xs
xsm
sm
md
lg

ข้าวไทยยังมีคุณภาพกินได้ ที่ปนสารพิษเป็นข้าวรัฐบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สะเก็ดไฟ

การตื่นตัวของบรรดาบริษัทข้าวถุงและโรงสีที่ถูกระบุในเฟซบุ๊กของ สุทธิพงศ์ ธรรมวุฒิ พิธีกรรายการ “คนค้นฅน” และผู้บริหารบริษัท ทีวีบูรพา จำกัด ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นับเป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนภาพสังคมไทยได้อย่างดียิ่ง

สะท้อนว่าสังคมนี้ “คนดัง” แม้พูดค่อยก็ได้ยินทั้งสังคม สะเทือนไปได้ทั้งประเทศ ยังไม่ต้องคิดว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นเรื่องจริงเท็จประการใด เพราะเราเป็นสังคมที่สนใจ “ความดัง” มากกว่า “เนื้อหา” ของข้อมูล

โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาครัฐ รวมถึงเอกชนที่เกี่ยวข้องและมีหน้าที่ต้องทำความจริงให้กระจ่างว่า “ข้าวถุงมีสารปนเปื้อนจริงหรือไม่” เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของคนไทย ซึ่งทั้งรัฐบาลและบริษัทผู้ผลิตข้าวควรจะได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวมานานแล้ว

แต่ทั้งบริษัทผู้ผลิตข้าวถุง โรงสีที่ถูกพาดพิง รวมถึงรัฐบาล กลับไม่เคยพิสูจน์ความจริงด้วยการเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง ใช้วิธีปัดสวะง่ายๆ เพียงแค่ว่าเป็นขบวนการปล่อยข่าวเพื่อทำลายโครงการจำนำข้าวและอุตสาหกรรมข้าวไทย โดยคิดแต่เรื่องการเมืองมากกว่าความรับผิดชอบต่อคุณภาพชีวิตของคนไทย

หากบริษัทเอกชน โรงสี หรือรัฐบาล มีหัวใจและจิตสำนึกห่วงใยต่อชีวิตของคนไทยอย่างจริงจัง ต้องหยุดปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยความจริง ไม่ใช่น้ำลายที่ไม่สามารถสร้างความเชื่อถือได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำลายที่ใช้จนชินจากปากโกหกจนเป็นกิจวัตรของ คนในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

เพราะข้อมูลที่ “สุทธิพงศ์” นำมาโพสต์เกี่ยวกับข้างถุงมีสารปนเปื้อนนั้น สำหรับนักท่องเน็ตเป็นเรื่องเก่าที่รับทราบกันอย่างแพร่หลายมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2555 และเคยเป็นข่าวเป็นคราวลงหน้าหนังสือพิมพ์มาแล้วเกี่ยวกับข้าวถุงของห้างโมเดิร์นเทรดหลายแห่ง ซึ่งปรากฏภาพข้าวในถุงชัดเจนถึงการปนเปื้อนและความเสื่อมสภาพของข้าวที่หน้าถุงเขียนว่า “ข้าวหอมมะลิ 100% คัดพิเศษ”


ยังไม่รวมข้าวเน่าที่พบใน “ร้านถูกใจ” ของกระทรวงพาณิชย์ โรงสีที่เต็มไปด้วยข้าวรมยาจนหนู คางคก แมว ตายเป็นซากศพคาโกดังข้าว

ก่อนหน้านี้ นายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ผู้อำนวยการศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี และอดีตกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ ก็เคยออกมาเตือนถึงปัญหาข้าวค้างสต๊อกจนเกิดเชื้อรา เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับของคนไทย พร้อมกับเรียกร้องให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทำการตรวจสอบข้าวถุงโดยด่วน

แต่รัฐบาลก็ไม่ได้ใส่ใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น สิ่งเดียวที่ทำคือ ปฏิเสธโดยไม่ค้นหาความจริง หรือเปิดให้มีการตรวจสอบโดยคณะกรรมการกลางอย่างเป็นกิจลักษณะแทนการออกมารับประกันจากกระทรวงพาณิชย์ซึ่งล้มละลายทางความน่าเชื่อถือไปนานแล้ว

หลายคนอาจผิดหวังกับคำแถลงของสุทธิพงศ์ ที่ระบุว่า เป็นความผิดพลาดจากการโพสต์ผ่านไอโฟน แต่ความจริงแล้วเจตนาของสุทธิพงศ์ ก็ยังเป็นสิ่งที่สังคมนี้ควรยกย่อง เพราะสำนึกแรกที่เขาเห็นข้อความดังกล่าว จนมือไปกดปุ่มโพสต์นั้นคือ ความห่วงใยต่อสุขภาพของคนไทย ซึ่งเราหาไม่เจอจากนักธุรกิจที่ร่ำรวยจากเงินของคนไทยที่เป็นผู้บริโภค

และยิ่งหาไม่ได้จากรัฐบาลที่อวดตัวว่ามาจากประชาชน 15 ล้านเสียง ที่สำคัญ สุทธิพงศ์ยอมรับและพร้อมรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง แต่เราไม่ได้เห็นการยอมรับความจริงและความรับผิดชอบจากบริษัทเอกชน และรัฐบาล นอกจากการยืนกรานปฏิเสธลูกเดียว

ผลสะเทือนจากความผิดพลาดของสุทธิพงศ์ คือ การทำให้บริษัทเอกชน โรงสี และรัฐบาล ที่เพิกเฉยต่อคุณภาพชีวิตของคนไทยออกมาเต้นแร้งเต้นกากันยกใหญ่

ทำให้คนไทยตื่นตัวที่จะตั้งคำถามกับบริษัทผู้ผลิตข้าวถุง โรงสี และรัฐบาลมากขึ้นว่า พวกเขามีความรับผิดชอบต่อชีวิตของคนไทยมากน้อยเพียงใด

ดังนั้น สังคมไทยจึงไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆ ด้วยวิธีการดิบๆ ตามความถนัดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คือ แทนที่จะพิสูจน์ความจริงอย่างโปร่งใส กลับใช้วิธีฟ้องร้องปิดปาก

สุทธิพงศ์อาจจะเงียบได้ เพราะสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นดังและส่งผลกระทบรุนแรงเกินกว่าที่เขาจะคาดคิดไปแล้ว แต่สังคมไทยเงียบไม่ได้

เราต้องช่วยกันตะโกนให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลสต๊อกข้าว การเก็บรักษา การระบายข้าว และเปิดเผยบริษัทที่ประมูลข้าวจากโครงการจำนำของรัฐบาลไปผลิตข้าวถุงอย่างโปร่งใส

รวมทั้งต้องเปิดโกดังสุ่มตรวจแบบไม่จัดฉาก ตรวจสอบข้าวถุงที่กระจายตามแหล่งต่างๆ อย่างสม่ำเสมอด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์โดยบุคคลหรือคณะกรรมการที่เชื่อถือได้

ความจริงปัญหาเหล่านี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น ถ้าไม่มีโครงการจำนำข้าว 15,000 บาท จากความคิดโง่แต่อวดฉลาดของนักโทษหนีคุก ที่ถนัดแต่การเป็นพ่อค้าผูกขาดสัมปทาน พอมาใช้เงินภาษีประชาชนทำการค้าข้าวเสรีก็เลย

“เจ๊ง”กันไปทั้งประเทศ

แถมโกงสะบั้น ทุจริตทุกขั้นตอน เปลี่ยน “จีทูจี เป็นจีทูเจ๊”ก็ยังกล้าทำ

แต่ไหนแต่ไรมา คนไทยกินข้าวไทยอย่างเอร็ดอร่อยและไม่เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับสารปนเปื้อน เพราะมั่นใจในคุณภาพข้าวไทยที่โด่งดังไกลไปทั่วโลก แต่อุตสาหกรรมข้าวไทยวันนี้ตกต่ำอย่างที่สุดจากน้ำมือของรัฐบาลยิ่งลักษณ์

ไม่ว่าจะเป็นชาวนาถูกเอาเปรียบเพราะมีคนชั่วไปทำนาบนหลังชาวนาอีกต่อหนึ่ง ไทยสูญเสียแชมป์่ส่งออก กลไกค้าข้าวถูกทำลาย ผู้ส่งออกต้องไปเอาข้าวประเทศเพื่อนบ้านมาทำตลาดแทนข้าวไทย คุณภาพข้าวถูกทำลายอย่างยับเยิน ข้าวค้างสต๊อคเน่าคาโกดัง เจ๊งยับจนกระทบสถานะการคลังประเทศ ฯลฯ

รัฐบาลควรจะยอมรับด้วยว่า บรรดาบริษัทข้าวถุงที่ออกมาดาหน้าปฏิเสธว่าข้าวของตัวเองไม่มีสารพิษปนเปื้อนนั้น เขาพูดเป็นเสียงเดียวกันชนิดที่เรียกว่าใช้เป็น “ยันต์กันข้าวถุงกะโหลกไขว้” ว่า บริษัทไม่ได้ประมูลข้าวจากโครงการรับจำนำของรัฐบาล

ถ้าแปลความหมายไม่ออกเพราะทั้งรัฐบาลไม่ชอบกินแปะก้วยบำรุงสมอง เนื่องจากหมกมุ่นอยู่แต่กับการกิน “ถั่งเช่า” ตามนายกรัฐมนตรีหญิงที่ได้รับคำแนะนำจากพี่ชายนักโทษ ก็จะขยายความให้เข้าใจง่ายๆ ว่า

ข้าวทั้งประเทศนี้เชื่อถือได้ ยกเว้นข้าวจากโครงการรับจำนำของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่คนไทยกลัวว่าจะมีพิษไม่ต่างจาก “ยาเบื่อหนูถั่งเช่า”!
กำลังโหลดความคิดเห็น