“เช็ค” เปิดแถลงข่าวกรณีโพสต์เฟซบุ๊กแฉรายชื่อโรงสีและข้าวที่ปนเปื้อนสารพิษ ทำไปเพราะความเป็นห่วงผู้บริโภค ต้องการให้รู้แต่ไม่ได้ให้เชื่อ และอยากให้ผู้ประกอบการที่ถูกระบุมาชี้แจง เผยได้ข้อมูลจากการส่งต่อทางไลน์ พร้อมขอโทษและจะไปคุยกับผู้ประกอบการทุกคนที่ถูกเอ่ยถึงเพื่อให้เข้าใจถึงเจตนารมณ์ในการโพสต์
หลังจาก “เช็ค สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ” ที่โพสต์เฟซบุ๊กถึงข้าวของไทยว่ามีสารพิษ หนูกินเข้าไป 5 นาทีเสียชีวิต พร้อมทั้งระบุชื่อโรงสีและยี่ห้อของข้าวที่มีการเจือปน จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่โตว่า ข้อมูลที่เช็คได้มานั้นเป็นความจริงหรือไม่ และทราบได้อย่างไร แม้ว่าเช็คจะลบโพสต์ดังกล่าวแล้ว แต่เจ้าของโรงสี รวมไปถึงข้าวยี่ห้อที่ถูกระบุถึงก็ออกมาตอบโต้และแจ้งความดำเนินคดี วันนี้เช็คเลยเปิดแถลงข่าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น บอกว่าได้รับข้อมูลดังกล่าวจากการส่งต่อมาทางไลน์ จึงได้ไปโพสต์เฟซบุ๊กต่อ โดยมีเจตนาเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค และต้องการให้โรงสีและข้าวยี่ห้อต่างๆ ที่ถูกกล่าวถึงได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงเท่านั้น แต่ยังโพสต์ข้อความยังไม่จบมือไปโดนปุ่มส่งข้อความเสียก่อน ทำให้การสื่อสารไม่ครบถ้วน และกลายเป็นประเด็นข่าวใหญ่โต โดยเช็คได้เปิดใจว่า....
“ผมมีความรู้สึกว่าสิ่งที่ผมเจตนาในขั้นต้นซึ่งเป็นเจตนาที่เป็นกุศลเจตนา เป็นเจตนาที่บริสุทธิ์ มันได้ลุกลามบานปลาย ซึ่งมันทำให้ตัววัตถุประสงค์มันคาดเคลื่อนไปจากความตั้งใจชนิดที่คาดไม่ถึง เพราะฉะนั้นทางเดียวที่จะสามารถสื่อสารความเป็นจริง ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและตัวเจตนาให้ได้รับทราบโดยทั่วกันได้เร็วที่สุด ก็เลยต้องพึ่งพาสื่อมวลชนในเบื้องต้น และในส่วนอื่นๆ คิดว่าจะต้องดำเนินการแก้ไขตามไปในภายหลัง”
“ผมอยากจะเรียนว่า ประการที่ 1 โดยเจตนาในการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของผมนั้น ผมมีเจตนาอันบริสุทธิ์ใจ 2 ประการ อย่างแรกคือมีความกังวลต่อเรื่องความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นต่อสุขภาพของผู้ที่บริโภคข้าวอย่างแท้จริง เพราะว่าข้อมูลที่ผมได้โพสต์ลงไปนั้นเป็นข้อมูลที่เราได้เห็นกันมาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ได้มีความชัดเจนหรือความเคลื่อนไหวใดๆ ที่จะคลี่คลายความวิตกกังวลของผู้ที่จะต้องกินข้าว”
“เนื้อหาข้อมูลที่ผมได้โพสต์ลงไปนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมเขียนขึ้น แต่เป็นสิ่งที่มีผู้ส่งต่อกันมาแล้วผมเพียงแต่ก๊อบและโพสต์ต่อไปในเฟซบุ๊กของผมเท่านั้น โดยเจตนาประการแรกก็ตามได้เรียน ผมมีความกังวลต่อสุขภาพของคนที่กินข้าว แต่เจตนาอีกประการหนึ่งผมทำสื่อมาก็หลายสิบปีผมทราบดีครับว่า เรื่องอะไรที่ควรระมัดระวัง ผมมีความเข้าใจตั้งแต่ต้น การที่จะพาดพิงแบบไหนจะก่อให้เกิดผลเสียหายอะไรและเป็นข้อควรระมัดระวัง”
“ผมมีความรู้สึกว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้น ในด้านหนึ่งไม่ใช่เรื่องที่ควรให้ประชาชนผู้บริโภคได้รู้เท่านั้น ให้รู้นี่ไม่ได้ให้เชื่อ แต่ให้เพื่อดำเนินการทำให้เรื่องนี้กระจ่างและคลายความกังวล แต่อีกด้านหนึ่งผมก็รู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมต่อผู้ที่ถูกพาดพิง หรือมีชื่อยี่ห้อของข้าวและโรงสีรวมไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง เจตนาของผมก็คือต้องการจะสื่อสารให้เขาได้รู้ด้วยว่า เขากำลังตกเป็นข่าวเช่นนี้อยู่”
“แต่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่ผมกำลังเขียนชี้แจงเจตนารมณ์ รวมถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วนด้วยกัน ผมใช้ไอโฟนในการโพสต์บังเอิญขณะที่ผมกำลังแก้คำผิดนิ้วผมมันไปโดนโพสต์เสียก่อนขณะที่ผมเขียนได้แค่ 2 ประโยคเท่านั้น แต่ยังไม่ได้เขียนถึงเจตนารมณ์ รวมไปถึงสิ่งที่ผมจะบอกกล่าวไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยังไม่ครบ เมื่อเป็นอย่างนี้ผมรู้สึกไม่สบายใจโดยเวลาอันรวดเร็ว ถ้าสามารถเช็กตัวเนื้อความที่โพสต์นั้นมันไม่กี่นาทีเท่านั้น ผมได้รีบดำเนินการให้มีการลบข้อความนี้ออกไปเพียงแต่ผมไม่ได้จัดการด้วยตัวเอง ต้องไปพึ่งพาผู้อื่นก็ใช้เวลาระยะหนึ่ง”
“หลังจากที่ผมลบไปแล้วในเวลาอันรวดเร็ว ผมคิดว่ามาจากการที่มีผู้นำสิ่งที่ผมโพสต์ไปขยายผลต่อเติม และใส่ความคิดเห็นตัดทอนสิ่งที่ผมได้โพสต์ลงไป และมันทำให้ดีกรีความเข้าใจหรือตัวเจตนารมณ์มันเบี่ยงเบนไปจากเดิม โดยเฉพาะในเรื่องที่ถูกทำให้เข้าใจว่า มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งผมขอเรียนยืนยันว่า เจตนารมณ์ของผมไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องด้านนี้เลย ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดิสเครดิตสินค้าหรือว่าข้าวตามชื่อที่ปรากฏตัวไปนั้น ไม่ใช่เจตนารมณ์ไม่ใช่ความตั้งใจของผมเลย”
“ในความรู้สึกจริงๆ ผมคิดว่าสุดท้ายแล้ว ผมก็เป็นเหยื่อในสิ่งที่ผมทำนั้นเอง และผมก็ตกเป็นเครื่องมือของการขยายผลหรือเจตนาที่มันเบี่ยงเบนไกลจากวัตถุประสงค์เดิมไปมาก ซึ่งถ้าหากใครไปไล่ดูที่ผมโพสต์ก็จะเห็นลำดับความเป็นจริง หรือโดยเจตนารมณ์ตามที่ผมกล่าวมา ความตั้งใจของผมมาจากวิธีคิดคนที่ยึดหลักพุทธศาสนานั่นก็คือว่า ผมถูกสอนให้มีความเชื่อว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นมนุษย์ร่วมโลกเราก็เป็นเพื่อนร่วมโลกเกิดแก่เจ็บตาย เราไม่ควรที่จะเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ผมไม่ต้องการให้เรื่องนี้เกิดภาวะเหมือนกับการเบียดเบียนครั้งใหญ่ในสังคม ผมจึงคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของผม ผมควรที่จะรับผิดชอบต่อความไม่รู้หรือความอึมครึมอะไรบางอย่าง กุศลและเจตนาของผมที่จะทำเรื่องนี้ก็มีเพียงแค่นี้”
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวก็ได้สอบถามถึงที่มาของไลน์ว่าได้ไลน์มาจากใคร โดยเช็คตอบเลี่ยงๆ ว่า
“คืออย่างที่ผมเรียนนะครับว่า มันไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคและต่อผู้ที่ถูกกล่าวหา เพราะฉะนั้นเจตนาในการโพสต์เพื่อเขียนบอกทั้งสองฝ่ายว่า เขาก็กำลังถูกพาดพิง เขาน่าจะมีส่วนทำเรื่องนี้ให้ปรากฏ และสุดท้ายสิ่งที่ผมต้องการประการเดียวคือ ไม่อยากให้ใครเบียดเบียนกับใคร เพราะฉะนั้นด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ตรงนี้มันคือตัวการสำคัญที่ผมได้พูดเจตนา แต่มันก็เกิดอุบัติเหตุโดยบังเอิญเช่นนั้น”
เตรียมเดินสายพบกับโรงสีและข้าวที่ถูกระบุในข้อความที่โพสต์ในเฟซบุ๊ก
“ผมคิดว่าก่อนหน้านี้ตั้งแต่เมื่อผมโพสต์ลงไปแล้วมันไม่ครบถ้วนสมบรูณ์ตามเจตนารมณ์ตั้งแต่ต้น ผมก็ได้รีบลบอย่างเร็วที่สุด แต่ขณะเดียวกันตัวเจตนารมณ์ที่ผมอยากจะให้ความมั่นใจความปลอดภัยของผู้บริโภคผมคิดว่าอันนั้นผมก็ไม่อยากจะลบทิ้ง ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าผมได้ชี้แจงถึงสิ่งที่มันยังขาดหายไปหรือยังตกหล่นไปจาการที่ผมเกิดอุบัติเหตุมือไปโดนโพสต์ไปเสียก่อน ซึ่งผมได้ชี้แจงเจตนารมณ์อย่างชัดเจน ในความเสียหายที่จะเกิดขึ้นและจะมีการดำเนินการผมคิดว่า สิ่งที่ผมจะทำในต่อไปก็คือ การที่จะต้องไปพบกับทุกผู้ประกอบการที่เกิดความเสียหายและชี้แจงเพื่อที่จะให้เข้าใจถึงความเป็นจริง ส่วนผมจะเป็นอย่างไรก็ต้องดูหลังจากนั้น ผมคิดว่าสิ่งที่ผมเตรียมได้มากที่สุดตอนนี้ก็คือเตรียมใจตัวเองให้เข้าใจต่อความเป็นจริงที่มันเกิดขึ้นผมคิดว่าผมก็ทำได้เท่านั้น”
“ผมยังเชื่อมันในเจตนาอันบริสุทธิ์ของผม ผมคิดว่าเรื่องที่ถามมาเป็นเรื่องที่ผมต้องคิดหลังจากที่ผมได้มีโอกาสเข้าไปชี้แจง เบื้องต้นถ้าหากว่าคนไทยด้วยกันได้ฟังในสิ่งที่เป็นเจตนาของผมน่าจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่หลังจากพูดคุยกันไปแล้วจะมีการฟ้องร้องหรือไม่มันเป็นเรื่องที่ยังมาไม่ถึงผมไม่อาจพยากรณ์ได้ ผมคิดว่าผมทำปัจจุบันให้ดีที่สุดพอ”
“ผมตั้งใจว่าผมจะไปฟังเขาก่อนไม่ว่าจะพูดอะไร เขาจะเข้าใจอย่างไรเขาจะด่าอย่างไรผมต้องฟัง และผมจะขอเวลาเพื่อที่จะได้เล่าและอธิบายความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ส่วนมันจะส่งผลอะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ผมพร้อมมากกว่าคำว่าขอโทษ อย่างที่บอกนะครับว่า จริงๆ แล้วผมมีความบริสุทธิ์ใจและผมก็ทราบดีในฐานะของคนที่ทำสื่อมานานสิ่งไหนที่ควรระมัดระวัง เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ ส่วนการที่จะโพสต์ข้อความในอนาคตต่อไปก็คงไม่ได้ทำให้ผมต้องระวังมากขึ้น ผมคิดว่าน่าที่ต่อความถูกต้องต่อเรื่องที่เป็นกุศลจิตที่เราสามารถทำได้มันเป็นหน้าที่ของมนุษย์ที่เราต้องทำ แต่อย่างที่ผมได้เรียนว่าเจตนาผมไม่อยากให้ใครเบียดเบียนใคร แต่สุดท้ายสิ่งที่ผมทำโดยไม่ตั้งใจมันกลายเป็นสิ่งที่ผมเบียดเบียนเสียเอง ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ผมก็ไม่สบายใจ แต่มันไม่ใช่เรื่องของการที่จะทำให้ผมกลายเป็นคนไม่ยืนหยัดในสิ่งที่ผมเชื่อนั่นก็คือหลักพุทธศาสนา ผมคิดว่าสิ่งเดียวที่ผมยึดในชีวิตนี้และอธิบายผมทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำ”
ส่วนกรณีที่มีการเรียกร้องให้ “เช็ค” ไปทำรายการเพื่อตรวจสอบข้าวว่ามีสิ่งเจือปนนั้น เจ้าตัวบอกว่า น่าจะเป็นหน้าที่ของสื่อมวลชนมากกว่า
“ผมเป็นคนทำสารคดีที่มีเวลาอยู่ในช่องแค่ 2-3 รายการ และตัวรายการที่ผมทำมีการเซ็นเอ็มโอยูชัดเจนถึงรูปแบบว่าทำแบบไหน เพราะฉะนั้นไม่ได้หมายความว่าผมปฏิเสธหรืออยากไปนะครับ แต่ผมคิดว่าการที่จะนำข่าวสารไปถึงประชาชนในมุมกว้างนี้ อาศัยตัวสื่อที่ผมทำต้องถ่ายล่วงหน้ามันไม่เป็นจริง มันควรเป็นสื่อที่ทำข่าวหรืออีกประเภทหนึ่ง ผมปฏิเสธไม่ได้หมายความว่าผมไม่ได้อยากไปนะครับแต่ว่าผมไม่สามารถที่จะทำหน้าที่ให้มันบรรลุในสิ่งที่ข่าวสารควรจะสื่อสารได้ แต่ว่าถ้าสมมติว่ามีเวลามันเป็นไปได้ในงานที่ผมทำอยู่หลังจากนี้ผมคิดว่าก็ขึ้นกับเหตุปัจจัย ถ้าเป็นส่วนรับผิดชอบใช้สื่อที่เรามีอยู่ทำให้สิ่งที่คาดเคลื่อนเจตนารมณ์เป็นไปตามเจตนารมณ์ได้คือควรที่จะทำ”
“ผมพูดตามความรู้สึกของหัวใจส่วนลึกของผมได้เท่านั้นว่า ผมมีความห่วงใยในเรื่องอาหารที่จะก่อให้เกิดความเจ็บป่วยต่อผู้บริโภค ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความกังวลของผมตามลำพังแต่ผมเชื่อว่าการส่งข้อมูลข่าวสารในเฟซบุ๊กมีการพูดการถามเรื่องนี้กันมาก และผมคิดว่าถ้าเรื่องนี้ผู้บริโภคได้รับความชัดเจนความกระจ่างก็จะเป็นการคลายความกังวล ซึ่งการที่ใครก็ตามสามารถทำให้ผู้บริโภคคลายความกังวลผมคิดว่ามันเป็นความรับผิดชอบเป็นสิ่งที่ควรทำน่าสรรเสริญ ไม่ควรมีใครไปตำหนิ”
กับกรณีที่ “เช็ค” เองก็มีส่วนร่วมในการผลิตข้าวคุณธรรม แต่เมื่อโพสต์ข้อความถึงข้าวยี่ห้ออื่นมีสารพิษเจือปนนั้นเป็นการโจมตีคนอื่นหรือไม่ เจ้าตัวบอกว่าเรื่องข้าวคุณธรรมเป็นแค่มดเมื่อเปรียบเทียบกับช้างทั้งโขลง
“เรื่องข้าวคุณธรรมทั้งหลายที่ขายอยู่ในท้องตลาดมันเปรียบเทียบกันไม่ได้ ข้าวคุณธรรมมันเหมือนกับขี้เล็บ ผมจะเปรียบเหมือนมดก็ได้เล็กนิดเดียว ข้าวอื่นๆ เหมือนกับช้างทั้งโขลงมันคนละเจตนาคนละวัตถุประสงค์ ขายกันคนละตลาดไม่เกี่ยวกันเลย”
“ผมได้เขียนไปในเฟซบุ๊กผมชัดเจนว่า ขอความกรุณาอย่าลากจูงผมเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งหรือใช้ผมเป็นเครื่องมือในการทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเจตนารมณ์ของผมเลย ตลอดระยะเวลาที่สังคมไทยเรามีความขัดแย้งเข้าไปดูในเฟซบุ๊กผมได้เลย ว่าผมมีส่วนร่วมในการเอาตัวเองเข้าไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่ ผมไม่ได้พยายามรักษาตัวรอดนะครับ แต่หลักยึดในชีวิตของผมก็คือสิ่งที่ผมเชื่อถือสูงสุดคือพุทธศาสนา ซึ่งสอนให้ผมมองมนุษย์เป็นเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายสอนให้ขจัดความโกรธเกลียดรักชอบชังหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เรามีกิเลสในจิตใจ ผมก็พยายามดำเนินตัวอยู่ในหลักการนี้มาตลอด”
“เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ผ่านมาผมไม่มีความสุขในการทำเช่นนั้น ผมไม่มีความสามารถที่จะไปขุดคุ้ยและไม่คิดว่าจะทำเพราะผมคิดว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของผม”
เรื่องการโพสต์เฟซบุ๊กของ “เช็ค” ทำให้รัฐมนตรีกระทรวงพานิชย์ออกมาพูดว่า เป็นความไม่หวังดีของผู้ที่ต้องการทำลายชาติ และทำให้เชคถูกมองว่าเป็นคนทำร้ายระบบข้าวไทยเรื่องนี้ทำเอาเจ้าตัวเงียบไปเลยทีเดียว
(เงียบ) “เออ..ที่ผมมาแถลงในวันนี้ก็เพราะผมไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ดูหน้าผมสิครับว่ามีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือเปล่า”
ยืนยันเป็นการกระทำส่วนตัวไม่เกี่ยวกับทีวบูรพากับเจเอสแอล
“ถ้าคนที่เกี่ยวข้องได้ฟังผมชี้แจงมันเป็นเรื่องที่สามารถทำความเข้าใจกันได้ และสิ่งที่สำคัญก็คือว่า ผมคิดว่าความรับผิดชอบของผมในทีวีบูรพากับเจเอสแอล ควรจะแยกแยะ เพราะเจเอสแอลไม่เกี่ยวข้องอะไรกับกรณีนี้เลย ทั้งหมดนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคลของนายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ”
“เพราะฉะนั้นผมคิดว่าผมจะต้องหยุดไม่ปล่อยให้เรื่องนี้มันบานปลายไป เพราะมันเกิดการปรุงแต่งหยิบเอาส่วนที่ผมมีส่วนร่วมเบื้องต้นไปขยายความไปปรุงแต่งกันจนกลายเป็นความเข้าใจผิดที่มันระบาด ผมคิดว่าพุทธศาสนาสอนให้ผมรับผลของการกระทำ เพราะฉะนั้นถ้ามันเกิดอะไรขึ้นจากสิ่งที่ผมได้กระทำไปผมก็ควรจะรับ”