“ปลอด” เอาแน่! สร้าง “ยมบน-ยมล่าง” ยันไร้คนเดือดร้อน

แพร่ - “ปลอดประสพ” ประกาศเดินหน้าเขื่อนยมบน-ยมล่างแน่นอน ยันไม่มีใครเดือดร้อนเพราะเป็นพื้นที่ป่า ยกเว้นกลุ่มผู้บุกรุกป่าเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ

วันนี้ (21 ก.ค.) นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบจังหวัดในภาคเหนือตอนบน ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดแพร่ โดยร่วมฟังบรรยายสรุปจากนายศักดิ์ชัย จ.ผลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ และหัวหน้าส่วนราชการ ที่ห้องประชุมจดหมายเหตุศาลากลางจังหวัดแพร่

นายปลอดประสพ ได้ให้ความสนใจ และเสนอแนวทางพัฒนาด้านการท่องเที่ยวที่ควรฟื้นฟูประวัติการทำไม้เดิม และร่องรอยทางประวัติศาสตร์คือ บ้านเรือนเก่า รวมทั้งการพัฒนาระบบทางคมนาคมโดยรถไฟที่จังหวัดแพร่ จะมีทางรถไฟรางคู่จากเด่นชัย-เชียงราย และแพร่มีพื้นที่ป่าถึงร้อยละ 80 ควรใช้ให้เป็นประโยชน์ในการทำป่าเชิงเศรษฐกิจเหมือนอดีต

นายปลอดประสพ ยังบอกอีกว่า ประเด็นสำคัญในจังหวัดแพร่ โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำ ต้องเร่งเตรียมการสร้างเขื่อนยมบน และเขื่อนยมล่าง กั้นแม่น้ำยมในจังหวัดแพร่โดยเร็ว เป็นการแก้ปัญหาที่ชาวแพร่ประสบอยู่ เขื่อนดังกล่าวจะดำเนินการตามกติกาทุกประการ

รัฐบาลทำประชาพิจารณ์โครงการใช้งบประมาณ 3.5 แสนล้าน มาตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2555 โดยการทำแบบกว้างขวางตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตร 66 ซึ่งขณะนั้นยังไม่รู้ว่าดำเนินการที่ใดบ้าง ผ่านมาปีครึ่งทราบแล้วว่า มีอยู่ 9 รายการ ยกตัวอย่าง ในแม่น้ำยม สร้างยมบน และยมล่าง คือ รับน้ำที่มาจากพะเยา ลำปาง และเก็บกักน้ำให้แพร่พ้นจากสภาวะแล้ง หรือน้ำท่วม ยมล่าง ลดการพังทลายของหน้าดิน และลดผลกระทบน้ำท่วม รวมทั้งรองรับการเลื่อนของเขตฝนลงมา

“ทั้งสองเขื่อนดำเนินการแน่นอนจะสามารถควบคุมน้ำได้ และไม่มีใครเดือดร้อน เพราะเป็นพื้นที่ป่าไม้ ส่วนถ้าจะมีผู้เดือดร้อนจากน้ำท่วมคือ ผู้ที่เข้าไปอยู่อาศัย และบุกรุก”

นายปลอดประสพ กล่าวด้วยว่า การทำประชาพิจารณ์จะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ในระดับประเทศ 1 ครั้ง ระดับภูมิภาค 4 ครั้ง และระดับจังหวัดอีก 39 จังหวัด ที่จังหวัดแพร่เป็นการทำรายจังหวัด ดำเนินการตาม พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม พ.ร.บ.อุทยานฯ หรือ พ.ร.บ.ป่าไม้ ซึ่งผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และผู้เกี่ยวข้อง

“ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ จะต้องไปทำความเข้าใจ และให้คนเหล่านั้นมาร่วมให้ได้ ส่วนกลุ่มต่อต้านมีจำนวนน้อย เชื่อว่าเป็นคนไทยด้วยกันพูดกันรู้เรื่อง ส่วนกลุ่มค้านเขื่อนมีน้อยลง ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่กลุ่มเล็กๆ น่าจะทำความเข้าใจได้”