ASTVผู้จัดการรายวัน- "ยิ่งลักษณ์" วอนสื่อและสังคมหยุดกระพือข่าวข้าวเน่า ด้าน"มาร์ค" ยันคนทำให้ข้าวไทยมีปัญหาตัวจริง คือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ บี้พาณิชย์ แจง"จีทูจี" ให้โปร่งใส "หมอวรงค์" เชื่อแผนระบายข้าวไม่เป็นไปตามเป้า "ชวนนท์"เย้ย"ปู" ยังมีหน้ามาขอความร่วมมือกับสังคม ทั้งที่ตัวเองไม่เคยให้ความร่วมมือเลย "สุทธิพงษ์"ไม่มีเจตนาทำลายข้าวไทย “พาณิชย์”เคาะเปิดประมูลข้าวล็อตแรก 3.5 แสนตัน ยื่นซอง 26 ก.ค.
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีข้าวถุงไม่ได้คุณภาพ มีสารปนเปื้อนว่า คงต้องขอความร่วมมือช่วยกันสร้างความมั่นใจ ต้องขอความกรุณา การนำเสนอข่าวที่ให้ความเป็นธรรมบ้าง อย่ามองรวมเป็นข้าวถุง หรือเป็นข้าวไทยหมดทั้งประเทศ ตรงนี้จะทำให้เสียความเชื่อมั่น
เมื่อถามว่า ถ้ายังหยุดข่าวลือไม่ได้จะใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการกับผู้ปล่อยข่าวหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คงต้องดำเนินการ เพราะบางครั้งประเด็นเล็กนิดเดียวก็ไม่ควรไปอยู่บนหน้าหลักของสื่อ ควรจะเอาเรื่องสำหรับคนไทยทั้งประเทศดีกว่า
เมื่อถามถึง กรณีที่ฝ่ายค้านโจมตีเรื่องข้าวเน่าหลายพื้นที่ได้ตรวจสอบหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ตรวจสอบตลอดถ้ามีข้อมูล แต่บางครั้งได้รับข้อมูลจากหน้าสื่อหนังสือพิมพ์ ก็ต้องขอให้เห็นใจเราจริงๆ แล้วบอกเป็นทั้งระบบอันนี้ตรวจสอบได้ยาก แต่ถ้ามีข้อมูลแล้วยื่นมาว่า สถานที่ไหน อย่างไร เราจะตรวจสอบได้ง่ายกว่า
**อ้างฝ่ายค้านบิดเบือนจนประชาชนหลงเชื่อ
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นการเข้าใจผิดเรื่องข้อมูลของสารที่ใช้ในการรมข้าว เพราะที่จริงแล้วเป็นสารเคมีที่ไม่ตกค้าง และมีระยะเวลาอยู่ในข้าวไม่นานก็จะระเหยไป ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ นำมากล่าวโจมตีนั้น ก็ไม่แปลกที่ฝ่ายค้านจะทำการตรวจสอบในเรื่องนี้
นายวราเทพ ยังกล่าวถึงผลสำรวจของดุสิตโพล ที่ระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวทำให้คะแนนเสียงของรัฐบาลลดลงว่า เป็นผลมาจากการบิดเบือนข้อมูลจากฝ่ายตรงข้าม ที่นำมากล่าวโจมตีรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา ทำให้ประชาชนคล้อยตาม ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งชี้แจง เพื่อสร้างความชัดเจนให้กับประชาชน
** "มาร์ค"ท้า"ปู"แจ้งจับฐานปูดข้าวเน่า
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ปล่อยข่าวข้าวเน่าว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านพูดเป็นข้อเท็จจริง เช่น กรณีที่ จ.พังงา นายกรัฐมนตรีน่าจะไปเตือนคนของตัวเองมากกว่าที่ออกมาบอกว่า เป็นการเล่นการเมือง นายกฯน่าจะแยกแยะ เพราะเรื่องจริงก็คือเรื่องจริง วิธีการที่จะฟ้องร้องคนที่พูดความจริง เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะปัญหาการทุจริต ผลกระทบที่เกิดกับข้าว รัฐบาลกลับไม่ใส่ใจ แต่พยายามหาเรื่องทางการเมือง พวกตนยืนยันและเตือนมานานแล้วเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดกับข้าว และก็เกิดขึ้นจริง ถ้าไม่เกิดขึ้นจริง คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. และ ครม.คงไม่ประชุมกันหลายครั้ง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลชุดนี้กำลังทำลายอุตสาหกรรมข้าวไทย รัฐบาลนี้ที่ใช้นโยบายผิด เพราะเวลานี้การค้าขายข้าวไม่ปกติ จากการที่รัฐบาลเป็นผู้ถือสต็อกข้าวมากมายมหาศาล กลไกการค้าขายข้าวตามปกติถูกทำลายลง เป็นสภาพที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่รัฐบาลเริ่มต้นจำนำสูงกว่าราคาตลาด จนต้องมาฟื้นฟูในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ขณะนี้สภาพนี้ก็กลับมาเหมือนเดิมอีก ทำให้กลไกการค้าขายข้าวถูกทำลายลง รัฐบาลควรแก้ไขตรงนี้มากกว่า
ส่วนกรณีที่มีร้านอาหารในต่างประเทศหลายแห่งติดป้ายไม่เสริฟข้าวไทยนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเป็นห่วง และรัฐบาลต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาพื้นฐานคือ ข้าวที่รัฐบาลมีอยู่จะทำอย่างไรให้เกิดความโปร่งใส แม้ว่ารัฐบาลจะบอกว่าจะมีการระบายข้าวให้ได้เดือนละ 5 แสน - 1 ล้านตันต่อเดือน แต่ก็ยังไม่ทันกับการเก็บเข้ามา และที่ผ่านมาก็ทำไม่ได้จริง ดังนั้น ที่บอกว่าจะขายได้ 6 ล้านตัน ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้แต่สัญญาก็มีไม่ถึง และใน 6 ล้านตันที่เสนอ กขช.เกือบทั้งหมดอ้างเป็นจีทูจี ซึ่งก็มีปัญหาอยู่ และที่ผ่านมาการระบายข้าวก็มักมีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้น ดังนั้น เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐมนตรีใหม่เข้าไปดูแล และมีการรับปากว่าจะเปิดเผยว่า ขายใคร ปริมาณเท่าไร ก็ต้องทำ แม้ว่าจะไม่บอกว่า แต่ละล็อตขายในราคาเท่าไร แต่ก็ต้องมีตัวเลขโปร่งใส ว่าเงินเข้ามาเท่าไร ไม่เช่นนั้นก็ปิดบัญชีประเมินโครงการไมได้ การอ้างว่าจีทูจี เปิดเผยไม่ได้ เป็นความลับนั้น สุดท้ายก็ต้องเปิดเผยรายได้ของรัฐบาลอยู่ดี และ จีทูจีก็ต้องเปิดเผยว่า ขายให้ใคร อย่างไร
**เชื่อจำนำข้าวจบไม่สวย
สำหรับการติดตามพิรุธเรื่องเช็ค จีทูจี 8 หมื่นบาทนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้องทำต่อ เพราะพรรคเป็นผู้ยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.ตรวจสอบมาตั้งแต่ต้น โดยเชื่อว่ามีคนจำนวนมากพร้อมให้ข้อมูลกับป.ป.ช. จึงขอให้ทำให้เสร็จ ซึ่งฝ่ายค้านเคยพูดมาก่อนหน้านี้แล้วว่า ไม่ใช่การขายแบบจีทูจีจริง แต่เป็นการใข้จีทูจีบังหน้า เพื่อขายข้าวกันภายในประเทศ ซึ่งเคยมีการอภิปรายไปแล้ว นายกรัฐมนตรีก็รับทราบ แต่กลับไม่เคยดำเนินการใดๆ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เห็นตัวเลขการส่งออกข้าวที่สอดรับกับการอ้างว่าขายแบบจีทูจีไปก่อนหน้านี้
ดังนั้น หากยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนออกมา ก็จะยังอยู่ในสภาพเดิม คือรัฐบาลไม่ได้ขยับเปลี่ยนแปลง หรือแก้ปัญหาเลย ตั้งแต่การเปิดเผยตัวเลขความเสียหาย มีแต่การขยับว่า จะลดราคาจำนำ สุดท้ายกลับไปรับจำนำราคาเดิม ซึ่งพรรคก็บอกว่าไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหาที่ตรงกับประเด็นที่สังคมเรียกร้องให้แก้ไข ทั้งนี้ตนก็หวังว่า ป.ป.ช. จะเร่งสรุปคดีนี้ เพราะถ้าสรุปออกมา ก็จะเป็นตัวที่ทำให้รัฐบาลต้องดูว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร แต่ถ้าปล่อยทิ้งไปเรื่อยๆ ปัญหาจะถูกสะสมมากขึ้น และจังหวะเดือนตุลาคมที่รัฐบาลต้องกำหนดแนวทางสำหรับฤดูกาลใหม่ จะได้สอดรับกับความจำเป็นในการแก้ปัญหาการทุจริตด้วย
** "หมอวรงค์"จี้เคลียร์จีทูจี
เมื่อเวลา 10.30 น.วานนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พร้อมด้วย นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมายังตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล เพื่อสาธิตการซุกข้าวเน่า หรือเรียกว่า การหยอดข้าวลงหลุม ให้ทีมงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีดู แต่ช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีใครอยู่ เนื่องจากนายกรัฐมนตรี และทีมงานโฆษกฯ ต่างติดภารกิจทัวร์นกขมิ้นอยู่ที่ จ.มหาสารคาม ทำให้ นพ.วรงค์ นัดหมายผ่านทางเจ้าหน้าที่ว่า จะมาพบกับทีมโฆษกรัฐบาลอีกครั้ง ในวันที่ 17 ก.ค. เวลา 10.00 น.
นพ.วรงค์ ยังกล่าวถึงการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ว่า ในอดีตสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีการเปิดเผย ทั้งราคาและประเทศผู้ซื้อ แต่รัฐบาลนี้กลับไม่มีการเปิดเผย จึงอยากให้จับตาดูว่า หลังรัฐบาลประกาศจะระบายข้าวเดือนละ 5 แสน -1ล้านตันนั้น ถามว่าจะมีพ่อค้าคนไหนมาซื้อ เพราะรู้อยู่แล้วว่า เดือนนี้ไม่ต้องแข่งราคา เพราะเดือนต่อไปก็จะมีการระบายอีก
"ชวนนท์"เย้ย"ปู"ยังมีหน้ามาขอความร่วมมือ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมาขอความร่วมมือทุกภาคส่วนในสังคม ให้สนับสนุนรัฐบาลในการผลักดันโครงการรับจำนำข้าว, พ.ร.บ.กู้เงิน 3.5 แสนล้าน และ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ว่า ตนเชื่อว่าทุกคนในประเทศยินดีให้ความร่วมมือหากนายกฯ ปฏิบัติตามระเบียบของบ้านเมือง ซึ่งปัญหาขณะนี้คือ รัฐบาลเองไม่ให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วน
ทั้งนี้ ตนคิดว่าประชาชนอยากขอความร่วมมือจากนายกฯ ใน 8 เรื่อง คือ
1. การเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าว ที่ก่อนหน้านี้ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานนะประธานคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการฯ ออกมาเปิดเผยตัวเลขการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวทั้ง 3 ฤดูกาล เป็นเงินสูงถึง 2.6 แสนล้านบาท จึงอยากถามว่า นายกฯเคยสนับสนุนการเปิดเผยข้อมูลของ น.ส.สุภา หรือไม่
2.การทุจริตในโครงการจำนำข้าว ทั้งการสวมสิทธิ์ จดทะเบียนเกษตรกรปลอม เวียนเทียน รวมทั้งการขายข้าวแบบจีทูจี แบบปกปิด มีการจ่ายเช็คย่อย ซึ่งนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ก็ออกมาบอกชัดว่า การขายลักษณะดังกล่าวไม่ใช่ จีทูจี แต่เป็นการขายให้ผู้ค้าข้าวในประเทศเพื่อไปเก็งกำไร
3. เรื่องข้าวเน่าที่รัฐบาลพยายามปิดปากประชาชน โดยนายกฯ ก็ออกมาขู่จะเอาผิดทางกฎหมายกับผู้ที่ออกมาปล่อยข่าวเรื่องนี้ ทั้งที่ข้าวเน่าเกิดขึ้นจริง หากนายกฯ อยากจะเอาผิดกับคนปล่อยข่าว ก็ควรไปเอาผิดกับนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่เอาข้าวเน่าไปแจกให้กับผู้ประสบอุทกภัยใน จ.พังงา
4. การบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลไม่สามารถเดินได้ เพราะ นายกฯและรัฐบาลเอง ที่ไม่ให้ความร่วมมือกับประชาชน
5. พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ที่ฝ่ายค้านออกมาคัดค้าน แต่นายกฯ กลับไม่รับฟัง และขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งที่มีนักวิชาการออกมาเตือนรัฐบาลว่า กฎหมายดึงกล่าวอาจขัดรัฐธรรมนูญ
6. ผู้ตรวจการแผ่นดินมีคำสั่งว่า การออกหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ของกระทรวงการต่างประเทศนั้น ขัดกับระเบียบกระทรวง ซึ่งผู้ตรวจการ มีการทำหนังสือไปถึง รมว.ต่างประเทศ และนายกฯแล้ว เกือบปี แต่จนบัดนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ
7. เรื่องคลิปเสียงที่นายกฯ ขอความร่วมมือว่าอย่านำมาเป็นประเด็นนั้น ประชาชนก็อยากขอความร่วมมือจากนายกฯว่า ควรสั่งการให้มีการตรวจสอบ พิสูจน์ว่า คลิปเสียงดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่
8. เรื่องค่าครองชีพลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ที่พรรคเพื่อไทยกำหนดเป็นวาระสำคัญในการหาเสียงเลือกตั้ง แต่พอได้รับเลือกตั้งมาแล้ว 2 ปี วันนี้รัฐบาลกลับจะมีการขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม ราคาน้ำมัน
**"สุทธิพงษ์"ไม่มีเจตนาทำลายข้าวไทย
เมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) เวลาประมาณ 14.00 น. นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ผู้ดำเนินรายการ คนค้นฅน และผู้บริหาร บริษัท ทีวีบูรพา จำกัด รวมทั้งผู้บริหารของบริษัท เจเอสแอล โกลบอล มีเดีย จำกัด ได้เดินทางมาพบนายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อหารือเกี่ยวกับกรณีการโพสต์ข้อความข้าวไทยมีสารพิษและการหารือถึงแนวทางเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมข้าวไทย โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
นายยรรยงกล่าวภายหลังการหารือว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกัน มีความเชื่อว่า ทั้งนายสุทธิพงษ์ ทีวีบูรพา และเจเอสแอล ไม่มีเจตนาพิเศษในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เมื่อมีผลเกิดขึ้น คุณสุทธิพงษ์ และเจเอสแอล ได้เปิดใจที่จะช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือรัฐบาล และช่วยเหลืออุตสาหกรรมข้าวทั้งระบบ ในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นอยากให้กลับมาเท่าเดิมหรือดีขึ้นกว่าเดิม โดยใช้สื่อที่คุณสุทธิพงษ์และเจเอสแอลมี ส่วนจะทำในรูปแบบไหน คุณสุทธิพงษ์และเจเอสแอลขอเวลาไปจัดทำแผนมาเสนออีกครั้ง”นายยรรยงกล่าว
ส่วนกรณีที่นายสุทธิพงษ์ มีการจำหน่ายข้าวถุงคุณธรรม และไปกล่าวหาข้าวถุงยี่ห้ออื่น นายยรรยง กล่าวว่า คงไม่ได้มีเจตนาถึงขนาดนั้น เพราะถ้ามีเจตนาร้าย คงไม่อาสาเข้ามาฟื้นฟู และเห็นว่า การขัดแย้ง การเผชิญหน้า ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง แต่สิ่งที่ควรทำมากที่สุด คือ การฟื้นฟู
นายสุทธิพงษ์กล่าวว่า หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น ได้พยายามติดต่อทุกเจ้าที่มีชื่อปรากฏ เพื่อแสดงเจตนาไปพบ แต่ที่ช้า เพราะหลายๆ รายมีขั้นตอนในการขอเข้าพบ หรือเป็นองค์กรใหญ่ และได้ขอเข้าพบนายยรรยง
ซึ่งไม่ได้มาขอให้ช่วยเหลือในเรื่องที่ตนเองได้รับผลกระทบทางคดีความ แต่ได้มาเรียนว่ากระทำไปด้วยเจตนาอะไร
ทั้งนี้ ในการหารือ ได้เสนอแผนที่จะช่วยเยียวยา โดยจะกลับไปคิดร่วมกับเจเอสแอล ในการใช้สื่อที่มีอยู่ทั้งหมด ซึ่งแผนที่จะนำเสนอจะทำเสนอเข้ามาหลังจากที่ได้ไปหารือพูดคุยกับผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดแล้ว ส่วนการใช้สื่อของรายการคนค้นฅน หรือกบนอกกะลา เป็นรายการที่มีเอ็มโอยูกับช่องอยู่แล้ว จะไปขออนุญาตจากช่องก่อน รวมทั้งเมื่อได้ข้อสรุปจากการหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ก็จะใช้ช่องทางเฟซบุ๊กในการชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย
***เคาะประมูลข้าวล็อตแรก3.5แสนตัน
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการระบายข้าวสาร ได้อนุมัติการเปิดประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลที่ได้จากโครงการรับจำนำฤดูกาล 2554/55 แบ่งเป็น 2 ล็อต ได้แก่ ข้าวสารเจ้า 5% ปริมาณ 1.5 แสนตันเศษ เพื่อใช้ในการส่งออก และข้าวปลายข้าวสารเจ้า เอ วัน เลิศ ปริมาณ 2 แสนตัน เพื่อใช้ในประเทศและการส่งออก โดยให้ผู้ประกอบการที่สนใจยื่นซองประกวดราคาในวันที่ 26 ก.ค. และจะเปิดซองประกวดราคาในวันที่ 29 ก.ค. ส่วนข้าวเปลือก จะเปิดประมูลประมาณ 2 แสนตัน คาดว่าจะประกาศทีโออาร์ได้ภายใน 1-2 วันนี้
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์การเปิดประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาลล็อตนี้ จะขายแบบหน้าคลังสินค้า โดยผู้ประกอบการที่สนใจต้องเสนอราคาเข้ามาเป็นเงินบาท โดยคณะอนุกรรมการระบายข้าวสาร จะมีราคากลางเป็นเกณฑ์ไว้ เพื่อต่อรองราคากับผู้ประเสนอราคาเข้ามา ซึ่งราคากลางจะยึดราคาตลาดปัจจุบันเป็นหลัก
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีข้าวถุงไม่ได้คุณภาพ มีสารปนเปื้อนว่า คงต้องขอความร่วมมือช่วยกันสร้างความมั่นใจ ต้องขอความกรุณา การนำเสนอข่าวที่ให้ความเป็นธรรมบ้าง อย่ามองรวมเป็นข้าวถุง หรือเป็นข้าวไทยหมดทั้งประเทศ ตรงนี้จะทำให้เสียความเชื่อมั่น
เมื่อถามว่า ถ้ายังหยุดข่าวลือไม่ได้จะใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการกับผู้ปล่อยข่าวหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คงต้องดำเนินการ เพราะบางครั้งประเด็นเล็กนิดเดียวก็ไม่ควรไปอยู่บนหน้าหลักของสื่อ ควรจะเอาเรื่องสำหรับคนไทยทั้งประเทศดีกว่า
เมื่อถามถึง กรณีที่ฝ่ายค้านโจมตีเรื่องข้าวเน่าหลายพื้นที่ได้ตรวจสอบหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ตรวจสอบตลอดถ้ามีข้อมูล แต่บางครั้งได้รับข้อมูลจากหน้าสื่อหนังสือพิมพ์ ก็ต้องขอให้เห็นใจเราจริงๆ แล้วบอกเป็นทั้งระบบอันนี้ตรวจสอบได้ยาก แต่ถ้ามีข้อมูลแล้วยื่นมาว่า สถานที่ไหน อย่างไร เราจะตรวจสอบได้ง่ายกว่า
**อ้างฝ่ายค้านบิดเบือนจนประชาชนหลงเชื่อ
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นการเข้าใจผิดเรื่องข้อมูลของสารที่ใช้ในการรมข้าว เพราะที่จริงแล้วเป็นสารเคมีที่ไม่ตกค้าง และมีระยะเวลาอยู่ในข้าวไม่นานก็จะระเหยไป ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ นำมากล่าวโจมตีนั้น ก็ไม่แปลกที่ฝ่ายค้านจะทำการตรวจสอบในเรื่องนี้
นายวราเทพ ยังกล่าวถึงผลสำรวจของดุสิตโพล ที่ระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวทำให้คะแนนเสียงของรัฐบาลลดลงว่า เป็นผลมาจากการบิดเบือนข้อมูลจากฝ่ายตรงข้าม ที่นำมากล่าวโจมตีรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา ทำให้ประชาชนคล้อยตาม ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งชี้แจง เพื่อสร้างความชัดเจนให้กับประชาชน
** "มาร์ค"ท้า"ปู"แจ้งจับฐานปูดข้าวเน่า
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ปล่อยข่าวข้าวเน่าว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านพูดเป็นข้อเท็จจริง เช่น กรณีที่ จ.พังงา นายกรัฐมนตรีน่าจะไปเตือนคนของตัวเองมากกว่าที่ออกมาบอกว่า เป็นการเล่นการเมือง นายกฯน่าจะแยกแยะ เพราะเรื่องจริงก็คือเรื่องจริง วิธีการที่จะฟ้องร้องคนที่พูดความจริง เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะปัญหาการทุจริต ผลกระทบที่เกิดกับข้าว รัฐบาลกลับไม่ใส่ใจ แต่พยายามหาเรื่องทางการเมือง พวกตนยืนยันและเตือนมานานแล้วเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดกับข้าว และก็เกิดขึ้นจริง ถ้าไม่เกิดขึ้นจริง คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. และ ครม.คงไม่ประชุมกันหลายครั้ง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลชุดนี้กำลังทำลายอุตสาหกรรมข้าวไทย รัฐบาลนี้ที่ใช้นโยบายผิด เพราะเวลานี้การค้าขายข้าวไม่ปกติ จากการที่รัฐบาลเป็นผู้ถือสต็อกข้าวมากมายมหาศาล กลไกการค้าขายข้าวตามปกติถูกทำลายลง เป็นสภาพที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่รัฐบาลเริ่มต้นจำนำสูงกว่าราคาตลาด จนต้องมาฟื้นฟูในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ขณะนี้สภาพนี้ก็กลับมาเหมือนเดิมอีก ทำให้กลไกการค้าขายข้าวถูกทำลายลง รัฐบาลควรแก้ไขตรงนี้มากกว่า
ส่วนกรณีที่มีร้านอาหารในต่างประเทศหลายแห่งติดป้ายไม่เสริฟข้าวไทยนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเป็นห่วง และรัฐบาลต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาพื้นฐานคือ ข้าวที่รัฐบาลมีอยู่จะทำอย่างไรให้เกิดความโปร่งใส แม้ว่ารัฐบาลจะบอกว่าจะมีการระบายข้าวให้ได้เดือนละ 5 แสน - 1 ล้านตันต่อเดือน แต่ก็ยังไม่ทันกับการเก็บเข้ามา และที่ผ่านมาก็ทำไม่ได้จริง ดังนั้น ที่บอกว่าจะขายได้ 6 ล้านตัน ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้แต่สัญญาก็มีไม่ถึง และใน 6 ล้านตันที่เสนอ กขช.เกือบทั้งหมดอ้างเป็นจีทูจี ซึ่งก็มีปัญหาอยู่ และที่ผ่านมาการระบายข้าวก็มักมีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้น ดังนั้น เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐมนตรีใหม่เข้าไปดูแล และมีการรับปากว่าจะเปิดเผยว่า ขายใคร ปริมาณเท่าไร ก็ต้องทำ แม้ว่าจะไม่บอกว่า แต่ละล็อตขายในราคาเท่าไร แต่ก็ต้องมีตัวเลขโปร่งใส ว่าเงินเข้ามาเท่าไร ไม่เช่นนั้นก็ปิดบัญชีประเมินโครงการไมได้ การอ้างว่าจีทูจี เปิดเผยไม่ได้ เป็นความลับนั้น สุดท้ายก็ต้องเปิดเผยรายได้ของรัฐบาลอยู่ดี และ จีทูจีก็ต้องเปิดเผยว่า ขายให้ใคร อย่างไร
**เชื่อจำนำข้าวจบไม่สวย
สำหรับการติดตามพิรุธเรื่องเช็ค จีทูจี 8 หมื่นบาทนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้องทำต่อ เพราะพรรคเป็นผู้ยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.ตรวจสอบมาตั้งแต่ต้น โดยเชื่อว่ามีคนจำนวนมากพร้อมให้ข้อมูลกับป.ป.ช. จึงขอให้ทำให้เสร็จ ซึ่งฝ่ายค้านเคยพูดมาก่อนหน้านี้แล้วว่า ไม่ใช่การขายแบบจีทูจีจริง แต่เป็นการใข้จีทูจีบังหน้า เพื่อขายข้าวกันภายในประเทศ ซึ่งเคยมีการอภิปรายไปแล้ว นายกรัฐมนตรีก็รับทราบ แต่กลับไม่เคยดำเนินการใดๆ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เห็นตัวเลขการส่งออกข้าวที่สอดรับกับการอ้างว่าขายแบบจีทูจีไปก่อนหน้านี้
ดังนั้น หากยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนออกมา ก็จะยังอยู่ในสภาพเดิม คือรัฐบาลไม่ได้ขยับเปลี่ยนแปลง หรือแก้ปัญหาเลย ตั้งแต่การเปิดเผยตัวเลขความเสียหาย มีแต่การขยับว่า จะลดราคาจำนำ สุดท้ายกลับไปรับจำนำราคาเดิม ซึ่งพรรคก็บอกว่าไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหาที่ตรงกับประเด็นที่สังคมเรียกร้องให้แก้ไข ทั้งนี้ตนก็หวังว่า ป.ป.ช. จะเร่งสรุปคดีนี้ เพราะถ้าสรุปออกมา ก็จะเป็นตัวที่ทำให้รัฐบาลต้องดูว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร แต่ถ้าปล่อยทิ้งไปเรื่อยๆ ปัญหาจะถูกสะสมมากขึ้น และจังหวะเดือนตุลาคมที่รัฐบาลต้องกำหนดแนวทางสำหรับฤดูกาลใหม่ จะได้สอดรับกับความจำเป็นในการแก้ปัญหาการทุจริตด้วย
** "หมอวรงค์"จี้เคลียร์จีทูจี
เมื่อเวลา 10.30 น.วานนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พร้อมด้วย นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมายังตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล เพื่อสาธิตการซุกข้าวเน่า หรือเรียกว่า การหยอดข้าวลงหลุม ให้ทีมงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีดู แต่ช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีใครอยู่ เนื่องจากนายกรัฐมนตรี และทีมงานโฆษกฯ ต่างติดภารกิจทัวร์นกขมิ้นอยู่ที่ จ.มหาสารคาม ทำให้ นพ.วรงค์ นัดหมายผ่านทางเจ้าหน้าที่ว่า จะมาพบกับทีมโฆษกรัฐบาลอีกครั้ง ในวันที่ 17 ก.ค. เวลา 10.00 น.
นพ.วรงค์ ยังกล่าวถึงการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ว่า ในอดีตสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีการเปิดเผย ทั้งราคาและประเทศผู้ซื้อ แต่รัฐบาลนี้กลับไม่มีการเปิดเผย จึงอยากให้จับตาดูว่า หลังรัฐบาลประกาศจะระบายข้าวเดือนละ 5 แสน -1ล้านตันนั้น ถามว่าจะมีพ่อค้าคนไหนมาซื้อ เพราะรู้อยู่แล้วว่า เดือนนี้ไม่ต้องแข่งราคา เพราะเดือนต่อไปก็จะมีการระบายอีก
"ชวนนท์"เย้ย"ปู"ยังมีหน้ามาขอความร่วมมือ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมาขอความร่วมมือทุกภาคส่วนในสังคม ให้สนับสนุนรัฐบาลในการผลักดันโครงการรับจำนำข้าว, พ.ร.บ.กู้เงิน 3.5 แสนล้าน และ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ว่า ตนเชื่อว่าทุกคนในประเทศยินดีให้ความร่วมมือหากนายกฯ ปฏิบัติตามระเบียบของบ้านเมือง ซึ่งปัญหาขณะนี้คือ รัฐบาลเองไม่ให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วน
ทั้งนี้ ตนคิดว่าประชาชนอยากขอความร่วมมือจากนายกฯ ใน 8 เรื่อง คือ
1. การเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าว ที่ก่อนหน้านี้ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานนะประธานคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการฯ ออกมาเปิดเผยตัวเลขการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวทั้ง 3 ฤดูกาล เป็นเงินสูงถึง 2.6 แสนล้านบาท จึงอยากถามว่า นายกฯเคยสนับสนุนการเปิดเผยข้อมูลของ น.ส.สุภา หรือไม่
2.การทุจริตในโครงการจำนำข้าว ทั้งการสวมสิทธิ์ จดทะเบียนเกษตรกรปลอม เวียนเทียน รวมทั้งการขายข้าวแบบจีทูจี แบบปกปิด มีการจ่ายเช็คย่อย ซึ่งนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ก็ออกมาบอกชัดว่า การขายลักษณะดังกล่าวไม่ใช่ จีทูจี แต่เป็นการขายให้ผู้ค้าข้าวในประเทศเพื่อไปเก็งกำไร
3. เรื่องข้าวเน่าที่รัฐบาลพยายามปิดปากประชาชน โดยนายกฯ ก็ออกมาขู่จะเอาผิดทางกฎหมายกับผู้ที่ออกมาปล่อยข่าวเรื่องนี้ ทั้งที่ข้าวเน่าเกิดขึ้นจริง หากนายกฯ อยากจะเอาผิดกับคนปล่อยข่าว ก็ควรไปเอาผิดกับนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่เอาข้าวเน่าไปแจกให้กับผู้ประสบอุทกภัยใน จ.พังงา
4. การบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลไม่สามารถเดินได้ เพราะ นายกฯและรัฐบาลเอง ที่ไม่ให้ความร่วมมือกับประชาชน
5. พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ที่ฝ่ายค้านออกมาคัดค้าน แต่นายกฯ กลับไม่รับฟัง และขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งที่มีนักวิชาการออกมาเตือนรัฐบาลว่า กฎหมายดึงกล่าวอาจขัดรัฐธรรมนูญ
6. ผู้ตรวจการแผ่นดินมีคำสั่งว่า การออกหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ของกระทรวงการต่างประเทศนั้น ขัดกับระเบียบกระทรวง ซึ่งผู้ตรวจการ มีการทำหนังสือไปถึง รมว.ต่างประเทศ และนายกฯแล้ว เกือบปี แต่จนบัดนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ
7. เรื่องคลิปเสียงที่นายกฯ ขอความร่วมมือว่าอย่านำมาเป็นประเด็นนั้น ประชาชนก็อยากขอความร่วมมือจากนายกฯว่า ควรสั่งการให้มีการตรวจสอบ พิสูจน์ว่า คลิปเสียงดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่
8. เรื่องค่าครองชีพลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ที่พรรคเพื่อไทยกำหนดเป็นวาระสำคัญในการหาเสียงเลือกตั้ง แต่พอได้รับเลือกตั้งมาแล้ว 2 ปี วันนี้รัฐบาลกลับจะมีการขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม ราคาน้ำมัน
**"สุทธิพงษ์"ไม่มีเจตนาทำลายข้าวไทย
เมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) เวลาประมาณ 14.00 น. นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ผู้ดำเนินรายการ คนค้นฅน และผู้บริหาร บริษัท ทีวีบูรพา จำกัด รวมทั้งผู้บริหารของบริษัท เจเอสแอล โกลบอล มีเดีย จำกัด ได้เดินทางมาพบนายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อหารือเกี่ยวกับกรณีการโพสต์ข้อความข้าวไทยมีสารพิษและการหารือถึงแนวทางเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมข้าวไทย โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
นายยรรยงกล่าวภายหลังการหารือว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกัน มีความเชื่อว่า ทั้งนายสุทธิพงษ์ ทีวีบูรพา และเจเอสแอล ไม่มีเจตนาพิเศษในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เมื่อมีผลเกิดขึ้น คุณสุทธิพงษ์ และเจเอสแอล ได้เปิดใจที่จะช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือรัฐบาล และช่วยเหลืออุตสาหกรรมข้าวทั้งระบบ ในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นอยากให้กลับมาเท่าเดิมหรือดีขึ้นกว่าเดิม โดยใช้สื่อที่คุณสุทธิพงษ์และเจเอสแอลมี ส่วนจะทำในรูปแบบไหน คุณสุทธิพงษ์และเจเอสแอลขอเวลาไปจัดทำแผนมาเสนออีกครั้ง”นายยรรยงกล่าว
ส่วนกรณีที่นายสุทธิพงษ์ มีการจำหน่ายข้าวถุงคุณธรรม และไปกล่าวหาข้าวถุงยี่ห้ออื่น นายยรรยง กล่าวว่า คงไม่ได้มีเจตนาถึงขนาดนั้น เพราะถ้ามีเจตนาร้าย คงไม่อาสาเข้ามาฟื้นฟู และเห็นว่า การขัดแย้ง การเผชิญหน้า ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง แต่สิ่งที่ควรทำมากที่สุด คือ การฟื้นฟู
นายสุทธิพงษ์กล่าวว่า หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น ได้พยายามติดต่อทุกเจ้าที่มีชื่อปรากฏ เพื่อแสดงเจตนาไปพบ แต่ที่ช้า เพราะหลายๆ รายมีขั้นตอนในการขอเข้าพบ หรือเป็นองค์กรใหญ่ และได้ขอเข้าพบนายยรรยง
ซึ่งไม่ได้มาขอให้ช่วยเหลือในเรื่องที่ตนเองได้รับผลกระทบทางคดีความ แต่ได้มาเรียนว่ากระทำไปด้วยเจตนาอะไร
ทั้งนี้ ในการหารือ ได้เสนอแผนที่จะช่วยเยียวยา โดยจะกลับไปคิดร่วมกับเจเอสแอล ในการใช้สื่อที่มีอยู่ทั้งหมด ซึ่งแผนที่จะนำเสนอจะทำเสนอเข้ามาหลังจากที่ได้ไปหารือพูดคุยกับผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดแล้ว ส่วนการใช้สื่อของรายการคนค้นฅน หรือกบนอกกะลา เป็นรายการที่มีเอ็มโอยูกับช่องอยู่แล้ว จะไปขออนุญาตจากช่องก่อน รวมทั้งเมื่อได้ข้อสรุปจากการหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ก็จะใช้ช่องทางเฟซบุ๊กในการชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย
***เคาะประมูลข้าวล็อตแรก3.5แสนตัน
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการระบายข้าวสาร ได้อนุมัติการเปิดประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลที่ได้จากโครงการรับจำนำฤดูกาล 2554/55 แบ่งเป็น 2 ล็อต ได้แก่ ข้าวสารเจ้า 5% ปริมาณ 1.5 แสนตันเศษ เพื่อใช้ในการส่งออก และข้าวปลายข้าวสารเจ้า เอ วัน เลิศ ปริมาณ 2 แสนตัน เพื่อใช้ในประเทศและการส่งออก โดยให้ผู้ประกอบการที่สนใจยื่นซองประกวดราคาในวันที่ 26 ก.ค. และจะเปิดซองประกวดราคาในวันที่ 29 ก.ค. ส่วนข้าวเปลือก จะเปิดประมูลประมาณ 2 แสนตัน คาดว่าจะประกาศทีโออาร์ได้ภายใน 1-2 วันนี้
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์การเปิดประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาลล็อตนี้ จะขายแบบหน้าคลังสินค้า โดยผู้ประกอบการที่สนใจต้องเสนอราคาเข้ามาเป็นเงินบาท โดยคณะอนุกรรมการระบายข้าวสาร จะมีราคากลางเป็นเกณฑ์ไว้ เพื่อต่อรองราคากับผู้ประเสนอราคาเข้ามา ซึ่งราคากลางจะยึดราคาตลาดปัจจุบันเป็นหลัก