โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
สังคมคนดีต้องยอมรับว่าการต่อสู้กับขบวนการชั่วร้ายนั้นต้องอาศัยความอดทน อดกลั้น ความกล้าเสี่ยงต่อแรงกดดันในสภาพต่างๆ เป็นภัยต่อสุขภาพจิต ความปลอดภัยในชีวิต ไม่ใช่เฉพาะกับตัวเอง แต่กับสมาชิกครอบครัว คนใกล้ชิด เครือญาติซึ่งต้องรับรู้ความทุกข์ ร่วมชะตากรรมด้วย
คนที่สังคมมองว่าเป็นคนดี นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ และลาออกจากตุลาการด้วย แม้จะอ้างว่าเป็นการรักษาคำสัญญาว่าจะทำงานเพียง 2 ปี แต่ข้อมูลไม่เป็นทางการเป็นที่รับรู้กันเฉพาะวงในว่าผู้มีอาชีพเป็นนักกฎหมาย ตุลาการ ทนไม่ได้กับไทยเฉย
“คนชั่วจะมีชัย ถ้าคนดีไม่ยอมทำอะไร” ได้รับการพิสูจน์อีกครั้ง และเราควรประกาศชัดๆ ว่าคนไม่ยอมทำอะไร ต้องไม่ใช่คนดีสมควรได้รับการยกย่อง และคนเช่นนั้นจะมาอ้างว่าเป็นคนดีไม่ได้ ถ้าปราศจากจิตสำนึกในความเป็นผู้มีหน้าที่ปกป้องรักษาคุณความดี ค่านิยม ระบบคุณธรรมค้ำจุนฐานบ้านเมือง
ทุกวันนี้สังคมทั่วไปยอมรับรู้ด้วยความกล้ำกลืนว่าบ้านเมืองไม่สามารถ หวังพึ่งองค์กรตำรวจ องค์กรตุลาการ องค์กรอิสระบางแห่ง ระบบข้าราชการอีกต่อไป เมื่อทำตัวยอมสยบต่ออำนาจชั่วร้าย เป็นเครื่องมือให้กลุ่มอาชญากรซึ่งรวมตัวกันเป็นพรรคการเมือง กุมอำนาจรัฐ แสวงหาผลประโยชน์อย่างเต็มที่
ภารกิจขององค์กรอาชญากรรม คือการบ่อนทำลายความมั่นคงของโครงสร้างของบ้านเมือง ด้วยการทุจริต คอร์รัปชั่นอย่างไร้จิตสำนึกด้านดี ทำลายระบบคุณงามความดี ส่งเสริมพฤติกรรมนอกกฎหมาย ทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่าการมุ่งทำความดีนอกจากไม่ได้ผลตอบแทนที่ดี ยังหาภัยใส่ตัวอีกด้วย
การอุ้มฆ่าเกิดขึ้นโดยอาชญากรที่มีเครือข่ายความสัมพันธ์กับผู้มีหน้าที่รักษากฎหมาย การถูกคุกคามโดยมวลชนถ่อยเลี้ยงดูโดยนักการเมืองกุมอำนาจรัฐ การใช้ผู้รักษากฎหมายปกป้องผู้กระทำผิดกฎหมายเท่ากับเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าระบบนิติรัฐ นิติธรรมในรัฐไทยเสื่อมโทรม เป็นรัฐล้มเหลวแล้ว!
ข้าราชการตรวจสอบการทุจริตจากโครงการรับจำนำข้าวถูกคุกคาม ถูกสอบสวนโดยกรรมการ ข้าราชการยอมสยบต่อนักการเมืองชั่วร้าย ยอมลงนามสัญญากู้เงิน ข้ามขั้นตอน ปราศจากความโปร่งใส ไร้หลักธรรมาภิบาล หูตาจะสว่างหรือไม่เมื่อเห็นกรณี “หมอเลี้ยบ” ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลทุจริตต่อหน้าที่ หลังจากรับใช้ขบวนการบักเหลี่ยมร้าย พฤติกรรมขายชาติ ทรัพย์สินแผ่นดิน
ถ้าคนดีพยายามต่อสู้กับอำนาจขบวนการชั่วร้ายเริ่มท้อถอย เลิกราขอใช้ชีวิตอย่างสงบเงียบ ไม่สร้างศัตรูต่อไป คนที่อ้างว่าตัวเองดีที่เหลือก็ต้องยอมรับสภาพที่จะเกิดขึ้นจากการเพิกเฉยของตัวเองเช่นกัน สังคมล่มสลาย
ความหวังว่ากองทัพจะเป็นหลักสุดท้ายเพื่อความถูกต้อง เสถียรภาพของบ้านเมืองต้องสูญสลายหลังจากผู้นำเหล่าทัพวางเฉย ไม่รู้สึกร้อนหนาว จิตสำนึกว่างเปล่า เมื่อรับรู้สัญญาณชัดเจน และคำพูดจากการหารือแผนชั่วร้ายว่ากองทัพถูกแทรกแซงคุกคาม! แล้วจะให้ชาวบ้านไม่รู้สึกขมขื่นได้อย่างไร
เสียดายเงินภาษี ความรู้สึกถึงความเป็นชาติถูกเขย่าอย่างแรง!
ยิ่งได้ยินรองโฆษกกองทัพแสดงความเห็นเรื่องคลิปล้อเลียนผู้บัญชาการทหารบก และรัฐมนตรีกลาโหม แม่นางโพยปูโพรก ว่าทำความเสื่อมเสียต่อกองทัพ ทำให้ชาวบ้านต้องอดอุทานไม่ได้ “เฮ้ย! มันอะไรกันเว้ย!”
ได้ยินคลิปบักเหลี่ยมคุยกับรมช.กลาโหม วางแผนทำลายโครงสร้างบ้านเมือง จิกหัวแม่ทัพนายกองเหมือนเรียกไอ้เณร หรือเด็กรับใช้ในบ้าน แทนที่ผู้นำกองทัพจะเดือดร้อนว่าเป็นการหมิ่นเกียรติ หยามศักดิ์ศรี มีแผนชั่วร้าย กลับวางเฉย ทำเอาชาวบ้านงงเป็นไก่ตาแตก! เท่ากับยืนยันว่าโดนครอบแล้ว
กองทัพคงไม่ต่างจากตำรวจ อัยการ โดยที่นายทหารระดับรองๆ ลงมาไม่รู้สึกอะไรด้วยหรือ? หรือระเบียบวินัยเป็นข้ออ้างว่าผู้น้อยมีหน้าที่ต้องเดินตาม ฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา ความมั่นคงของชาติสำคัญน้อยกว่าปัญหาเรื่องส่วนตัว หน้าตาของผู้นำเหล่าทัพ! เมื่อเป็นแบบนี้ ก็คงไม่มีอะไรเหลือให้พึ่งได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ จะมีใครยังเหลือ ห่วงใยอนาคตของชาติบ้านเมือง!
เอาเถอะ! แม้จะเป็นสภาพ ความเสื่อมโทรมเช่นนี้ ก็ยังคงมีคนรัก ห่วงชาติ พร้อมต่อสู้ ไม่ยอมจำนนต่ออำนาจเถื่อน จิตสำนึกความรับผิดชอบยังเข้มข้น อยากแสดงออกให้เห็นว่าผู้รักชาติแท้จริงไม่จำเป็นต้องมีหน้าที่ หรือเครื่องแบบสำหรับประกาศคำปฏิญาณว่าจะปกป้องสถาบันหลักของแผ่นดิน
ประชาชนย่อมเป็นพลังอำนาจสุดท้ายเสมอ แม้จะมีประชาชนคนส่วนหนึ่งยอมสยบเป็นทาสของขบวนการชั่วร้าย ดังนั้นในกองทัพย่อมมีนายทหารรักห่วงชาติอยู่เช่นกัน ถ้าผลสุดท้ายไม่ยอมพ่ายต่อความเย้ายวน ความอยากมีบ้านใหญ่โตหรูหรา เงินเก็บก้อนใหญ่ หลังเกษียณอายุ ลืมหน้าที่ ศักดิ์ศรี!
อยากรู้เหมือนกันว่าไทยเฉยสายพันธ์ยุคนี้จะอึด ทนต่อพฤติกรรมชั่วร้ายของนักการเมือง พ่อค้า ข้าราชการกังฉินได้นานสักแค่ไหน! วันหนึ่งคงหูตาสว่างเมื่อได้รับผลกระทบถึงขั้นบ้านเมืองหายนะ สิ้นสภาพความเป็นชาติ
ถึงวันนั้น จะสิ้นสภาพจะสายเกินแก้ไขหรือไม่ ต้องรอดู!
