ASTVผู้จัดการรายวัน-พนักงาน อสมท ประกาศไม่เอาบอลพรีเมียร์ลีก จับตาบอร์ดรายคน ใครเห็นชอบจะขึ้นป้ายประจานเรียงตัว แฉ “ซีทีเอช” ยอมหั่นราคาลงอีกเหลือ 57 ล้าน แต่ขอเพิ่มแชรริ่งเป็น 40% “เอนก” ยันไม่คุ้ม เชื่อไม่สามารถหาโฆษณาได้ เป็นงง บิ๊ก อสมท. ถูก สตง. สอบทุจริต แต่ยังปล่อยให้ทำงานหน้าตาเฉย
ความคืบหน้ากรณี นายจักรพันธุ์ ยมจินดา รองประธานบอร์ดคนที่ 2 บมจ.อสมท ร่วมมือกับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่รายหนึ่ง พยายามจะผลักดันให้ อสมท ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจากซีทีเอช โดยจะมีการสรุปในวันนี้ (4 ก.ค.) เวลา 16.30 น. โดยขอมติจากบอร์ด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด พนักงานอสมท ส่วนใหญ่ยังคงไม่เห็นด้วย โดยประกาศให้มีการรวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจบอร์ด อสมท ที่จะแสดงความคิดเห็นโดยเสรี และไม่ถูกล็อบบี้จากนายจักรพันธุ์หรือรองกรรมการคนดังกล่าวผ่านผู้มีอิทธิพลที่มีชื่อย่อ "พ" ที่พยายามประสานผ่านนักการเมือง
โดยพนักงานอสมท ขอให้บอร์ดอสมท พิจารณาบนพื้นฐานของผลประโยชน์ของอสมท ที่ต้องรับผิดชอบต่อการนำรายได้เข้ารัฐในฐานะกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และบนผลประโยชน์ของประเทศในฐานะอสมท กำเนิดจากภาษีของประชาชน และสุดท้ายบนผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและพนักงานอสมท ซึ่งเชื่อว่า บอร์ดทุกคนจะใช้วิจารณญาณของตนเองและข้อมูลที่ได้ตรวจสอบมา โดยไม่ฟังข้อมูลหรือตัวเลขลมที่นายจักรพันธุ์กล่าวอ้างว่ามีมาแล้ว 200 ล้าน และบอกกับพนักงานว่า ตัวเองเป็นคนการันตี
แหล่งข่าวจาก อสมท กล่าวว่า พนักงาน อสมท เห็นว่า นายจักรพันธุ์เป็นใคร จะเอาตัวเองมาประกัน เพราะที่ผ่านมา ทำธุรกิจก็ล้มเหลว พอมาเข้า อสมท ก็จะเอาบริษัทลูกสาวมารับจ้างพัฒนาเว็บไซด์ออกแบบโลโก้ อสมท ใหม่ ผ่านรองกรรมการคนเดียวกัน แต่พนักงานรู้ก่อนแล้วจึงรวมตัวประท้วง สุดท้ายหากินอะไรไม่ได้ ก็ให้รองกรรมการคนนี้ ไปบังคับให้สถานีวิทยุหารายการให้จัด 2-3 รายการ ทั้งๆ ที่คนในสถานีวิทยุ ไม่มีใครเอา แม้แต่ผู้ช่วยกรรมการที่ดูแลสายงานวิทยุนายสนามชัย ก็ไม่เอา แต่ถูกข้ามหัวไป รองกรรมการคนนี้เป็นคนจัดการให้หมด
"อยากถามว่า พอนายจักรพันธุ์หมดวาระเป็นบอร์ด ถ้าบริษัทที่ไปขอไว้ เขาไม่ให้ค่าโฆษณา จะขายบ้านขายรถมาให้หรือเปล่า เราจะจับตาบอร์ดรายคนว่าใครอนุมัติเห็นชอบหรือไม่ หลังจากนี้ ถ้าใครเห็นชอบเราจะขึ้นป้ายประจานออกสื่อเป็นรายบุคคล อสมท มีอีกหลายเรื่องที่ต้องการความเห็นจากบอร์ดที่มีประสบการณ์ เช่น เรื่องทีวีดิจิตอลให้ช่วยดำเนินการ จึงไม่อยากให้บอร์ดที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณต้องมาเสียชื่อเสียงกับเรื่องนี้"
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า จากมติบอร์ดครั้งที่ผ่านมา ที่ให้ตัวแทนบอร์ดและรองกรรมการท่านหนึ่ง เป็นตัวแทนไปเจรจา ปรากฎว่า มีการลดราคาลงมาอีกเหลือ 57 ล้านบาทจากเดิม 70 ล้านบาท แต่กลับขอค่าไทม์แชรริ่งเพิ่มเป็น 40 จากเดิม 35 ซึ่งเท่ากับว่าไม่มีอะไรต่างจากเดิม และคู่ถ่ายทอดที่ให้กับช่อง 9 ก็เป็นคู่ที่ไม่มีราคาค่างวด ซึ่งฝ่ายขายของ อสมท ระบุว่าขายไม่ได้แน่นอน
“คอบอลเค้ารู้กันหมด ส่งคู่เล็กๆ แบบนี้มาให้ อย่าว่าแต่ขายโฆษณาเลย คนดูจะมีหรือเปล่า ที่ตัวแทนบอร์ดไปต่อรองมา ก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ต่างอะไรกับของเดิม พนักงานสงสัยว่า ค่าลิขสิทธิ์สูงหลายพันล้าน มาเสนอให้อสมท จากเดิม160 ล้านบาทต่อปีลดมาเหลือ70 ล้านบาท หลังมีข่าว วันนี้มาบอก 57 ล้านบาท ธรรมชาติคนทำธุรกิจดีลลดได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ ไม่น่าเชื่อ ประกอบกับการเสนอมาที่ อสมท ครั้งแรกบอก15 ล้านเหรียญสหรัฐ อีก 20 วันเพิ่มเป็น 16.5 ล้านเหรียญ จะบอกว่าเขียนตัวเลขผิดคงเป็นไปไม่ได้ หรือว่าไถจะเอาไปแบ่งให้ใคร หรือบอร์ดชุดนี้ หรือรองกรรมการหญิงจะรับส่วนแบ่งด้วย”
ด้านนายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ยังคงยืนยันว่า ข้อเสนอที่มีรายงานข่าวขณะนี้ยังรับไม่ได้และได้สอบถามน.ส.มาลิน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาดแล้วว่า ไม่สามารถหาโฆษณาได้กำไรแน่นอน ส่วนตัวจึงยังยืนยันว่าดีลที่ดีที่สุดควรเป็นแบ่งเวลาโฆษณาเท่านั้น ตนยืนยันว่าจะยึดผลประโยชน์ของอสมท และประเทศเป็นหลัก อีกทั้งภาระที่จะต้องประมูลช่องทีวีดิจิตอล ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญกว่า ที่จะต้องพิจารณา ซึ่งอยากให้บอร์ดได้เร่งพิจารณาเรื่องดังกล่าวมากกว่า
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การสอบสวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจัดซื้อและพัฒนาเว็บไซด์ที่ถูก สตง. ชี้มูลว่า มีความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างในหลายประเด็น โดยเฉพาะกรณีการซื้อสูงกว่าราคาท้องตลาดถึง 11 รายการ และให้ อสมท ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงและสอบสวนทางวินัย
ล่าสุดมีรายงานว่า ผู้ที่ถูกสอบ คือ นางกฤตพร พากเพียร รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ซึ่งจะเกษียณอายุในเดือนก.ย.นี้ โดยพนักงาน อสมท ต่างวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวกันอย่างกว้างขวาง รวมถึงตัวบุคคลที่เป็นกรรมการจัดซื้อจัดจ้างและตรวจรับว่าเป็นใครบ้าง โดยกรรมการจัดซื้อบางรายเคยถูกส่งไปช่วยงานหน้าห้องอดีตรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลที่ผ่านมาด้วย และได้รับการโปรโมทเป็นผู้บริหารระดับต้น เมื่อกลับมาปฎิบัติหน้าที่ที่ อสมท ขณะที่นายเอนกได้สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนและระเบียบของอสมท ขณะที่พนักงานอสมท ได้ตั้งคำถามถึงนายเอนกเช่นกันว่าเหตุใดยังให้นางกฤตพรที่ถูกตั้งกรรมการสอบและมีเรื่องดังกล่าวได้กำกับดูแลงานในหลายด้านทั้งสำนักโทรทัศน์ สำนักวิทยุและสำนักการตลาด
ความคืบหน้ากรณี นายจักรพันธุ์ ยมจินดา รองประธานบอร์ดคนที่ 2 บมจ.อสมท ร่วมมือกับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่รายหนึ่ง พยายามจะผลักดันให้ อสมท ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจากซีทีเอช โดยจะมีการสรุปในวันนี้ (4 ก.ค.) เวลา 16.30 น. โดยขอมติจากบอร์ด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด พนักงานอสมท ส่วนใหญ่ยังคงไม่เห็นด้วย โดยประกาศให้มีการรวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจบอร์ด อสมท ที่จะแสดงความคิดเห็นโดยเสรี และไม่ถูกล็อบบี้จากนายจักรพันธุ์หรือรองกรรมการคนดังกล่าวผ่านผู้มีอิทธิพลที่มีชื่อย่อ "พ" ที่พยายามประสานผ่านนักการเมือง
โดยพนักงานอสมท ขอให้บอร์ดอสมท พิจารณาบนพื้นฐานของผลประโยชน์ของอสมท ที่ต้องรับผิดชอบต่อการนำรายได้เข้ารัฐในฐานะกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และบนผลประโยชน์ของประเทศในฐานะอสมท กำเนิดจากภาษีของประชาชน และสุดท้ายบนผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและพนักงานอสมท ซึ่งเชื่อว่า บอร์ดทุกคนจะใช้วิจารณญาณของตนเองและข้อมูลที่ได้ตรวจสอบมา โดยไม่ฟังข้อมูลหรือตัวเลขลมที่นายจักรพันธุ์กล่าวอ้างว่ามีมาแล้ว 200 ล้าน และบอกกับพนักงานว่า ตัวเองเป็นคนการันตี
แหล่งข่าวจาก อสมท กล่าวว่า พนักงาน อสมท เห็นว่า นายจักรพันธุ์เป็นใคร จะเอาตัวเองมาประกัน เพราะที่ผ่านมา ทำธุรกิจก็ล้มเหลว พอมาเข้า อสมท ก็จะเอาบริษัทลูกสาวมารับจ้างพัฒนาเว็บไซด์ออกแบบโลโก้ อสมท ใหม่ ผ่านรองกรรมการคนเดียวกัน แต่พนักงานรู้ก่อนแล้วจึงรวมตัวประท้วง สุดท้ายหากินอะไรไม่ได้ ก็ให้รองกรรมการคนนี้ ไปบังคับให้สถานีวิทยุหารายการให้จัด 2-3 รายการ ทั้งๆ ที่คนในสถานีวิทยุ ไม่มีใครเอา แม้แต่ผู้ช่วยกรรมการที่ดูแลสายงานวิทยุนายสนามชัย ก็ไม่เอา แต่ถูกข้ามหัวไป รองกรรมการคนนี้เป็นคนจัดการให้หมด
"อยากถามว่า พอนายจักรพันธุ์หมดวาระเป็นบอร์ด ถ้าบริษัทที่ไปขอไว้ เขาไม่ให้ค่าโฆษณา จะขายบ้านขายรถมาให้หรือเปล่า เราจะจับตาบอร์ดรายคนว่าใครอนุมัติเห็นชอบหรือไม่ หลังจากนี้ ถ้าใครเห็นชอบเราจะขึ้นป้ายประจานออกสื่อเป็นรายบุคคล อสมท มีอีกหลายเรื่องที่ต้องการความเห็นจากบอร์ดที่มีประสบการณ์ เช่น เรื่องทีวีดิจิตอลให้ช่วยดำเนินการ จึงไม่อยากให้บอร์ดที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณต้องมาเสียชื่อเสียงกับเรื่องนี้"
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า จากมติบอร์ดครั้งที่ผ่านมา ที่ให้ตัวแทนบอร์ดและรองกรรมการท่านหนึ่ง เป็นตัวแทนไปเจรจา ปรากฎว่า มีการลดราคาลงมาอีกเหลือ 57 ล้านบาทจากเดิม 70 ล้านบาท แต่กลับขอค่าไทม์แชรริ่งเพิ่มเป็น 40 จากเดิม 35 ซึ่งเท่ากับว่าไม่มีอะไรต่างจากเดิม และคู่ถ่ายทอดที่ให้กับช่อง 9 ก็เป็นคู่ที่ไม่มีราคาค่างวด ซึ่งฝ่ายขายของ อสมท ระบุว่าขายไม่ได้แน่นอน
“คอบอลเค้ารู้กันหมด ส่งคู่เล็กๆ แบบนี้มาให้ อย่าว่าแต่ขายโฆษณาเลย คนดูจะมีหรือเปล่า ที่ตัวแทนบอร์ดไปต่อรองมา ก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ต่างอะไรกับของเดิม พนักงานสงสัยว่า ค่าลิขสิทธิ์สูงหลายพันล้าน มาเสนอให้อสมท จากเดิม160 ล้านบาทต่อปีลดมาเหลือ70 ล้านบาท หลังมีข่าว วันนี้มาบอก 57 ล้านบาท ธรรมชาติคนทำธุรกิจดีลลดได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ ไม่น่าเชื่อ ประกอบกับการเสนอมาที่ อสมท ครั้งแรกบอก15 ล้านเหรียญสหรัฐ อีก 20 วันเพิ่มเป็น 16.5 ล้านเหรียญ จะบอกว่าเขียนตัวเลขผิดคงเป็นไปไม่ได้ หรือว่าไถจะเอาไปแบ่งให้ใคร หรือบอร์ดชุดนี้ หรือรองกรรมการหญิงจะรับส่วนแบ่งด้วย”
ด้านนายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ยังคงยืนยันว่า ข้อเสนอที่มีรายงานข่าวขณะนี้ยังรับไม่ได้และได้สอบถามน.ส.มาลิน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาดแล้วว่า ไม่สามารถหาโฆษณาได้กำไรแน่นอน ส่วนตัวจึงยังยืนยันว่าดีลที่ดีที่สุดควรเป็นแบ่งเวลาโฆษณาเท่านั้น ตนยืนยันว่าจะยึดผลประโยชน์ของอสมท และประเทศเป็นหลัก อีกทั้งภาระที่จะต้องประมูลช่องทีวีดิจิตอล ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญกว่า ที่จะต้องพิจารณา ซึ่งอยากให้บอร์ดได้เร่งพิจารณาเรื่องดังกล่าวมากกว่า
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การสอบสวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจัดซื้อและพัฒนาเว็บไซด์ที่ถูก สตง. ชี้มูลว่า มีความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างในหลายประเด็น โดยเฉพาะกรณีการซื้อสูงกว่าราคาท้องตลาดถึง 11 รายการ และให้ อสมท ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงและสอบสวนทางวินัย
ล่าสุดมีรายงานว่า ผู้ที่ถูกสอบ คือ นางกฤตพร พากเพียร รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ซึ่งจะเกษียณอายุในเดือนก.ย.นี้ โดยพนักงาน อสมท ต่างวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวกันอย่างกว้างขวาง รวมถึงตัวบุคคลที่เป็นกรรมการจัดซื้อจัดจ้างและตรวจรับว่าเป็นใครบ้าง โดยกรรมการจัดซื้อบางรายเคยถูกส่งไปช่วยงานหน้าห้องอดีตรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลที่ผ่านมาด้วย และได้รับการโปรโมทเป็นผู้บริหารระดับต้น เมื่อกลับมาปฎิบัติหน้าที่ที่ อสมท ขณะที่นายเอนกได้สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนและระเบียบของอสมท ขณะที่พนักงานอสมท ได้ตั้งคำถามถึงนายเอนกเช่นกันว่าเหตุใดยังให้นางกฤตพรที่ถูกตั้งกรรมการสอบและมีเรื่องดังกล่าวได้กำกับดูแลงานในหลายด้านทั้งสำนักโทรทัศน์ สำนักวิทยุและสำนักการตลาด