึงอ่างเก็บน้ำทั้งหลายที่กำลังจะก่อสร้างขณะนี้ ล้วนแล้วแต่อยู่ในแผนงานของกรมชลประธานทั้งสิ้น” นายชวนนท์ กล่าว
นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า ตนอยากขอถามว่าทำไมต้องกู้ 3.5 แสนล้านบาท หรือนี่คือคำตอบของรัฐบาล เพื่อให้สามารถทุจริตได้ง่าย ส่วนเรื่องที่สองคือเมื่อมีการสร้างเขื่อนแล้ว ทำไมต้องให้บริษัท เค วอเตอร์ หรือบริษัทต่างประเทศเข้ามาทำงาน ทั้งๆ ที่กำลังจะปัดฝุ่นโครงการที่ถูกเก็บไว้ในลิ้นชักของรัฐบาล และสุดท้ายแล้วโครงการน้ำฯ จะไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน อย่างการสร้างเขื่อนยมบน ยมล่าง ถกเถียงกันเป็นเวลา 10 ปี ก็ยังไม่สามารถสร้างได้ แต่วันนี้รัฐบาลอ้างความเร่งด่วนของ พ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท แล้วบอกว่าสิ่งที่จะสร้างคือเขื่อนยมบน ยมล่าง ไม่ได้มีอะไรใหม่ บริษัท เค วอเตอร์ ก็ไม่ต้องคิดอะไรให้ เพียงนำแผนงานของกรมชลประเทศมาทำใหม่ แล้วอ้างว่านี่คือนวัตกรรมทีจะสามารถป้องกันน้ำท่วม น้ำแล้งให้กับประชาชน
“นวัตกรรมที่ท่านทำ คือนวัตกรรมทุจริต คอรัปชั่น นวัตกรรมการยกเงินงบประมาณไปไว้นอกงบประมาณ นวัตกรรมการทำเรื่องไม่เร่งด่วนให้เป็นเรื่องเร่งด่วน นวัตกรรมการต้มประชาชนคนไทยทั้งประเทศ นี่คือสิ่งที่เปิดเผยมาจากโครงการ 3.5 แสนล้านบาท” นายชวนนท์ กล่าว
แถลงการ์มีใจความว่า จากการที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี ได้เดินมาตรวจราชการที่จังหวัดแพร่ และยืนยันว่าสร้างแน่ เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียรติมาก ทั้งที่โครงการเขื่อนยมบนเขื่อนยมล่าง ยังไม่มีการศึกษาความเป็นไปได้ ไม่มีการศึกษาผลกระทบทั้งทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังไม่มีการศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 วรรค 2
นอกจากนี้นายปลอดประสพ ยังได้กล่าวกับผู้เข้าร่วมประชุมที่ศาลากลางจังหวัดแพร่ด้วยว่า ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ และชาวจังหวัดแพร่ เร่งทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้คัดค้านซึ่งมีจำนวนน้อยนิด อันเป็นการส่งสัญญาณให้จัดการกับกลุ่มผู้คัดค้าน เหมือนที่เคยปลุกระดมเสื้อแดงไปเก็บกวาดขยะที่เชียงใหม่มาแล้ว การกระทำเยี่ยงนี้เป็นการใช้เสียงส่วนใหญ่บีบบังคับให้เสียงส่วนน้อยต้องยอมรับในสิ่งที่ไม่เป็นธรรม
คณะกรรมการคัดค้านเขื่อน ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ ขอประณามการกระทำของนายปลอดประสพ และขอเตือนว่า อย่าคิดว่าตนมีอำนาจแล้วจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ บ้านเมืองมีขื่อมีแปร ไม่ใช่จะใช้เสียงส่วนใหญ่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้
ทั้งที่คณะกรรมการคัดค้านเขื่อนฯ ได้เสนอทางออกให้ถึง 12 ข้อ ซึ่งสามารถแก้ไขน้ำท่วมน้ำแล้งได้อย่างยั้งยืน กระทบต่อป่าไม้ สิ่งแวดล้อม และชุมชน น้อยกว่าเขื่อนขนาดใหญ่ อย่างเขื่อนยมบนเขื่อนยมล่าง ทำไมไม่ทำ หรือมันไม่ได้กินป่าสักทอง หรืองบประมาณมันน้อยเกินไปหรือย่างไร
คณะกรรมการคัดค้านเขื่อนฯ ขอยืนยันว่าแม้พวกเรามีจำนวนน้อยเพียง 1,000 ครัวเรือน เราก็จะยืนยันคัดค้านเขื่อนยมบนเขื่อนยมล่างสืบต่อไป เพราะมันคือเขื่อนแก่งเสือเต้นแยกออกเป็น 2 เขื่อน และที่สำคัญมันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งลุ่มน้ำยมไม่ได้ เช่น น้ำที่ท่วมกรุงเทพปี 2554 มีปริมาณถึง 20,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (สองหมื่นล้าน) ขณะที่เขื่อนยมบนเขื่อนยมล่างจุน้ำได้เพียง 666 ล้านลูกบาศก์เมตร (หกร้อยหกสิบหกล้าน) อีกทั้งยังทำลายป่ากว่า 30,000 ไร่ (สามหมื่นไร่) ซึ่งในนั้นยังเป็นผืนป่าสักทองธรรมชาติใจกลางอุทยานแห่งชาติแม่ยม จ.แพร่ อีกด้วย
ส่วนการปลูกต้นไม้นั้น นายปลอดประสพอ้างว่าจะปลูกต้นไม้คืนให้ครบ 30,000 กว่าไร่นั้น คงเป็นการโม้โอ้อวดตามคารมนักการเมือง จะหาที่ดินที่ไหนมาปลูก เพราะเป็นที่อุทยานแห่งชาติอยู่แล้ว อย่ามาตัดป่าแล้วทำท่าปลูกสร้างภาพก็ยิ่งจะเสียหายมากกว่าเดิม และคงไม่มีทางเป็นป่าได้เพราะป่ามีพันธุ์พืชนานาชนิด มีความหลากหลายเกื้อกูลกัน เราจึงไม่เชื่อนำยาของนักการเมืองที่ดีแต่ปาก แน่จริงกลับไปแก้ไขปัญหาเขื่อนที่สร้างไปแล้วให้ได้ก่อน กลับไปปลูกต้นไม้แทนป่าที่ถูกน้ำท่วมไปจากการสร้างเขื่อนที่ผ่านมาให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน
ท้ายสุด คณะกรรมการคัดค้านเขื่อนฯ ขอเรียกร้องให้ประชาชนคนทั้งชาติ จับตาติดตามตรวจสอบพฤติกรรมนักโกงบ้านกินเมือง ทำลายป่า ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ทำลายป่าสักทอง ผลาญงบประมาณแผ่นดินไม่พอ ยังกู้เงินอนาคตของแผ่นดินมาผลาญกันโดยอ้างเสียงส่วนใหญ่ พฤติกรรมเยี่ยงนี้จึงสมควรได้รับการขนานนามว่า "ปลอดประสพ นรกสำหรับสิ่งแวดล้อม"
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงกรณีที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่ จ.แพร่ และเปิดเผยว่า โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ได้ทำประชาพิจารณ์ตาม มาตรา 66 มาตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. 55 ว่า วันที่ 10 ม.ค. 55 เป็นช่วงที่ยังไม่ได้อนุมัติการกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท และการทำประชาพิจารณ์ของนายปลอดประสพนั้น เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะเป็นการแอบทำ ซึ่งตนอยากถามว่าขณะนั้นนายปลอดประสพ ทราบถึงจำนวนการสร้างเขื่อน สร้างอ่างเก็บน้ำ หรือทราบจำนวนทางน้ำไหลแล้วหรือยัง และนายปลอดประสพนำอะไรไปหลอกประชาชน ซึ่งเป็นการหมกเม็ดอย่างชัดเจน ถือเป็นการทำประชาพิจารณ์แบบเซ็นวันที่ย้อนหลัง
“อยากถามว่าในขณะนี้นายปลอดประสพจะจ้างบริษัทเกาหลี จ้างบริษัทจีนมาศึกษาทำไม แล้วที่พูดที่ จ.แพร่ ท่านเอาอะไรไปประชาพิจารณ์ วันนั้นท่านเอาข้อมูลจากไหน กี่เขื่อน ปริมาณเท่าไร ราคาเท่าไร ผลกระทบกับใคร ท่านรู้แล้วเหรอ นี่เป็นการสร้างเขื่อน เพื่อพยายามจะบอกประชาชน บอกศาลปกครองว่า ได้เคยทำประชาพิจารณ์มาแล้วในอดีต” นายชวนนท์ กล่าว
นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า การที่นายปลอดประสพ พูดที่จ.แพร่ ว่าโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท จะมาแก้ปัญหาให้กับ จ.แพร่ โดยการสร้างเขื่อนยมบน ยมล่างนั้นเป็นไปอย่างที่ตนคาดไว้ว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไรใหม่ และโครงการ 3.5 แสนล้านบาทเป็นเพียงการเอารายละเอียดที่อยู่ในแผนงานกรมชลประทานมาจัดร้อยเรียงใหม่ และต่อไปตนเชื่อว่าก็จะมีการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ซึ่งนี่ถือเป็นคำตอบของการกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท ทั้งๆ ที่ เขื่อนเหล่านี้อยู่ในแผนงานของกรมชลประทานอยู่แล้ว และสามารถใช้งบประมาณของกรมชลประทานในการก่อสร้างได้
“วันนี้คุณเพียงต้องการจะเอาโครงการทั้งหมดนี้ยกออกนอกงบประมาณแล้วกู้เงินเป็นพ.ร.ก.เพื่อไม่ให้สภาตรวจสอบ ทำให้สามารถทุจริตคอรัปชั่นได้ง่ายทั้งๆที่เขื่อนยมบน ยมล่าง และเขื่อนแม่วงก์ รวมถึงอ่างเก็บน้ำทั้งหลายที่กำลังจะก่อสร้างขณะนี้ ล้วนแล้วแต่อยู่ในแผนงานของกรมชลประธานทั้งสิ้น” นายชวนนท์ กล่าว
นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า ตนอยากขอถามว่าทำไมต้องกู้ 3.5 แสนล้านบาท หรือนี่คือคำตอบของรัฐบาล เพื่อให้สามารถทุจริตได้ง่าย ส่วนเรื่องที่สองคือเมื่อมีการสร้างเขื่อนแล้ว ทำไมต้องให้บริษัท เค วอเตอร์ หรือบริษัทต่างประเทศเข้ามาทำงาน ทั้งๆ ที่กำลังจะปัดฝุ่นโครงการที่ถูกเก็บไว้ในลิ้นชักของรัฐบาล และสุดท้ายแล้วโครงการน้ำฯ จะไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน อย่างการสร้างเขื่อนยมบน ยมล่าง ถกเถียงกันเป็นเวลา 10 ปี ก็ยังไม่สามารถสร้างได้ แต่วันนี้รัฐบาลอ้างความเร่งด่วนของ พ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท แล้วบอกว่าสิ่งที่จะสร้างคือเขื่อนยมบน ยมล่าง ไม่ได้มีอะไรใหม่ บริษัท เค วอเตอร์ ก็ไม่ต้องคิดอะไรให้ เพียงนำแผนงานของกรมชลประเทศมาทำใหม่ แล้วอ้างว่านี่คือนวัตกรรมทีจะสามารถป้องกันน้ำท่วม น้ำแล้งให้กับประชาชน
“นวัตกรรมที่ท่านทำ คือนวัตกรรมทุจริต คอรัปชั่น นวัตกรรมการยกเงินงบประมาณไปไว้นอกงบประมาณ นวัตกรรมการทำเรื่องไม่เร่งด่วนให้เป็นเรื่องเร่งด่วน นวัตกรรมการต้มประชาชนคนไทยทั้งประเทศ นี่คือสิ่งที่เปิดเผยมาจากโครงการ 3.5 แสนล้านบาท” นายชวนนท์ กล่าว
