ASTVผู้จัดการออนไลน์ - พนักงาน อสมท ประกาศไม่เอาบอลพรีเมียร์ลีก จับตาบอร์ดรายคน ใครเห็นชอบพรุ่งนี้แสดงว่ามีเอี่ยวผลประโยชน์ครั้งนี้ แฉ “ซีทีเอช” ยอมหั่นราคาลงอีกเหลือ 57 ล้าน แต่ขอเพิ่มแชริ่งเป็น 40% ด้าน “เอนก” ยันไม่คุ้มยึดประโยชน์องค์กรเป็นหลัก ด้านการตรวจสอบทุจริตของ สตง.เปิดรายชื่อรองกรรมการที่ถูกสอบ พร้อมตั้งคำถามถึง ผอ.เอนกทำไมยังให้กำกับดูแลหน่วยงานทั้งที่ถูกสอบ
ความคืบหน้ากรณี นายจักรพันธุ์ ยมจินดา รองประธานบอร์ดคนที่ 2 บมจ.อสมท ร่วมมือกับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่รายหนึ่งพยายามจะผลักดันให้ อสมท ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจากซีทีเอช โดยจะมีการสรุปในวันพรุ่งนี้เวลา 16.30 น.โดยขอมติจากบอร์ดนั้น พนักงาน อสมท ส่วนใหญ่ยังคงไม่เห็นด้วย โดยประกาศให้มีการรวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจบอร์ด อสมท ที่จะแสดงความคิดเห็นโดยเสรีและไม่ถูกล็อบบี้จากนายจักรพันธุ์หรือรองกรรมการฯ คนดังกล่าวผ่านผู้มีอิทธิพลที่มีชื่อย่อ “พ” ที่พยายามประสานผ่านนักการเมือง โดยพนักงาน อสมท ขอให้บอร์ด อสมท พิจารณาบนพื้นฐานของผลประโยชน์ของ อสมท ที่ต้องรับผิดชอบต่อการนำรายได้เข้ารัฐในฐานะกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และบนผลประโยชน์ของประเทศในฐานะ อสมท กำเนิดจากภาษีของประชาชน และสุดท้ายบนผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและพนักงาน อสมท ซึ่งเชื่อว่าบอร์ดทุกคนจะใช้วิจารณญาณของตนเองและข้อมูลที่ได้ตรวจสอบมาโดยไม่ฟังข้อมูลหรือตัวเลขลมที่นายจักรพันธุ์กล่าวอ้างว่ามีมาแล้วสองร้อยล้าน โดยบอกกับพนักงานว่าตัวเองจะเป็นคนการันตี
“นายจักรพันธุ์เป็นใครจะเอาตัวเองมาประกัน ที่ผ่านมาทำธุรกิจก็ล้มเหลว พอมาเข้า อสมท ก็จะเอาบริษัทลูกสาวมารับจ้างพัฒนาเว็บไซต์ออกแบบโลโก้ อสมท ใหม่ผ่านรองกรรมการคนเดียวกัน แต่พนักงานรู้ก่อนแล้วรวมตัวประท้วง สุดท้ายหากินอะไรไม่ได้ก็ให้รองกรรมการคนนี้ไปบังคับให้สถานีวิทยุหารายการให้จัดสองสามรายการ ทั้งๆ ที่คนในสถานีวิทยุไม่มีใครเอาแม้แต่ผู้ช่วยกรรมการฯ ที่ดูแลสายงานวิทยุนายสนามชัยก็ไม่เอาแต่ถูกข้ามหัวไป รองกรรมการคนนี้เป็นคนจัดการให้หมด อยากถามว่า พอนายจักรพันธุ์หมดวาระเป็นบอร์ดถ้าบริษัทที่ไปขอไว้เขาไม่ให้ค่าโฆษณาจะขายบ้านขายรถมาให้หรือเปล่า เราจะจับตาบอร์ดรายคนว่าใครอนุมัติเห็นชอบหรือไม่ หลังจากนี้ถ้าใครเห็นชอบเราจะขึ้นป้ายประจานออกสื่อเป็นรายบุคคล อสมท มีอีกหลายเรื่องที่ต้องการความเห็นจากบอร์ดที่มีประสบการณ์ เช่นเรื่องทีวีดิจิตอลให้ช่วยดำเนินการ จึงไม่อยากให้บอร์ดที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณต้องมาเสียชื่อเสียงกับเรื่องนี้”
แหล่งข่าวแจ้งว่า จากมติบอร์ดครั้งที่ผ่านมาที่ให้ตัวแทนบอร์ดและรองกรรมการท่านหนึ่งเป็นตัวแทนไปเจรจา ปรากฏว่ามีการลดราคาลงมาอีกเหลือ 57 ล้านบาทจากเดิม 70 ล้านบาทแต่กลับขอค่าไทม์แชริ่งเพิ่มเป็น 40% จากเดิม 35% ซึ่งเท่ากับว่าไม่มีอะไรต่างจากเดิม และคู่ถ่ายทอดที่ให้กับช่อง 9 ก็เป็นคู่ที่ไม่มีราคาค่างวดซึ่งฝ่ายขายของ อสมท ระบุว่าขายไม่ได้แน่นอน
“คอบอลเขารู้กันหมด ส่งคู่เล็กๆ แบบนี้มาให้อย่าว่าแต่ขายโฆษณาเลย คนดูจะมีหรือเปล่า ที่ตัวแทนบอร์ดไปต่อรองมาก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ต่างอะไรกับของเดิม พนักงานสงสัยว่าค่าลิขสิทธิ์สูงหลายพันล้านมาเสนอให้ อสมท จากเดิม 160 ล้านบาทต่อปีลดมาเหลือ 70 ล้านบาท หลังมีข่าววันนี้มาบอก 57 ล้านบาท ธรรมชาติคนทำธุรกิจดีลลดได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ ไม่น่าเชื่อ ประกอบกับการเสนอมาที่ อสมท ครั้งแรกบอก 15 ล้านเหรียญสหรัฐ อีก 20 วันเพิ่มเป็น 16.5 ล้านเหรียญ จะบอกว่าเขียนตัวเลขผิดคงเป็นไปไม่ได้ หรือว่าจะเอาไปแบ่งให้ใคร หรือบอร์ดชุดนี้หรือรองกรรมการหญิงจะรับส่วนแบ่งฯ ด้วย”
ด้านนายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ยังคงยืนยันว่า ข้อเสนอที่มีรายงานข่าวขณะนี้ยังรับไม่ได้ และได้สอบถาม น.ส.มาลิน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาดแล้วว่าไม่สามารถหาโฆษณาได้กำไรแน่นอน ส่วนตัวจึงยังยืนยันว่าดีลที่ดีที่สุดควรเป็นแบ่งเวลาโฆษณาเท่านั้น ตนยืนยันว่าจะยึดผลประโยชน์ของ อสมท และประเทศเป็นหลัก อีกทั้งภาระที่จะต้องประมูลช่องทีวีดิจิตอลซึ่งเป็นเรื่องสำคัญกว่าที่จะต้องพิจารณา ซึ่งอยากให้บอร์ดได้เร่งพิจารณาเรื่องดังกล่าวมากกว่า
ด้านการสอบสวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจัดซื้อและพัฒนาเว็บไซต์ที่ถูก สตง.ชี้มูลว่ามีความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างในหลายประเด็น โดยแฉพาะกรณีการซื้อสูงกว่าราคาท้องตลาดถึง 11 รายการและให้ อสมท ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงและสอบสวนทางวินัยหากผลสอบชัดเจนนั้น ล่าสุดมีรายงานว่าผู้ที่ถูกสอบคือนางกฤตพร พากเพียร รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ซึ่งจะเกษียณอายุในเดือนกันยายนนี้ โดยพนักงาน อสมท ต่างวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวกันอย่างกว้างขวาง รวมถึงตัวบุคคลที่เป็นกรรมการจัดซื้อจัดจ้างและตรวจรับว่าเป็นใครบ้าง โดยกรรมการจัดซื้อบางรายเคยถูกส่งไปช่วยงานหน้าห้องอดีตรัฐมนตรีสำนักนายกฯ ในสมัยรัฐบาลที่ผ่านมาด้วยและได้รับการโปรโมตเป็นผู้บริหารระดับต้นเมื่อกลับมาปฏิบัติหน้าที่ที่ อสมท ขณะที่นายเอนกได้สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนและระเบียบของ อสมท ขณะที่พนักงาน อสมท ได้ตั้งคำถามถึงนายเอนกเช่นกันว่าเหตุใดยังให้นางกฤตพรที่ถูกตั้งกรรมการสอบและมีเรื่องดังกล่าวได้กำกับดูแลงานในหลายด้าน ทั้งสำนักโทรทัศน์ สำนักวิทยุ และสำนักการตลาด