คนชั่ว..จะไม่ยอมว่างเว้นจากการทำชั่ว แม้โอกาสจะไม่เอื้ออำนวยและโอกาสอำนวยให้เสมอ!
เผาบ้านเผาเมืองแล้วยังพ่ายแพ้หมดรูป แต่ “เหลี่ยม” ก็มิได้ท้อแท้ในการทำชั่ว ดังนั้น “เหลี่ยม” จึงทุ่มเงินเสริมความพร้อมให้เขี้ยวเล็บพวกพ้องตนจนพร้อมสรรพ ครบถ้วนตามทฤษฎีลุกขึ้นสู้ของพวกฝ่ายซ้าย หรือบรรดาคอมมิวนิสต์อกหักที่อยู่ข้างตัว “เหลี่ยม” นั่นคือ
1. มีพรรค(การเมือง) 2. มีมวลชน (เสื้อแดง) 3. มีกองทัพติดอาวุธ (ทหารแตงโมสวมชุดดำ)
การสร้างความพร้อมนี้ “เหลี่ยม” หวังจะให้เกิดสงครามประชาชนขึ้น เพื่อเปลี่ยนรัฐไทยเก่าให้เป็นรัฐไทยใหม่นั่นเอง!
การชุมนุมของอันธพาลแดงอีกครั้ง เกิดขึ้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยหนึ่งกลุ่ม ขณะที่คนเสื้อแดงอีกกลุ่มก็ไปปักหลักชุมนุมอยู่ที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อรัฐบาล “หล่อลากดิน” ประกาศขอคืนพื้นที่จากผู้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
รัฐบาล “หล่อลากดิน” ได้ส่งทหารหาญ ที่มีเพียงโล่ห์และกระบองติดตัว โดยไม่มีอาวุธสงครามใดๆ ทั้งสิ้น เพราะรัฐบาล “หล่อลากดิน” ห่วงในภาพลักษณ์ของตนเอง มากกว่าความปลอดภัยทหารหาญของชาติ เรื่องเลยลงเอยด้วยเหตุการณ์อันคาดไม่ถึง
นั่นคือ..คนเสื้อดำที่แฝงตนอยู่ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ได้ใช้อาวุธสงครามสารพัดชนิดที่เตรียมไว้ รุมยิงถล่มใส่ทหารหาญของชาติกว่า 300 นาย จนได้รับบาดเจ็บล้มตายกันระนาว ทั้งระดับนายพลกับพลทหาร รวมทั้ง พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ก็มาตายคาท้องถนนอยู่ ณ ที่นี้เอง
หลังจากนั้น กองกำลังติดอาวุธของ “เหลี่ยม” และอันธพาลเสื้อแดง ก็ขนย้ายกำลังและอาวุธไปมั่วสุมกันที่สี่แยกราชประสงค์ ปักหลักชุมนุมยืดเยื้ออยู่ข้างกองบัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยตำรวจไทยได้วางตัวนิ่งเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แน่นอน..การชุมนุมยืดเยื้อที่สี่แยกราชประสงค์นี่เอง ที่นำความเดือดร้อนมาสู่ประชาชนเป็นจำนวนมาก เพราะมีทั้งการตั้งด่านเถื่อนของอันธพาลแดง มีทั้งการลวนลามสตรีและรีดไถผู้คนที่อาศัยหรือทำมาค้าขายอยู่ในบริเวณนั้น ฯลฯ
ในขณะที่ตำรวจก็มิได้ตั้งด่านตรวจอาวุธผู้ชุมนุมอย่างจริงจัง พวกอันธพาลเสื้อแดงจึงขนอาวุธเดินทางผ่านด่านตรวจของตำรวจ “มะเขือเทศ” เข้าไปสะสมไว้ในที่ชุมนุมได้มากขึ้นๆ อย่างสะดวกดาย
แถมตำรวจบางคนยังได้แสดงตนอย่างเปิดเผยว่า พวกเขาอยู่ในกองกำลังอันธพาลเสื้อแดงด้วยซ้ำไป ในที่สุดขบวนการอันธพาลเสื้อแดงก็ถูกรัฐบาล “หล่อลากดิน” ส่งกำลังทหารเข้าไปทำการสลายการชุมนุมอีกครั้งหนึ่ง
แต่การนำความสงบกลับคืนสู่ชาติของทหารครั้งนี้ อันธพาลเสื้อแดงได้ใช้อาวุธสงครามต่อสู้ในทุกรูปแบบ ทำให้สองฝ่ายได้รับความเสียหาย ทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง แต่ในที่สุด..เหลี่ยมกับพวกก็พ่ายแพ้ทหารของฝ่ายรัฐบาลอีกคำรบหนึ่ง ทำให้กองกำลังอันธพาลเสื้อแดงถูกจับจำนวนหนึ่ง หนีกระเจิดกระเจิงไปอยู่ยังต่างประเทศอีกส่วนหนึ่ง
แต่ “หล่อลากดิน” ก็เป็นรัฐบาลอยู่ได้ไม่นาน โดยมิได้มีการปฏิรูปการเมืองใดๆทั้งสิ้น ที่สำคัญมิได้มีการปฏิรูประบบการเลือกตั้งใหม่ให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม จนใช้เงินซื้อเสียงไม่ได้แต่ประการใดเลย
ความผิดพลาดอันสำคัญยิ่งของรัฐบาล “หล่อลากดิน” นี่เอง ที่ทำให้ “เหลี่ยม” ใช้เงินและการโกงยึดอำนาจรัฐมาไว้ในกำมือได้อีกครั้งหนึ่ง หลังรัฐบาล “หล่อลากดิน” ยุบสภาจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่
โดย “เหลี่ยม” ได้ส่งน้องสาว “สวยลากไส้” ลงแข่งกับ “หล่อลากดิน” ทันที ทำให้ “หล่อจ้อเก่ง” พ่ายแพ้ “สวยแตหลอ” ยับเยิน!
ช่วงรัฐบาล “ปูแตหลอ” นี่แหละ ที่การเคลื่อนไหวของ “เหลี่ยม” ทรงพลังทางการเมืองที่สุด ทั้งในประเทศและต่างประเทศแบบเต็มร้อย
โดยรัฐบาล “ปูแตหลอ” ได้ปลดปล่อย “เหลี่ยม” ออกจากพันธนาการในฐานะนักโทษหนีคุก กลายเป็นบุคคลผู้ทรงอำนาจทางการเมืองของชาติไทย “เหลี่ยม” มีทั้งวีซ่าและพาสปอร์ตพิเศษ ในฐานะที่ปรึกษาใหญ่ของรัฐบาลไทย แต่รัฐบาลต่างชาติล้วนรู้ว่า “เหลี่ยม” มิได้เป็นแค่ที่ปรึกษาใหญ่ แต่ “เหลี่ยม” คือผู้บงการรัฐบาลไทยแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดต่างหาก
“เหลี่ยม” จึงเป็นนายกฯ ไทยตัวจริงเสียงจริงที่เที่ยวตระเวนเจรจาโครงการต่างๆ และตกลงผลประโยชน์แทนรัฐบาลไทยโดยแท้จริง โดยมีรัฐบาล “ปูแตหลอ” ทำหน้าที่ให้การเจรจาแบบเถื่อนหรือไม่ถูกกฎหมายไทยของ “เหลี่ยม” ให้เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายไทยเท่านั้นเอง
“เหลี่ยม” จึงตระเวนไปทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะยังคงวนเวียนมาโกยผลประโยชน์ให้ตนและพวกพ้อง ในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทยทั้งกับประเทศมาเลเซีย กัมพูชา พม่า สิงคโปร์ เกาหลีใต้ จีน รวมทั้งยังไปโผล่ถึงประเทศสหรัฐอเมริกาโน่น ทั้งๆ ที่ “เหลี่ยม” มีหมายจับของศาลในฐานะเป็นหัวหน้าผู้ก่อการร้ายติดตัวอยู่แท้ๆ
ผลประโยชน์อะไรที่ทำให้อเมริกาจับมือกับ “เหลี่ยม” นอกจากผลประโยชน์จากสัมปทานบ่อน้ำมันใต้ทะเลไทย-กัมพูชาน่ะหรือ ที่แน่ๆ คือ สนามบินอู่ตะเภาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ทำให้ประธานาธิบดี “โอบามา” ต้องเอาใจ “เหลี่ยม” จนถึงขั้นเดินทางมาเผชิญ “วูแมนทัช-ปู” ที่ส่งแววตาหวานเยิ้มปานจะกลืนกิน “โอบามา” ในประเทศไทย
สนามบินอู่ตะเภา..คือ..อดีตฐานทัพที่อเมริกาอยากใช้เพื่องานจารกรรม และวางกองกำลังปิดล้อมอิทธิพลของประเทศจีนไงล่ะครับ!
เผาบ้านเผาเมืองแล้วยังพ่ายแพ้หมดรูป แต่ “เหลี่ยม” ก็มิได้ท้อแท้ในการทำชั่ว ดังนั้น “เหลี่ยม” จึงทุ่มเงินเสริมความพร้อมให้เขี้ยวเล็บพวกพ้องตนจนพร้อมสรรพ ครบถ้วนตามทฤษฎีลุกขึ้นสู้ของพวกฝ่ายซ้าย หรือบรรดาคอมมิวนิสต์อกหักที่อยู่ข้างตัว “เหลี่ยม” นั่นคือ
1. มีพรรค(การเมือง) 2. มีมวลชน (เสื้อแดง) 3. มีกองทัพติดอาวุธ (ทหารแตงโมสวมชุดดำ)
การสร้างความพร้อมนี้ “เหลี่ยม” หวังจะให้เกิดสงครามประชาชนขึ้น เพื่อเปลี่ยนรัฐไทยเก่าให้เป็นรัฐไทยใหม่นั่นเอง!
การชุมนุมของอันธพาลแดงอีกครั้ง เกิดขึ้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยหนึ่งกลุ่ม ขณะที่คนเสื้อแดงอีกกลุ่มก็ไปปักหลักชุมนุมอยู่ที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อรัฐบาล “หล่อลากดิน” ประกาศขอคืนพื้นที่จากผู้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
รัฐบาล “หล่อลากดิน” ได้ส่งทหารหาญ ที่มีเพียงโล่ห์และกระบองติดตัว โดยไม่มีอาวุธสงครามใดๆ ทั้งสิ้น เพราะรัฐบาล “หล่อลากดิน” ห่วงในภาพลักษณ์ของตนเอง มากกว่าความปลอดภัยทหารหาญของชาติ เรื่องเลยลงเอยด้วยเหตุการณ์อันคาดไม่ถึง
นั่นคือ..คนเสื้อดำที่แฝงตนอยู่ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ได้ใช้อาวุธสงครามสารพัดชนิดที่เตรียมไว้ รุมยิงถล่มใส่ทหารหาญของชาติกว่า 300 นาย จนได้รับบาดเจ็บล้มตายกันระนาว ทั้งระดับนายพลกับพลทหาร รวมทั้ง พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ก็มาตายคาท้องถนนอยู่ ณ ที่นี้เอง
หลังจากนั้น กองกำลังติดอาวุธของ “เหลี่ยม” และอันธพาลเสื้อแดง ก็ขนย้ายกำลังและอาวุธไปมั่วสุมกันที่สี่แยกราชประสงค์ ปักหลักชุมนุมยืดเยื้ออยู่ข้างกองบัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยตำรวจไทยได้วางตัวนิ่งเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แน่นอน..การชุมนุมยืดเยื้อที่สี่แยกราชประสงค์นี่เอง ที่นำความเดือดร้อนมาสู่ประชาชนเป็นจำนวนมาก เพราะมีทั้งการตั้งด่านเถื่อนของอันธพาลแดง มีทั้งการลวนลามสตรีและรีดไถผู้คนที่อาศัยหรือทำมาค้าขายอยู่ในบริเวณนั้น ฯลฯ
ในขณะที่ตำรวจก็มิได้ตั้งด่านตรวจอาวุธผู้ชุมนุมอย่างจริงจัง พวกอันธพาลเสื้อแดงจึงขนอาวุธเดินทางผ่านด่านตรวจของตำรวจ “มะเขือเทศ” เข้าไปสะสมไว้ในที่ชุมนุมได้มากขึ้นๆ อย่างสะดวกดาย
แถมตำรวจบางคนยังได้แสดงตนอย่างเปิดเผยว่า พวกเขาอยู่ในกองกำลังอันธพาลเสื้อแดงด้วยซ้ำไป ในที่สุดขบวนการอันธพาลเสื้อแดงก็ถูกรัฐบาล “หล่อลากดิน” ส่งกำลังทหารเข้าไปทำการสลายการชุมนุมอีกครั้งหนึ่ง
แต่การนำความสงบกลับคืนสู่ชาติของทหารครั้งนี้ อันธพาลเสื้อแดงได้ใช้อาวุธสงครามต่อสู้ในทุกรูปแบบ ทำให้สองฝ่ายได้รับความเสียหาย ทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง แต่ในที่สุด..เหลี่ยมกับพวกก็พ่ายแพ้ทหารของฝ่ายรัฐบาลอีกคำรบหนึ่ง ทำให้กองกำลังอันธพาลเสื้อแดงถูกจับจำนวนหนึ่ง หนีกระเจิดกระเจิงไปอยู่ยังต่างประเทศอีกส่วนหนึ่ง
แต่ “หล่อลากดิน” ก็เป็นรัฐบาลอยู่ได้ไม่นาน โดยมิได้มีการปฏิรูปการเมืองใดๆทั้งสิ้น ที่สำคัญมิได้มีการปฏิรูประบบการเลือกตั้งใหม่ให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม จนใช้เงินซื้อเสียงไม่ได้แต่ประการใดเลย
ความผิดพลาดอันสำคัญยิ่งของรัฐบาล “หล่อลากดิน” นี่เอง ที่ทำให้ “เหลี่ยม” ใช้เงินและการโกงยึดอำนาจรัฐมาไว้ในกำมือได้อีกครั้งหนึ่ง หลังรัฐบาล “หล่อลากดิน” ยุบสภาจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่
โดย “เหลี่ยม” ได้ส่งน้องสาว “สวยลากไส้” ลงแข่งกับ “หล่อลากดิน” ทันที ทำให้ “หล่อจ้อเก่ง” พ่ายแพ้ “สวยแตหลอ” ยับเยิน!
ช่วงรัฐบาล “ปูแตหลอ” นี่แหละ ที่การเคลื่อนไหวของ “เหลี่ยม” ทรงพลังทางการเมืองที่สุด ทั้งในประเทศและต่างประเทศแบบเต็มร้อย
โดยรัฐบาล “ปูแตหลอ” ได้ปลดปล่อย “เหลี่ยม” ออกจากพันธนาการในฐานะนักโทษหนีคุก กลายเป็นบุคคลผู้ทรงอำนาจทางการเมืองของชาติไทย “เหลี่ยม” มีทั้งวีซ่าและพาสปอร์ตพิเศษ ในฐานะที่ปรึกษาใหญ่ของรัฐบาลไทย แต่รัฐบาลต่างชาติล้วนรู้ว่า “เหลี่ยม” มิได้เป็นแค่ที่ปรึกษาใหญ่ แต่ “เหลี่ยม” คือผู้บงการรัฐบาลไทยแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดต่างหาก
“เหลี่ยม” จึงเป็นนายกฯ ไทยตัวจริงเสียงจริงที่เที่ยวตระเวนเจรจาโครงการต่างๆ และตกลงผลประโยชน์แทนรัฐบาลไทยโดยแท้จริง โดยมีรัฐบาล “ปูแตหลอ” ทำหน้าที่ให้การเจรจาแบบเถื่อนหรือไม่ถูกกฎหมายไทยของ “เหลี่ยม” ให้เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายไทยเท่านั้นเอง
“เหลี่ยม” จึงตระเวนไปทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะยังคงวนเวียนมาโกยผลประโยชน์ให้ตนและพวกพ้อง ในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทยทั้งกับประเทศมาเลเซีย กัมพูชา พม่า สิงคโปร์ เกาหลีใต้ จีน รวมทั้งยังไปโผล่ถึงประเทศสหรัฐอเมริกาโน่น ทั้งๆ ที่ “เหลี่ยม” มีหมายจับของศาลในฐานะเป็นหัวหน้าผู้ก่อการร้ายติดตัวอยู่แท้ๆ
ผลประโยชน์อะไรที่ทำให้อเมริกาจับมือกับ “เหลี่ยม” นอกจากผลประโยชน์จากสัมปทานบ่อน้ำมันใต้ทะเลไทย-กัมพูชาน่ะหรือ ที่แน่ๆ คือ สนามบินอู่ตะเภาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ทำให้ประธานาธิบดี “โอบามา” ต้องเอาใจ “เหลี่ยม” จนถึงขั้นเดินทางมาเผชิญ “วูแมนทัช-ปู” ที่ส่งแววตาหวานเยิ้มปานจะกลืนกิน “โอบามา” ในประเทศไทย
สนามบินอู่ตะเภา..คือ..อดีตฐานทัพที่อเมริกาอยากใช้เพื่องานจารกรรม และวางกองกำลังปิดล้อมอิทธิพลของประเทศจีนไงล่ะครับ!