หน.ปชป.ยันฝ่ายค้านพูดจริงข้าวเน่า ปภ.ยังยืนยัน ไล่นายกฯ ตบปากลูกพรรคอ้างแต่เล่นการเมือง ชี้ไม่จริงคงไม่ถกถี่ๆ รบ.คงใช้ กม.เอาคืน ซัดต้นตอล้มข้าว ทำลายอุตสาหกรรมกลไกค้า ตอกขู่จับคนแฉปัญหาไม่จบ ย้ำข้าวต้องมีอนาคต ห่วงต่างชาติไม่เสิร์ฟข้าวไทย จี้แก้พื้นฐานสร้างความโปร่งใส ย้อนระบายข้าวไม่เคยได้ตามเป้า ย้ำต้องเผยตัวเลขจีทูจี เชื่อใช้เป็นฉากเอื้อโกง หวัง ป.ป.ช.รีบสรุปคดี หยุดความเสียหาย รับชิงตลาดคืนไม่ง่าย
วันนี้ (15 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ปล่อยข่าวข้าวเน่าว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านพูดเป็นข้อเท็จจริง เช่น กรณีที่ จ.พังงา นายกรัฐมนตรีน่าจะไปเตือนคนของตัวเองมากกว่าที่ออกมาบอกว่าเป็นการเล่นการเมือง แต่สุดท้ายกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยก็ออกมายอมรับว่าเป็นเรื่องจริง นายกฯ น่าจะแยกแยะเพราะเรื่องจริงก็คือเรื่องจริง วิธีการทำที่จะใช้การฟ้องร้องคนที่พูดความจริงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงเพราะปัญหาการทุจริต ผลกระทบที่เกิดกับข้าว รัฐบาลกลับไม่ใส่ใจ แต่พยายามหาเรื่องทางการเมือง พวกตนยืนยันและเตือนมานานแล้วเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดกับข้าวและก็เกิดขึ้นจริง ถ้าไม่เกิดขึ้นจริงคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. และครม.คงไม่ประชุมกันหลายครั้ง ถึงขั้นครั้งหนึ่งมีการลดราคาจำนำข้าวด้วย เพราะฉะนั้นนายกน่าจะกลับไปดูสิ่งที่เป็นปัญหากระทบส่วนรวม ถ้าสมมติฝ่ายค้านพูดไม่จริงทำผิดกฎหมายพวกท่านก็ดำเนินการอยู่แล้ว ตนไม่เห็นว่ามีเรื่องไหนที่รัฐบาลละเว้นอยู่แล้ว
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า รัฐบาลชุดนี้กำลังทำลายอุตสาหกรรมข้าวไทย ทำให้ข้าวไทยแข่งขันไม่ได้ มีปัญหา ตนจึงยืนยันว่าคนล้มข้าวตัวจริงคือรัฐบาลนี้ที่ใช้นโยบายผิด ทั้งที่มีวิธีการช่วยเหลือเกษตรกรได้โดยไม่ทำให้เกิดความเสียหาย เพียงแต่วิธีการนั้นไม่มีเงินเหลือเป็นเท่าตัวมาสนุกสนานสำหรับคนที่ไม่ใช่เกษตรกร เพราะเวลานี้การค้าขายข้าวไม่ปกติจากการที่รัฐบาลเป็นผู้ถือสต็อคข้าวมากมายมหาศาล กลไกการค้าขายข้าวตามปกติถูกทำลายลง เป็นสภาพที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่รัฐบาลเริ่มต้นจำนำสูงกว่าราคาตลาด จนต้องมาฟื้นฟูในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ขณะนี้สภาพนี้ก็กลับมาเหมือนเดิมอีก ทำให้กลไกการค้าขายข้าวถูกทำลายลง รัฐบาลควรแก้ไขตรงนี้มากกว่า
“การที่นายกฯ ออกมาขู่ว่าจะดำเนินคดีกับคนที่พูดเรื่องข้าวเน่าหยุดปัญหาเรื่องคุณภาพข้าวไม่ได้ และไม่ว่าจะเป็นนายกฯ รัฐมนตรีหรือใครก็ตามที่พยายามจะบอกให้ทุกคนไม่พูดเรื่องนี้ ปัญหาไม่หายไปจากการหยุดพูด แต่ต้องแก้ที่ให้คนสร้างปัญหาหยุดทำ เพราะฉะนั้นต้องกลับไปดูว่าจะแก้ปัญหาที่สะสมมาอย่างไร พวกเราต้องให้ข้าวไทยมีอนาคต ขายได้ เพราะทุกสุดชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนาต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของข้าวไทยในการแข่งขันด้วย” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ส่วนกรณีที่มีร้านอาหารในต่างประเทศหลายแห่งติดป้ายไม่เสิร์ฟข้าวไทยนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเป็นห่วง และรัฐบาลต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาพื้นฐาน คือ ข้าวที่รัฐบาลมีอยู่จะทำอย่างไรให้เกิดความโปร่งใส ทั้งในแง่ปริมาณ คุณภาพ ไม่มีการไปสวม เวียนเทียน เอาสิ่งไม่ดีไปแทนสิ่งดี สิ่งดีไปแทนสิ่งไม่ดี และต้องยอมรับการตรวจสอบ ขณะเดียวกันต้องทบทวนนโยบายหลักที่ยังเก็บข้าวอยู่ในมือรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียวอย่างนี้จะทำได้อีกนานแค่ไหน และจะควบคุมปัญหาการบริหารอย่างไร แม้ว่ารัฐบาลจะบอกว่าจะมีการระบายข้าวให้ได้เดือนละ 5 แสนตัน ถึง 1 ล้านตันต่อเดือนแต่ก็ยังไม่ทันต่อการเก็บเข้ามา และที่ผ่านมาก็ทำไม่ได้จริง ดังนั้นที่บอกว่าจะขายได้ 6 ล้านตันในช่วงครึ่งหลังของปีนี้แต่สัญญาก็มีไม่ถึง และใน 6 ล้านตันที่เสนอ ก.ข.ช.เกือบทั้งหมดอ้างเป็นจีทูจี ซึ่งก็มีปัญหาอยู่ และที่ผ่านมาการระบายข้าวก็มักมีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้น ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐมนตรีใหม่เข้าไปดูแลแล้วและมีการรับปากว่าจะเปิดเผยว่าขายใคร ปริมาณเท่าไหร่ ก็ต้องทำ แม้ว่าจะไม่บอกว่าแต่ละล็อตขายในราคาเท่าไหร่ แต่ก็ต้องมีตัวเลขโปร่งใสว่าเงินเข้ามาเท่าไหร่ ไม่เช่นนั้นก็ปิดบัญชีประเมินโครงการไม่ได้ การอ้างว่าจีทูจีเปิดเผยไม่ได้เป็นความลับนั้น สุดท้ายก็ต้องเปิดเผยรายได้ของรัฐบาลอยู่ดี และจีทูจีก็ต้องเปิดเผยว่าขายใคร อย่างไร
สำหรับการติดตามพิรุธเรื่องเช็คจีทูจี 8 หมื่นบาทนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ต้องทำต่อ เพราะพรรคเป็นผู้ยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.ตรวจสอบมาตั้งแต่ต้น โดยเชื่อว่ามีคนจำนวนมากพร้อมให้ข้อมูลต่อ ป.ป.ช. จึงขอให้ทำให้เสร็จ ซึ่งฝ่ายค้านเคยพูดมาก่อนหน้านี้แล้วว่าไม่ใช่การขายแบบจีทูจีจริง แต่เป็นการใข้จีทูจีบังหน้าเพื่อขายข้าวกันภายในประเทศ ซึ่งเคยมีการอภิปรายไปแล้วนายกรัฐมนตรีก็รับทราบแต่กลับไม่เคยดำเนินการใดๆ โดยจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เห็นตัวเลขการส่งออกข้าวที่สอดรับกับการอ้างว่าขายแบบจีทูจีไปก่อนหน้านี้ ดังนั้น หากยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนออกมาก็จะยังอยู่ในสภาพเดิม คือรัฐบาลไม่ได้ขยับเปลี่ยนแปลง หรือแก้ปัญหาเลย ตั้งแต่การเปิดเผยตัวเลขความเสียหาย มีแต่การขยับว่าจะลดราคาจำนำสุดท้ายกลับไปรับจำนำราคาเดิม ซึ่งพรรคก็บอกว่าไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหาที่ตรงกับประเด็นที่สังคมเรียกร้องให้แก้ไข ทั้งนี้ ตนก็หวังว่า ป.ป.ช.จะเร่งสรุปคดีนี้ เพราะถ้าสรุปออกมาก็จะเป็นตัวที่ทำให้รัฐบาลต้องดูว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร แต่ถ้าปล่อยทิ้งไปเรื่อยๆ ปัญหาจะถูกสะสมมากขึ้นและจังหวะเดือนตุลาคมที่รัฐบาลต้องกำหนดแนวทางสำหรับฤดูกาลใหม่จะได้สอดรับกับความจำเป็นในการแก้ปัญหาการทุจริตด้วย
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่เห็นนักเศรษฐศาสตร์คนไหนจะมองว่าโครงการนี้จะเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ได้ สุดท้ายจะต้องถึงจุดจบในตัวของมันเอง ซึ่งก็เป็นการตัดสินใจทางการเมืองของรัฐบาลด้วย แต่ถ้ารัฐบาลต้องการสะสมปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจทำต่อไปได้แต่จะมีความเสี่ยงต่อภาพรวมเศรษฐกิจมากขึ้น ตนย้ำอีกครั้งว่าสิ่งที่ชาวนาได้ทั้งหมดสามารถทำได้โดยไม่ต้องทำโครงการจำนำข้าวตามแนวของรัฐบาลนี้ และการสะสมปัญหาก็จะทำให้คนที่มาทำงานต่อต้องหนักใจ เนื่องจากจะมีสต๊อกค้างอยู่มหาศาล การจะไปแย่งชิงตลาดคืนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่เหมือนกับว่าวันนี้เสียไปแก้ไขพรุ่งนี้แล้วจะได้กลับมาง่ายๆ เป็นงานหนักที่จะต้องฟื้นฟูจากความเสียหายที่เกิดขึ้น