มมร.ยันไม่เคยมอบ ป.เอกให้ “สมีคำ” คาดใช้คำว่า “ดร.” จากสถาบันอื่น ส่วนรถตู้รับมาจริง พร้อมส่งคืนหากผลสอบเณรคำออกมาว่า ผิดจริง ด้าน “สุขุม” อ้างสมีคำ อโหสิกรรม แผ่เมตตาให้ผู้ที่กล่าวหา
ผศ.ดร.แหวนทอง บุญคำ รักษาการผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย (มมร.) เปิดเผยถึงกรณีที่คณะสงฆ์ศรีสะเกษ พิจารณาให้ พระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ให้ขาดจากความเป็นพระ คือ ปาราชิก ซึ่งก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า มมร.วิทยาเขตร้อยเอ็ด ได้มอบใบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ให้กับหลวงปู่เณรคำ เรื่องนี้ตนได้ตรวจสอบจากรายชื่อผู้ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จาก มมร.ไม่พบชื่อพระวิรพล สุขผล แสดงว่าทางมหาวิทยาลัยของเราไม่เคยมอบให้ ส่วนกรณี พระวิรพล ได้มอบรถตู้ให้กับทาง มมร.นั้น ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าทาง มมร.วิทยาเขตร้อยเอ็ด ได้รับมาจริง โดยอดีตอธิการ มมร.เป็นผู้รับมอบตามที่มีภาพเผยแพร่อยู่ ซึ่งข้างรถตู้มีชื่อ พระอาจารย์ ดร.วิรพล ฉัตติโก ติดอยู่ด้วยนั้น น่าจะเป็นอ้างใช้คำว่า ดร.มา
จากการที่ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ไม่ใช่ ดร.จาก มมร.แน่นอน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รถตู้คันดังกล่าวได้ขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยไปแล้ว หากมีการตัดสินว่าพระวิรพลผิดจริง ทาง มมร.
ก็พร้อมส่งคืน หรือให้อายัดรถตู้คันดังกล่าวไปตรวจสอบทันที อย่างไรก็ตาม ทางพระราชบัณฑิต อธิการบดี มมร.ได้มีความกังวลใจหลายด้านในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว ประเด็นแรกเกี่ยวข้องกับคณะสงฆ์ด้วยกัน ต้องมีการชี้ชัดให้แน่ใจก่อนว่าพระรูปนั้นกระทำผิดหรือถูก ประเด็นที่สองเกี่ยวข้องกับสถาบันการศึกษาของคณะสงฆ์ จะดำเนินการสิ่งใดไปต้องมีความระมัดระวังรอบคอบ
“การตรวจสอบความผิดของพระวิรพลนั้น ต้องประกอบไปด้วย 3 ส่วน ทั้งจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เจ้าคณะผู้ปกครอง และหน่วยงานทางกฎหมาย ต้องมีการตรวจสอบชี้มูลความผิดให้ประชาชนเห็นชัดแจ้ง ผิด ผิดอย่างไร ถูก ถูกอย่างไร แล้วนำเสนอต่อสังคมโดยรวมให้รับรู้ตรงกัน ผู้ที่รับข้อมูลข่าวสารจะได้สบายใจ เป็นบทเรียนเพื่อแก้ปัญหาลักษณะนี้ในอนาคต ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็จะมีอีกเรื่อยๆ ชาวบ้านจะได้แยกแยะออก พระบางรูปพรรษาน้อยไม่รู้วิถีปฎิบัติที่ถูกต้อง” ผศ.ดร.แหวนทอง กล่าว
** “สมีคำ” อโหสิกรรม-แผ่เมตตาให้**
หลังจากที่มีที่คณะสงฆ์ศรีสะเกษ พิจารณาให้ พระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ให้ขาดจากความเป็นพระ คือ ปาราชิก เมื่อวันที่ 15 ก.ค. นายสุขุม วงประสิทธิ ประธานเครือข่ายบ้านวิมุตติธรรม อ้างว่า ได้ติดต่อพูดคุยกับหลวงปู่เณรคำโดยตรง ซึ่งทางหลวงปู่เณรคำไม่คิดอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขออโหสิกรรม ไม่เอาเรื่อง ไม่มีการฟ้องร้องใคร และขอแผ่เมตตาให้คนที่กล่าวหาขอให้มีแต่ความเจริญ ส่วนที่เคยกำหนดไว้ว่าจะเดินทางกลับมาประเทศไทยภายในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ขณะนี้ยังไม่แน่ชัด ขึ้นอยู่กับว่าได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ และตนไม่ขอเปิดเผยหลักฐานว่ามีการพูดคุยติดต่อสื่อสารระหว่างตนกับหลวงปู่เณรคำ รวมทั้งที่อยู่ปัจจุบันของหลวงปู่เณรคำว่าอยู่ในประเทศไหน เพราะอาจมีผลต่อสิทธิมนุษยชนของหลวงปู่เณรคำ หากท่านต้องการเปิดเผยก็คงจะเปิดเผยด้วยตัวท่านเอง
