xs
xsm
sm
md
lg

MCOTถวายพานCTH

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- “ซีทีเอช” – “อสมท” จับเข่าคุยถกหาทางออกให้ได้ เผยเหตุ ซีทีเอชชงสูตรให้ ยอมอ่อนข้อดีลขายพรีเมียร์ลีกให้ “อสมท” แบบปีต่อปี เหตุลูกค้าเมินซื้อโฆษณาหลังพบราคาขายสปอนเซอร์แพงหูฉี่ส่วนเคเบิลทีวีไม่ใช่ทางเลือกที่ดีของการลงโฆษณา ยอมเดินเกมแบบทรูวิชั่นส์แบ่งรายได้โฆษณาร่วมกับฟรีทีวี

กรณีการเจรจาต่อรองการซื้อขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ระหว่างบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) ยังคงถูกจับตามองอย่างไม่ละสายตา จากหลายฝ่าย

ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยจากหลายฝ่ายโดยเฉพาะพนักงาน อสมท เอง ที่อสมท ภายใต้การนำของ สุธรรม แสงประทุม ประธานบอร์ด และ นายจักรพัรธ์ ยมจินดา รองประธานบอร์ด ที่ทั้งสองคนแสดงออกนอกหน้าอย่า
งชัดเจนที่จะผลักดันให้ อสมท ควักเงินก้อนโตจ่ายค่า ลิขสิทธิ์ครั้งนี้ให้ได้ จากแรงบีบทางการเมือง

แม้ล่าสุดจะมีการสรุปจากคณะทำงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบกรณีนี้ 4 คนของอสมท ประกอบด้วย นายจักรพันธุ์ ยมจินดา รองประธานกรรมการ, นายสุรชัย โฆษิตเสรีวงศ์ กรรมการ, นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ กรรมการ และนายธนะชัย วงศ์ทองศรี รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่

ด้วยการเสนอเป็น 2 สูตรใหม่ในการ ซื้อลิขสิทธิ์ครั้งนี้ ด้วยโมเดลการซื้อขายแบบปีต่อปี เพื่อความสบายใจของคน ในอสมท แว่วว่าโมเดลนี้ทางซีทีเอชและ อสมท ภายใต้การคุมคณะทำงานของนายจักรพันธ์นี้พยายามที่จะหาทาง ให้อสมทต้องควักเงิน ซื้อลิขสิทธิ์นี้ไห้ได้

กระทั่งซีทีเอชเองก็ยอมเสนอทางเลือกนี้ให้กับทางอสมทเองเลยทีเดียว จากเดิมที่เคาะตัวเลขการซื้อขายลิขสิทธิ์ครั้งนี้ที่ 480 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 160 ล้านบาท มาเหลือเพียงปีละ 42.5 ล้านบาท หรือลดลงกว่า4เท่าตัว น่าจะเป็นตัวเลขที่ คนอสมทพอใจได้ซึ่งภายในสัปดาห์นี้จะรู้ผลอย่างเป็นทางการว่าจะเซ็นสัญญากันจริงๆได้สักทีหรือไม่

อย่างไรก็ตามยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า ทำไมครั้งนี้ฟรีทีวีต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดทั้ง 17 แมทช์ด้วย ทั้งที่ครั้งที่ผ่านๆมาที่ทางบริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน)ที่เคยได้ลิขสิทธิ์บริหารการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกในไทยมาโดยตลอดนั้น ไม่เคยมีปัญหาแบบนี้ออกมาเลย

แหล่งข่าวจากวงการเอเจนซี่โฆษณา เปิดเผยว่า ลิขสิทธฺ์ถ่ายทอดสดผ่านทางฟรีทีวีครั้งที่ผ่านๆมาก็มีการเซ็นสัญญาซื้อขายระหว่างทรูวิชั่นส์กับฟรีทีวีที่ร่วมถ่ายทอดสดเช่นกัน แต่เป็นตัวเลขที่ไม่สูงมาก เนื่องจากทางทรูวิชั่นส์ ซื้อมาในราคาที่ไม่สูงเท่าครั้งนี้

ขณะที่ทางทรูวิชั่นส์ใช้โมเดลการหารายได้จากสปอนเซอร์เอง ส่วนการจับมือกับทางฟรีทีวีคือลักษณะของการเช่าเวลาออกอากาศแบ่งรายได้โฆษณาร่วมกันจึงไม่เป็นปัญหา แต่ในกรณีของซีทีเอชนี้ ใช้คนละโมเดล เพราะยอมให้ฟรีทีวี หารายได้จากสปอนเซอร์ได้อีกทางหนึ่งด้วย ทำให้เกิดดีล ราคาขายที่ 480 ล้านบาทนั่นเอง

สำหรับซีทีเอชต้องยอมรับว่า การซื้อลิขสิทธิ์ครั้งนี้สูงกว่าครั้งก่อนหลายเท่าตัว หรือเฉียดๆ 10,000 ล้านบาทตามที่เป็นข่าวออกมา จากปกติทรูวิชั่นส์ซื้อมาราว 2,000 ล้านบาทเท่านั้น ทำให้ซีทีเอชต้องพลิกโมเดลการหารายได้จากการขายโฆษณาที่แตกต่างจากทรูวิชั่นส์
เพื่อดึงความสนใจให้เอเจนซี่โฆษณาและเจ้าของสินค้ายอมควักกระเป๋าซื้อโฆษณาร่วมเป็นสปอนเซอร์ให้ได้มากที่สุด

ขณะที่เคเบิลทีวียังถือเป็นสื่อรองที่เอเจนซี่โฆษณาและเจ้าของสินค้าส่วนใหญ่ยังไม่กล้าลงโฆษณา

อีกทั้งราคาแพกเกจสปอนเซอร์พรีเมียร์ลีกครั้งนี้ยังสูงกว่าครั้งก่อนร่วม3เท่าตัว หรือขายในราคาแพกเกจละ 15 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นมูลค่าประมาณ
450 ล้านบาท ซีทีเอชจึงต้องหาพันธมิตรทางฟรีทีวี เพื่อดึงความมั่นใจให้ลูกค้าเอเจนซี่และเจ้าของสินค้าที่ร่วมเป็นสปอนเซอร์ให้ได้มากที่สุด แม้ว่าการเจรจากับทางช่อง3 และ7 จะไม่สำเร็จ เพราะเสนอในราคาที่สูงจากครั้งก่อนมาก ช่อง9จึงเป็นเป้าหมายสำคัญในเกมครั้งนี้ ดังนั้นไม่ว่าจะใช้โมเดลไหนออกมา อย่างน้อยที่สุด ซีทีเอช
ก็จะต้องรักษารายได้ให้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ให้ได้

ทั้งนี้โมเดลที่ทั้ง 2 บริษัทมีความเห็นตรงกันในครั้งนี้ คือ การซื้อขายแบบปีต่อปีในแบบใดแบบหนึ่ง ระหว่าง2แบบให้เลือก คือ 1. จ่ายค่าลิขสิทธิ์การ ถ่ายทอดสดให้ซีทีเอชคู่ละ 2.5 ล้านบาท และแบ่งรายได้ จากโฆษณาร่วมกันในอัตราส่วน 50:50 ไม่รวมรายได้จาก รายการไฮไลต์ เบื้องต้นคาดว่าจะต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ ซีทีเอชราว 42.5 ล้านบาท
(ยังไม่รวมรายได้จากการแบ่งรายได้โฆษณาร่วมกัน)

2. จ่ายค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดให้ซีทีเอชคู่ละ 2 ล้านบาท และแบ่งรายได้จากโฆษณาร่วมกันในอัตราส่วน 50:50 รวมรายได้จากรายการไฮไลต์ด้วย เบื้องต้นคาดว่าจะต้องจ่าย ค่าลิขสิทธิ์ให้ซีทีเอชราว 34 ล้านบาท (ยังไม่รวมรายได้จากการแบ่งรายได้โฆษณาร่วมกัน) ซึ่งโมเดลนี้ทางอสมทเชื่อว่าน่าจะมีรายได้ในปีแรกราว 300 ล้านบาท

ส่วนของทรูวิชั่นส์นั้น ในฤดูกาล2012/2013ที่ผ่านมา ได้จับมือกับทางช่อง3 เพื่อร่วมกันถ่ายทอดสดการแข่งขัน พรีเมียร์ลีกรวม 17 แมทช์เช่นกัน เฉลี่ย 2 แมทช์ต่อเดือน ซึ่งมี 4 แมทช์ที่เป็นการแข่งขันของคู่บิ๊ก4 โดยมีสปอนเซอร์หลัก 3 ราย แพกเกจขายราคา 60 ล้านบาท คือ ยามาฮ่า, ช้าง และยูโรคัสตาร์ด

ส่วนการขายโฆษณาทางฟรีทีวีนั้นทางช่อง3เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมดโดยวางราคาโฆษณาไว้เท่ากับราคาเดิมของรายการในช่วงนั้น เช่น ช่วงละครก่อนข่าว จะอยู่ที่ 3.6 แสนบาทต่อนาที และช่วงละครหลังข่าวอยู่ที่ 4.8 แสนบาทต่อนาที ซึ่งราย ได้โฆษณาครั้งนั้นจะมีการแบ่งรายได้กับทางทรูวิชั่นส์ในอัตราส่วนที่ตกลงกันไว้ แต่เฉพาะช่อง3แล้ว น่าจะมีรายได้จาก การร่วมถ่ายทอดสด ครั้งนั้นไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น