พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก (ทบ.) ให้สัมภาษณ์กรณีเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ของกองทัพบก ว่า ในด้านพัฒนากองทัพ ยังคงได้รับน้อยกว่าที่เสนอประมาณการไปทุกครั้ง ทุกปี ทำให้มีผลกระทบต่อการทำให้กองทัพมีความทันสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งยุทโธปกรณ์หลักหลายรายการชำรุด เนื่องจากใช้งานมานานมาก จำเป็นต้องซ่อมคืนสภาพเพื่อให้ใช้การได้ แต่ยังคงต้องใช้เวลาในการจัดหา ซึ่งก็จะเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกฯ เริ่มจากมีคณะกรรมการกำหนดความต้องการ และให้ผู้ขายมานำเสนอให้คณะกรรมการมาตรฐานยุทโธปกรณ์ได้พิจารณาเลือก จึงจะเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อด้วยความยุติธรรม และโปร่งใสทุกขั้นตอน มีกระบวนการตรวจสอบทั้งจากหน่วยงานใน ทบ. และจากหน่วยงานภายนอก เช่น สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ,สำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เช่นเดียวกับ งบประมาณของ กระทรวง ทบวง กรมอื่นทุกประการ
สำหรับระบบการจัดหาบางรายการมีความแตกต่างจากหน่วยงานอื่นๆ คือ ยุทโธปกรณ์หลักที่ต้องจัดหาจากต่างประเทศ ต้องใช้เวลาในการผลิต จึงจำเป็นต้องแบ่งการจัดสรรงบให้ตรงกับการส่งมอบ 3-5 ปี องค์ประกอบสำคัญของการพิจารณาจัดหาฯ จะต้องตรงกับแผนการพัฒนากองทัพที่กำหนดในห้วง 5-10 ปี ว่ากองทัพต้องการอะไรใหม่ จะซ่อมบำรุงอะไร ต้องการจะจำหน่ายอะไรที่หมดสภาพ ทุกอย่างมีแผนงานที่ชัดเจน จะไม่จัดหาตามความพอใจ หรือการมีผลประโยชน์แฝงใดๆทั้งสิ้น
“สิ่งที่ให้ความสำคัญที่สุดคือ คำนึงถึงความปลอดภัยของกำลังพล อุปกรณ์ต่างๆที่จัดหามา ต้องมีการรับรองความปลอดภัยและได้มาตรฐานจากองค์กรสากล สิ่งอุปกรณ์บางอย่าง จำเป็นต้องจัดหามาจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว และใช้งานอยู่ในต่างประเทศ นำมาปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศสถานการณ์ในประเทศไทย บางอย่างถ้ามีปัญหา ก็จะต้องรีบแก้ไขให้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่าที่สุด ไม่อยากให้บุคคลใดได้กล่าวอ้างถึงผลประโยชน์ในขณะที่ไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริงหรือไม่ได้มีกระบวนการตรวจสอบที่ถูกต้อง เพราะอาจทำให้กองทัพเสียหายได้" รองโฆษก ทบ. ระบุ
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า เหตุที่มีอัตราส่วนสูงเกิน 60 % ในข้อเท็จจริงแล้ว อัตราเต็มของกำลังพล ทบ. มีมากกว่า 4 แสนคน ปัจจุบันบรรจุเพียง 70 % หรือประมาณ 2.6 แสนคน มีนายทหาร 10 % นายสิบ 40% พลทหาร 50% เหตุที่บรรจุ นายทหาร นายสิบ เต็มไม่ได้ เนื่องจากมีค่าตอบแทน งบสวัสดิการ บ้านพัก ค่ารักษาพยาบาล ที่จะต้องตามมาอีกจำนวนมาก จึงทำให้การบรรจุทหารกองประจำการ ซึ่งมาจากการเกณฑ์ทหารยังมีความจำเป็นอยู่ และการมีทหารเกณฑ์ นอกจากจะช่วยลดงบฯค่าใช้จ่ายแล้ว ยังจะทำให้ประชาชนชายไทยที่ได้เข้าสู่ระบบถูกปลูกฝังระเบียบวินัย เพิ่มการเรียนรู้การฝึกวิชาชีพ ซึ่งจะเป็นผลดีต่ออนาคตของชาติ นอกจากนี้ ด้านงบดำเนินงาน เนื่องจากภารกิจ ทบ.มี 2 ประการ คือ เตรียมกำลัง และใช้กำลัง ยามปกติ ต้องฝึกต้องพัฒนาและบริหารจัดการกำลังพลให้มีความพร้อม และเรียนรู้งานที่ไม่ใช่หน้าที่หลัก เช่น งานพิทักษ์ปกป้องป่าไม้ งานป้องกันปราบปรามยาเสพติด งานป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ
สำหรับระบบการจัดหาบางรายการมีความแตกต่างจากหน่วยงานอื่นๆ คือ ยุทโธปกรณ์หลักที่ต้องจัดหาจากต่างประเทศ ต้องใช้เวลาในการผลิต จึงจำเป็นต้องแบ่งการจัดสรรงบให้ตรงกับการส่งมอบ 3-5 ปี องค์ประกอบสำคัญของการพิจารณาจัดหาฯ จะต้องตรงกับแผนการพัฒนากองทัพที่กำหนดในห้วง 5-10 ปี ว่ากองทัพต้องการอะไรใหม่ จะซ่อมบำรุงอะไร ต้องการจะจำหน่ายอะไรที่หมดสภาพ ทุกอย่างมีแผนงานที่ชัดเจน จะไม่จัดหาตามความพอใจ หรือการมีผลประโยชน์แฝงใดๆทั้งสิ้น
“สิ่งที่ให้ความสำคัญที่สุดคือ คำนึงถึงความปลอดภัยของกำลังพล อุปกรณ์ต่างๆที่จัดหามา ต้องมีการรับรองความปลอดภัยและได้มาตรฐานจากองค์กรสากล สิ่งอุปกรณ์บางอย่าง จำเป็นต้องจัดหามาจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว และใช้งานอยู่ในต่างประเทศ นำมาปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศสถานการณ์ในประเทศไทย บางอย่างถ้ามีปัญหา ก็จะต้องรีบแก้ไขให้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่าที่สุด ไม่อยากให้บุคคลใดได้กล่าวอ้างถึงผลประโยชน์ในขณะที่ไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริงหรือไม่ได้มีกระบวนการตรวจสอบที่ถูกต้อง เพราะอาจทำให้กองทัพเสียหายได้" รองโฆษก ทบ. ระบุ
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า เหตุที่มีอัตราส่วนสูงเกิน 60 % ในข้อเท็จจริงแล้ว อัตราเต็มของกำลังพล ทบ. มีมากกว่า 4 แสนคน ปัจจุบันบรรจุเพียง 70 % หรือประมาณ 2.6 แสนคน มีนายทหาร 10 % นายสิบ 40% พลทหาร 50% เหตุที่บรรจุ นายทหาร นายสิบ เต็มไม่ได้ เนื่องจากมีค่าตอบแทน งบสวัสดิการ บ้านพัก ค่ารักษาพยาบาล ที่จะต้องตามมาอีกจำนวนมาก จึงทำให้การบรรจุทหารกองประจำการ ซึ่งมาจากการเกณฑ์ทหารยังมีความจำเป็นอยู่ และการมีทหารเกณฑ์ นอกจากจะช่วยลดงบฯค่าใช้จ่ายแล้ว ยังจะทำให้ประชาชนชายไทยที่ได้เข้าสู่ระบบถูกปลูกฝังระเบียบวินัย เพิ่มการเรียนรู้การฝึกวิชาชีพ ซึ่งจะเป็นผลดีต่ออนาคตของชาติ นอกจากนี้ ด้านงบดำเนินงาน เนื่องจากภารกิจ ทบ.มี 2 ประการ คือ เตรียมกำลัง และใช้กำลัง ยามปกติ ต้องฝึกต้องพัฒนาและบริหารจัดการกำลังพลให้มีความพร้อม และเรียนรู้งานที่ไม่ใช่หน้าที่หลัก เช่น งานพิทักษ์ปกป้องป่าไม้ งานป้องกันปราบปรามยาเสพติด งานป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ