ASTVผู้จัดการรายวัน - พนักงาน “อสมท” แฉ “จักรพันธุ์-รอง ผอ.” เบื้องหลังซื้อบอลพรีเมียร์ลีก จับพิรุธห่างกัน 20 วันเพิ่มราคาเสนอขายอีกกว่า 45 ล้านบาท ด้าน “เอนก” ตั้งรองการเงินประธานสอบรอง ผอ.ที่ถูก สตง.สอบ แฉเอกสารจาก สตง.ชัดซื้อสูงกว่าท้องตลาดถึง 11 รายการ
ความคืบหน้ากรณีนายสุธรรม แสงประทุม ประธานบอร์ด อสมท และนายจักรพันธุ์ ยมจินดา รองประธานบอร์ดคนที่ 2 มีความพยายามจะให้ อสมท ซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจากทางบริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) ทั้งที่ถูกพนักงาน อสมท คัดค้านเนื่องจากเห็นว่า ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 160 ล้านบาทต่อปี ก่อนที่จะลดกระแสต้านจากพนักงานด้วยการลดค่าลิขสิทธิ์เหลือ 70 ล้านบาทต่อปี และที่เหลือแบ่งเวลาโฆษณา 65/35 โดยมติบอร์ดครั้งที่ผ่านมาให้ตั้งคณะทำงานไปเจรจาต่อรองกับซีทีเอช อีกครั้งนั้น
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า มีข้อพิรุธจากเอกสารเสนอขายลิขสิทธิ์ของซีทีเอชที่เสนอมายัง อสมท ครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2556 เสนอขายที่ราคา 15 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ต่อมาในวันที่ 1 เมษายน 2556 กลับเสนอขายใหม่ในราคา 16.5 ล้านเหรียญสหรัฐภายใต้เงื่อนไขเดิม โดยยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ทำให้เกิดคำถามว่าระยะเวลาห่างกันเพียงแค่ 20 วันแต่ซีทีเอชกลับเพิ่มราคาถึง 1.5 ล้านเหรียญหรือกว่า 45 ล้านบาทด้วยเหตุผลใด หรือจำเป็นจะต้องจ่ายค่าคอมมิชชันให้ใครหรือไม่อย่างไร
เงื่อนไขเดิมที่ระบุคือ ทางสถานีฯได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดผู้เดียวตลอด 3 ฤดูกาล จำนวน 17 คู่การแข่งขันต่อ 1 ฤดูกาล และ 51 คู่ต่อ 3 ฤดูกาล สามารถนำสิทธิในการนำคลิปภาพเคลื่อนไหวของการแข่งขันครั้งนี้ เพื่อเผยแพร่ออกอากาศทางรายการข่าวของทางสถานีโมเดิร์นไนน์ตลอดทั้ง 3 ฤดูกาล และ อสมท ได้รับสิทธิ์ในการรับสัญญาณกรถ่ายทอดสดการแข่งขัน ในแมทช์ที่ตรงกับการจัดกิจกรรมที่ทาง อสมท เป็นผู้ดำเนินการจัดงานได้ทุกกิจกรรม โดยไม่จำกัดจำนวน
ขณะที่นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ยืนยันว่า เงื่อนไขที่ดีที่สุดคือการใช้ไทม์แชริ่งโดยไม่จ่ายเงินให้ซีทีเอชแม้แต่บาทเดียวเนื่องจากเหตุผลหลายประการ คือ ความไม่คุ้มค่าในการหาโฆษณา และที่สำคัญคือ การระดมเม็ดเงินเพื่อใช้ในการประมูลช่องทีวีดิจิตอล ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าสำหรับพนักงาน อสมท และอนาคตขององค์กรซึ่งต้องรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นและนำรายได้เข้ารัฐมากกว่าเรื่องฟุตบอลพรีเมียร์ลีก หากพิจารณาในภาพรวมขององค์กรจึงถือว่าไม่ซื้อก็ไม่เสียหาย
แหล่งข่าวรายงานด้วยว่า ต้นเหตุของความพยายามในการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในครั้งนี้เกิดจากนายจักรพันธุ์ร่วมมือกับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ที่ถูก สตง.สอบทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างร่วมกัน โดยให้นายสุธรรมเป็นคนออกหน้าในเรื่องนี้ โดยรองกรรมการฯ คนดังกล่าวหวังว่าหากทำเรื่องการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลสำเร็จ นายสุธรรม และนายจักรพันธุ์จะช่วยเหลือเรื่องการถูก สตง.สอบที่นายเอนกได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้น
ขณะที่การสอบการทุจริตจัดซื้อพร้อมติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการสร้างสรรค์และพัฒนาเว็บไซต์ หลังจากที่รองกรรมการฯ ท่านหนึ่งที่ถูกตั้งเป็นประธานสอบข้อเท้จริงได้ลาออกไปโดยมีรายงานว่าถูกข่มขู่ ล่าสุดนายเอนกได้ลงนามตั้งนายเจษฎา พรหมจาด หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการเงินเป็นประธานสอบแทนแล้ว โดยจากการตรวจสอบเอกสารการจัดซื้อในโครงการดังกล่าวพบว่ามีการจัดซื้อผิดปกติหลายประการ คือราคาสูงกว่าราคาท้องตลาดมากถึง 11 รายการ, มีการส่งมอบไม่ตรงตามสัญญา, คณะกรรมการตรวจรับพัสดุจัดทำใบตรวจรับสูงกว่าความเป็นจริง, จัดทำสัญญาสูงกว่างบประมาณที่กำหนดไว้ เป็นต้น
ด้านความเคลื่อนไหวของพนักงานได้มีการพูดคุยกันอย่างกว้างขวางในเรื่องดังกล่าว โดยเกือบทั้งหมดไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว และเห็นด้วยกับนายเอนกว่าเรื่องอนาคตของ อสมท ในการทำธุรกิจทีวีดิจิตอลที่จะมีการแข่งขันค่อนข้างสูงสำคัญกว่ามาก โดยไม่เห็นความจำเป็นจะต้องเสียเงิน 210 ล้านบาท 3 ปีเป็นค่าลิขสิทธิ์ให้ซีทีเอช ซึ่งยังไม่รวมค่าแอร์ไทม์และโฆษณาในช่วงเวลาที่จะต้องสูญเสียไปรวมถึงเรตติ้งด้วย
ความคืบหน้ากรณีนายสุธรรม แสงประทุม ประธานบอร์ด อสมท และนายจักรพันธุ์ ยมจินดา รองประธานบอร์ดคนที่ 2 มีความพยายามจะให้ อสมท ซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจากทางบริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) ทั้งที่ถูกพนักงาน อสมท คัดค้านเนื่องจากเห็นว่า ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 160 ล้านบาทต่อปี ก่อนที่จะลดกระแสต้านจากพนักงานด้วยการลดค่าลิขสิทธิ์เหลือ 70 ล้านบาทต่อปี และที่เหลือแบ่งเวลาโฆษณา 65/35 โดยมติบอร์ดครั้งที่ผ่านมาให้ตั้งคณะทำงานไปเจรจาต่อรองกับซีทีเอช อีกครั้งนั้น
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า มีข้อพิรุธจากเอกสารเสนอขายลิขสิทธิ์ของซีทีเอชที่เสนอมายัง อสมท ครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2556 เสนอขายที่ราคา 15 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ต่อมาในวันที่ 1 เมษายน 2556 กลับเสนอขายใหม่ในราคา 16.5 ล้านเหรียญสหรัฐภายใต้เงื่อนไขเดิม โดยยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ทำให้เกิดคำถามว่าระยะเวลาห่างกันเพียงแค่ 20 วันแต่ซีทีเอชกลับเพิ่มราคาถึง 1.5 ล้านเหรียญหรือกว่า 45 ล้านบาทด้วยเหตุผลใด หรือจำเป็นจะต้องจ่ายค่าคอมมิชชันให้ใครหรือไม่อย่างไร
เงื่อนไขเดิมที่ระบุคือ ทางสถานีฯได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดผู้เดียวตลอด 3 ฤดูกาล จำนวน 17 คู่การแข่งขันต่อ 1 ฤดูกาล และ 51 คู่ต่อ 3 ฤดูกาล สามารถนำสิทธิในการนำคลิปภาพเคลื่อนไหวของการแข่งขันครั้งนี้ เพื่อเผยแพร่ออกอากาศทางรายการข่าวของทางสถานีโมเดิร์นไนน์ตลอดทั้ง 3 ฤดูกาล และ อสมท ได้รับสิทธิ์ในการรับสัญญาณกรถ่ายทอดสดการแข่งขัน ในแมทช์ที่ตรงกับการจัดกิจกรรมที่ทาง อสมท เป็นผู้ดำเนินการจัดงานได้ทุกกิจกรรม โดยไม่จำกัดจำนวน
ขณะที่นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ยืนยันว่า เงื่อนไขที่ดีที่สุดคือการใช้ไทม์แชริ่งโดยไม่จ่ายเงินให้ซีทีเอชแม้แต่บาทเดียวเนื่องจากเหตุผลหลายประการ คือ ความไม่คุ้มค่าในการหาโฆษณา และที่สำคัญคือ การระดมเม็ดเงินเพื่อใช้ในการประมูลช่องทีวีดิจิตอล ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าสำหรับพนักงาน อสมท และอนาคตขององค์กรซึ่งต้องรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นและนำรายได้เข้ารัฐมากกว่าเรื่องฟุตบอลพรีเมียร์ลีก หากพิจารณาในภาพรวมขององค์กรจึงถือว่าไม่ซื้อก็ไม่เสียหาย
แหล่งข่าวรายงานด้วยว่า ต้นเหตุของความพยายามในการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในครั้งนี้เกิดจากนายจักรพันธุ์ร่วมมือกับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ที่ถูก สตง.สอบทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างร่วมกัน โดยให้นายสุธรรมเป็นคนออกหน้าในเรื่องนี้ โดยรองกรรมการฯ คนดังกล่าวหวังว่าหากทำเรื่องการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลสำเร็จ นายสุธรรม และนายจักรพันธุ์จะช่วยเหลือเรื่องการถูก สตง.สอบที่นายเอนกได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้น
ขณะที่การสอบการทุจริตจัดซื้อพร้อมติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการสร้างสรรค์และพัฒนาเว็บไซต์ หลังจากที่รองกรรมการฯ ท่านหนึ่งที่ถูกตั้งเป็นประธานสอบข้อเท้จริงได้ลาออกไปโดยมีรายงานว่าถูกข่มขู่ ล่าสุดนายเอนกได้ลงนามตั้งนายเจษฎา พรหมจาด หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการเงินเป็นประธานสอบแทนแล้ว โดยจากการตรวจสอบเอกสารการจัดซื้อในโครงการดังกล่าวพบว่ามีการจัดซื้อผิดปกติหลายประการ คือราคาสูงกว่าราคาท้องตลาดมากถึง 11 รายการ, มีการส่งมอบไม่ตรงตามสัญญา, คณะกรรมการตรวจรับพัสดุจัดทำใบตรวจรับสูงกว่าความเป็นจริง, จัดทำสัญญาสูงกว่างบประมาณที่กำหนดไว้ เป็นต้น
ด้านความเคลื่อนไหวของพนักงานได้มีการพูดคุยกันอย่างกว้างขวางในเรื่องดังกล่าว โดยเกือบทั้งหมดไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว และเห็นด้วยกับนายเอนกว่าเรื่องอนาคตของ อสมท ในการทำธุรกิจทีวีดิจิตอลที่จะมีการแข่งขันค่อนข้างสูงสำคัญกว่ามาก โดยไม่เห็นความจำเป็นจะต้องเสียเงิน 210 ล้านบาท 3 ปีเป็นค่าลิขสิทธิ์ให้ซีทีเอช ซึ่งยังไม่รวมค่าแอร์ไทม์และโฆษณาในช่วงเวลาที่จะต้องสูญเสียไปรวมถึงเรตติ้งด้วย
