อุบลราชธานี - ตำรวจค้นบ้านเกิดเณรคำ อ.พิบูลมังสาหาร ยึดตู้เซฟใส่เศษพลอย หยก โกเมน หนักกว่า 20 กิโลกรัม น้องชายรับเป็นของพี่ชายจริง ขณะที่แม่ไม่ยอมให้ดีเอสไอเก็บตัวอย่างเลือดไปเปรียบเทียบ ด้าน ม.ราชภัฏอุบลฯ เตรียมเสนอสภามหาวิทยาลัย ขอคืนปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์หากทำผิดจริง
วันนี้ (10 ก.ค.) พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ แสงจันทร์ ผกก.สภ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี นายสุริ สุขผล อายุ 30 ปี น้องชายของพระวิรพล ฉัตติโก นำเศษพลอยหนัก 20.65 กิโลกรัม หยก และโกเมน ซึ่งมีขนาดตั้งแต่หัวนิ้วมือถึงนิ้วก้อย หนักอย่างละ 7 ขีด พร้อมสายรัดเงิน 6 มัด มัดละ 1,000 เส้น แถลงข่าวการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
สืบเนื่องจาก พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ได้รับแจ้งมีการเคลื่อนย้ายตู้เซฟออกจากสำนักสงฆ์ขันติบารมี สาขา 1 บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร เมื่อตอนดึกคืนวันที่ 8 กรกฎาคม จึงให้สายสืบหาแหล่งที่นำไปซุกซ่อน จนเช้าวันนี้ได้นำกำลังเข้าค้นที่บ้านนายสุริ สุขผล น้องชายพระเณรคำที่บ้านท่าค้อ ต.ท่าโพธิ์ศรี อ.พิบูลมังสาหาร แต่ไม่พบ จึงเข้าตรวจค้นที่บ้านพ่อตานายสุริที่หมู่บ้านเดียวกันก็ไม่พบอีก
กระทั่งตอนสายเข้าตรวจค้นที่บ้านนายอภิชาต สมเทพ ญาติฝ่ายแม่ของพระเณรคำ ในหมู่บ้านทรายมูล จึงพบเซฟดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ในห้องนอน เมื่อสอบถามยอมรับว่านายสุรินำมาฝากไว้เมื่อหลายวันก่อน จึงประสานให้นายสุริมาเปิดตู้เซฟออก ตรวจสอบพบของมีค่า และนายสุริรับว่าเป็นของพระเณรคำที่นำมาเก็บไว้ในสำนักสงฆ์ขันติบารมีสาขา 1 นานมาแล้ว จึงลงบันทึกตรวจยึดไว้ และให้ผู้เชี่ยวชาญด้านพลอยมาตรวจสอบหามูลค่าของทรัพย์สินทั้งหมดต่อไป
ส่วนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ผศ.ประชุม ผงผ่าน อธิการบดี กล่าวถึงการถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนาภูมิภาคแด่พระวิรพล ฉัตติโก หรือพระเณรคำ ประจำปีการศึกษา 2551-2552 โดยผู้สมควรได้รับจะต้องเป็นบุคคลที่มีความประพฤติปฏิบัติดีตามข้อบังคับของสภามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
แต่ขณะนี้เกิดข้อมูลในเชิงลบต่อพระวิรพล และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี จึงหารือกับ ดร.พิศิษฐ์ วรอุไร นายกสภามหาวิทยาลัย เรียกประชุมคณะกรรมการในวันที่ 26 กรกฎาคม เพื่อพิจารณาข้อมูลแวดล้อม และข้อมูลที่ได้รับอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่ทำการสอบสวนความผิดของพระวิรพล หากพบมีความผิดจริง สภามหาวิทยาลัยจะทำการถอดปริญญาที่มอบให้คืน
ที่ต้องรอผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ เนื่องจากการถอดถอนปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน มีผลกระทบต่อบุคคล สภามหาวิทยาลัยต้องทำอย่างรอบคอบ จึงต้องอาศัยหลักฐานข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะรับฟังเพียงข่าวสารที่เผยแพร่ผ่านทางสื่อมวลชนอย่างเดียวไม่ได้
ทั้งนี้ หากมหาวิทยาลัยได้ข้อมูลจากคณะสงฆ์ว่าพระวิรพลสิ้นสภาพความเป็นพระ หากไม่มาชี้แจงตามคำสั่งของคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตภายในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ จะมีการปรึกษากับนายกสภามหาวิทยาลัยเพื่อดำเนินการให้เร็วขึ้น เพราะถือว่าพระวิรพลมีความผิดชัดเจนแล้ว ไม่ต้องรอผลการสอบสวนของสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษก็ได้เช่นกัน
คลิกเพื่อชมคลิป