xs
xsm
sm
md
lg

ปูดนักธุรกิจเครือสมีคำโกงทองคำสร้างพระแก้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - ปปง.เตรียมส่งข้อมูล"ไอ้คำ"สอบเส้นทางการเงินและยึดทรัพย์ทั้งหมดในวันศุกร์นี้ ชี้โกงทองคำ 1 พันกิโลกรัมจัดสร้างเครื่องทรง พระเเก้วมรกต 3 ฤดู ระบุมีนักธุรกิจเงิน นักธุรกิจทองคำ และนักการเมือง อยู่เบื้องหลัง ด้านดีเอสไอประสานมะกัน ตรวจสอบสมีคำซื้อบ้าน2หลังจริงหรือไม่ สภามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ลงมติถอนปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ขณะที่สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ อัด "สมีคำ" ทำไม่เหมาะสม ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้ผู้บริจาคเงิน 1 แสน

วานนี้ (16 ก.ค.) นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นำหลักฐานเพิ่มเติมเป็นใบปิดโฆษณา เมื่อปี 2554 ที่ให้ประชาชนร่วมบริจาคโดยอ้างว่าจะได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ แต่ละลำดับชั้น วงเงิน ตั้งแต่ 1 เเสนบาท -30 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารรักษาผู้ป่วย โดยมีรายชื่อผู้ร่วมบริจาค ทั้งพระและนักธุรกิจชื่อดังและบริษัทเป็นนิติบุคคล 20 คน เกี่ยวข้องเป็นคณะกรรมการพร้อมนำภาพสร้างเครื่องทรง พระเเก้วมรกต 3 ฤดู ที่ใช้ ทองคำ 9 พันกิโลกรัมในการสร้าง ซึ่งขณะนี้จากการตรวจสอบมีทองคำแล้ว 8 พันกิโลกรัม ซึ่งมีนักธุรกิจเงิน นักธุรกิจทองคำ และนักการเมือง อยู่เบื้องหลัง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ นอกจากนี้ยังมีเบาะแสจากประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง สำนักสงฆ์ขันติธรรมมามอบให้เป็นหลักฐานเพิ่มเติมด้วย

ด้าน ร.ต.อ.หญิง สุวนีย์ แสวงผล รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ระบุว่า จะนำหลักฐานเพิ่มเติมนี้ไปรวบรวมให้ เพื่อคณะกรรมธุรกรรมการเงิน พิจารณา ในวัน ที่ 19 กค. นี้ เพื่อสรุปมติ ให้ ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงินและพิจารณาการอายัติทรัพย์สิน ทั้ง สังหาริมทรัพย์และ อสังหาริมทรัพย์ ของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีการโยกย้ายเงินในบัญชีอดีตพระเณรคำกว่า 200 ล้านบาท นั้น ยังไม่สามารถ ตรวจสอบได้ แต่หากมีโยกย้ายจริงถือว่าเข้าข่ายการ ฉ้อโกง ขณะที่การติดตามทองคำ 8 พันกิโลกรัม อยู่ระหวางการเร่งติดตาม โดยหลังจากวันที่ 19 กค.จะร่วมกับดีเอสไอ ตรวจสอบเชิงลึกต่อไป

พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ กล่าวว่า การติดตามทรัพย์สินของนายวิรพล นั้น ตนได้เซ็นหนังสือส่งไปยังธนาคารทุกแห่ง ให้อายัดเงินในบัญชีที่ชื่อนายวิรพล สุขผล รวมทั้งประสานสหรัฐอเมริกาตรวจสอบข่าวนายวิรพล ไปซื้อบ้าน 2 หลัง ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาว่าจริงหรือไม่ หากจริงเป็นชื่อใครแล้วนำเงินที่ไหนมาซื้อ หากพบว่านายวิรพล ไปซื้อบ้านที่ต่างประเทศจริงก็เชื่อว่าจะสามารถนำเงินที่ได้โอนออกไปต่างประเทศได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ดีเอสไอได้ประสาน ปปง.ให้เช็คว่านายวิรพล มีการโอนเงินไปต่างประเทศอย่างไรหรือไม่ ส่วนบ้าน 2 หลัง ในประเทศสหรัฐอเมริกาหากเป็นบ้านนายวิรพล จริง และได้นำเงินที่ได้จากการกระทำความผิดไปซื้อก็จะประสานอายัด ส่วนทรัพย์อื่นๆ ของนายวิรพล ทั้งรถ บ้าน ที่ดิน พลอย ทองคำ ชุดสอบสวนดีเอสไออยู่ในพื้นที่จ.ศรีสะเกษ และจ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่านายวิรพล มีทรัพย์สินทั้งหมดเท่าไหร่

พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ กล่าวอีกว่า หากมีทรัพย์สินส่วนไหนได้มาจากการกระทำความผิดบาง ก็จะอายัดในส่วนที่ได้มาจากการกระทำผิดซึ่งต้องสอบสวนอย่างละเอียด ส่วนที่ตั้งสำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม และสาขาอีก 14 แห่ง แม้ว่านายวิรพล จะเป็นผู้ก่อตั้ง แต่การพิจารณาปิดหรืออายัดนั้น ดีเอสไอต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอาจกระทบจิตใจพระพุทธศาสนิกชน ซึ่งสำนักสงฆ์เองก็ยังมีประโยชน์ต่อพุทธศาสนิกชน ในส่วนของดีเอสไอจะดำเนินคดีอาญา ส่วนการดำเนินกับสำนักสงฆ์สวนป่าขันติธรรม และสาขา ดีเอสไอจะหารือกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) และมหาเถรสมาคม ในการดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป ซึ่งประเด็นสำนักสงฆ์ยังไม่ห่วงเท่าไหร่ เพราะเป็นอสังหาริมทรัพย์ ไม่สามารถโยกย้ายทรัพย์สินได้ ส่วนเรื่องที่สำนักสงฆ์แห่งนี้มีการเปิดรับเรี่ยไรนั่น หากทำไม่ถูกต้องก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.เรี่ยไร

ด้าน ผศ.ประชุม ผงผ่าน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี กล่าวถึงการถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนาภูมิภาค ให้นายวิรพล ประจำปีการศึกษา 2552 ว่า เมื่อผู้รับมอบทำเรื่องเสียหาย ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัย จึงเรียกประชุมคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยเพื่อลงมติถอนปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์คืน

ขณะที่สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) กล่าวว่า กรณีที่ทางอดีตพระวิรพล มีการขอรับบริจาคเงินเพื่อนำไปสร้างตึกสงฆ์อาพาธที่รพ.ร้อยเอ็ด ทั้งยังระบุด้วยว่าจะมีการขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้กับผู้ที่บริจาคเงินตั้งแต่ 1 แสนบาทขึ้นไปนั้น การที่พระสงฆ์กระทำในลักษณะดังกล่าวถือว่าไม่มีความเหมาะสม เพราะเหมือนเป็นการทำให้ประชาชนหลงเชื่อ ทั้งนี้หากจะมีการกระทำในลักษณะดังกล่าวโดยที่จะมีการขอเครื่องราชฯให้กับผู้ที่บริจาคเงินนั้น สามารถทำได้ แต่ควรที่จะดำเนินการภายหลังจากที่มีผู้บริจาคเงินด้วยความศรัทธาเข้ามาแล้ว ไม่ใช่นำไปโฆษณาในลักษณะดังกล่าวเพื่อเป็นการเชิญชวนให้ประชาชนหลงเชื่อและบริจาคเงิน
กำลังโหลดความคิดเห็น