ตอนเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยประกาศตัวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แข่งกับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนเขาก็รู้แค่ว่าเป็นน้องสาวของทักษิณ แต่ไม่รู้ว่ามีความสามารถอย่างไร รู้แต่ว่าเธอเคยเป็นผู้บริหารบริษัทที่พี่ชายตั้งขึ้น
แต่ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ก็ไม่สนว่า เธอจะมีความสามารถนำพาประเทศนี้ได้หรือไม่ แล้วก็พากันเลือกเพราะเธอเป็นน้องทักษิณ กระทั่งได้เป็นนายกรัฐมนตรีในที่สุด
พูดง่ายๆ ก็คือ ต่อให้เธอมีสติปัญญาน้อยกว่านี้เธอก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ดี
แล้วไม่น่าเชื่อนะครับว่า นายกรัฐมนตรีที่สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้หญิงคนแรกของประเทศที่ก้าวสู่ตำแหน่งสูงสุดในทางการเมืองและมีบางคนเย้ยหยันว่า เป็น “อีโง่” ไม่ได้สร้างประวัติศาสตร์อยู่แค่นั้น ตอนนี้เธอยังก้าวขึ้นเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหญิงคนแรกของประเทศอีกด้วย
เธอจะเป็นคนไร้สติปัญญาที่คนเขาสบประมาทหรือไม่ไม่รู้ แต่นับจากนี้เธอจะเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพของประเทศนี้ที่แท้จริง เสียงเล่าลือเล่าอ้างยังบอกอีกว่า การขึ้นสู่ตำแหน่งของเธอเป็นการร้องขอของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกที่มีความสนิทสนมชิดเชื้อเป็นพิเศษอีกด้วย
ไม่งั้นไม่ง่ายหรอกครับที่ผู้หญิงที่คนเขาว่ากันว่าไม่มีสติปัญญาอะไรจะได้ขึ้นสู่ตำแหน่งที่เรียกว่าผู้บังคับบัญชาของเหล่าทัพ
เขายังบอกว่านี่เป็นเรื่องของระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าเธอจะเป็น “อีโง่” หรือไม่ใช่ “อีโง่” อย่างที่เขาว่ากัน เมื่อประชาชนส่วนใหญ่เลือกพรรคของเธอมาบริหารประเทศแล้วเธอจะใช้อำนาจอย่างไรก็ได้ นับจากนี้ไปเหล่าทหารเจอนายกฯ คนสวยจะต้องแถวตรงกันทุกคน
ดีเสียอีกครับ ถ้ากองทัพและฝ่ายการเมืองจะเข้ากันได้และเอากันอยู่ ฝ่ายกองทัพก็ไม่ต้องกลัวการเมืองจะแทรก ฝ่ายการเมืองก็ไม่ต้องกลัวกองทัพจะยึดอำนาจ เพราะนายกฯ เป็นรัฐมนตรีกลาโหมแบบมองตาก็รู้ใจกับผู้นำเหล่าทัพ
และถ้าจะว่าไปแล้วเรื่องสติปัญญานี่ต้องให้ความเป็นธรรมกับเธอนะครับ เธอแค่พูดผิดจากอำเภอหาดใหญ่เป็นจังหวัดหาดใหญ่ เธอแค่สับสนว่า มาเลเซียปกครองด้วยระบอบประธานาธิบดี เธอแค่ไม่รู้ว่าซิดนีย์เป็นเมืองไม่ใช่ประเทศ เธอแค่จัดลำดับการนับเลขหลายหลักไม่ถูก เธอแค่มีภาษาไทยที่ไม่แข็งแรง ภาษาไทยมันดิ้นได้ คอนกรีต ถ้าจะอ่านว่า “คอ-นก-รีต” มันจะผิดตรงไหน เธอแค่ไม่รู้ว่าอาเซียนมีพลเมืองอยู่เท่าไหร่
พวกที่เรียกนายกฯ ว่า “อีโง่” ส่วนใหญ่เป็นพวกขี้อิจฉา พวกอนุรักษนิยมสุดขั้ว จารีตนิยมแบบสุดโต่ง
พวกที่ต่อต้านรัฐบาลปู เป็นพวกล้าหลังหาทางออกในระบอบประชาธิปไตยไม่เจอ เพราะแพ้เลือกตั้ง เรียกร้องอำนาจนอกระบบ รัฐบาลนี้มาจากเสียงข้างมาก ไม่ว่าทำอะไรผิดหรือถูกก็ทำได้ พวกคัดค้านต่อต้านรัฐบาลเป็นพวกขี้แพ้ชวนตีไม่เคารพเสียงข้างมากเผด็จการนิยม
ประชาธิปไตยเป็นการมอบอำนาจของประชาชนให้นักการเมืองฝ่ายที่ได้รับเสียงข้างมาก ถ้าชนะเลือกตั้งก็แสดงว่าได้ฉันทามติจากประชาชน ดังนั้นจะตั้งใครเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี เก่งโง่ชั่วดีเลวอย่างไรก็ต้องยอมรับกัน
ดังนั้น ไม่ผิดหรอกครับที่รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยจะตั้งรัฐมนตรีจากข้าราชการประจำ ที่ทุ่มเทกายใจรับใช้ฝ่ายการเมืองหรือรับใช้ครอบครัวชินวัตรที่เป็นเจ้าของพรรคเสียงข้างมากจากประชาชน
นางเบญจา หลุยเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในระหว่างรับราชการเป็นคนออกหนังสือยืนยันว่า สองพี่น้องตระกูลชินวัตร พานทองแท้และพินทองทา ไม่ต้องเสียภาษี 5,800 ล้านบาท เพราะทั้งสองซื้อหุ้นชินคอร์ป จำนวน 329.2 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาตลาดหุ้นละ 47-49 บาทจากบริษัท Ample Rich Investment Limited ซึ่งอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปของ คตส.มีข้อสรุปว่าสองพี่น้องตระกูลชินวัตรต้องเสียภาษีจากผลประโยชน์จาก “ส่วนต่าง” ราคาหุ้นเกือบ 16,000 ล้านบาท
นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม ถ้าเราจำได้ชัยเกษมนอกจากร่วมเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีซีทีเอ็กซ์ที่ถูก คตส.สอบสวนแล้ว ในยุคที่ชัยเกษมมีอำนาจเป็นอัยการสูงสุดไม่ว่า คตส.จะส่งสำนวนคดีอะไรให้อัยการส่งฟ้อง อัยการก็จะมีความเห็นให้สอบสวนเพิ่มเติม พร้อมให้แต่งตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการ และ คตส.แทบทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นคดีหวยบนดิน คดีกล้ายาง คดีเอ็กซิมแบงก์ ฯลฯ
นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ ยรรยงได้ดีเพราะพรรคของเนวินดันหลัง แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลปูมีอำนาจ ยรรยงเป็นข้าราชการประจำก็จริง แต่กล้าเปิดปากปะฉะดะกับฝ่ายค้าน ออกหน้าแทนนักการเมือง หลังฉุนที่ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ตอนนั้นออกมากล่าวหาว่า สินค้าแพงและกระทรวงพาณิชย์ปั้นตัวเลข ยรรยงจึงเปิดหน้าชกกับฝ่ายค้านแบบถูกอกถูกใจรัฐบาล
ทั้งเบญจา ชัยเกษม ยรรยง จะเก่งหรือทำงานได้หรือไม่ไม่รู้ แต่พวกเขารับใช้รัฐบาลและเจ้าของพรรคเสียงข้างมาก สังคมไทยสอนไม่ใช่หรือว่า บุญคุณต้องตอบแทน
กรณีของรัฐมนตรีทั้งสามจึงเป็นตัวอย่างสำหรับข้าราชการในระบอบประชาธิปไตยว่า จะก้าวหน้าในตำแหน่งราชการนั้นจะต้องทำงานรับใช้การเมือง รัฐบาลนี้ไม่เพียงแต่ให้โบนัสทั้ง 3 คนได้เก้าอี้รัฐมนตรีเท่านั้น ใครที่รับใช้ยังมีตำแหน่งในบอร์ดรัฐวิสาหกิจให้เชยชมด้วย กระทั่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดมาเป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ก็ทำมาแล้ว
รัฐบาลชุดนี้เป็นเสียงข้างมากที่ได้รับฉันทานุมัติจากประชาชน ดังนั้นไม่ต้องไปสนใจว่า การตั้งตำแหน่งมาทำงานทางการเมืองแบบตอบแทนกับผลประโยชน์ส่วนตัวนั้นจะเหมาะสมถูกควรหรือไม่
พวกต่อต้านรัฐบาลเป็นพวกเรียกร้องอำนาจนอกระบบถามหารัฐประหาร ไม่เคารพหลักการของระบอบประชาธิปไตย พวกศาล องค์กรอิสระก็เป็นพวกรับใช้อำมาตย์ เป็นการใช้อำนาจของคนไม่กี่คนไม่ได้รับฉันทานุมัติจากเสียงของประชาชนส่วนใหญ่แบบฝ่ายที่มาจากเสียงข้างมาก
ไม่ยอมรับว่านี่คือ ประชาธิปไตยของฝ่ายชนะ
ถ้าจะถามความแตกต่างระหว่างเหลืองกับแดง แดงนั้นอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย กล่าวหาว่าเหลืองเป็นพวกล้าหลัง แต่แปลกนะครับหลังเลือกตั้งแล้ว แดงกลับปล่อยให้ผู้ชนะเลือกตั้งใช้อำนาจอย่างไรก็ได้ ไม่สนใจว่าพรรครัฐบาลจะทุจริตหรือไม่ ใช้อำนาจอย่างชอบธรรมหรือไม่ แต่คนเสื้อเหลืองที่เป็นพันธมิตรฯ แท้นั้นเรียกร้องความโปร่งใสและธรรมาภิบาลทางการเมืองไม่ว่าพรรคไหนมีอำนาจ
สรุปแล้ว ประชาธิปไตยของเสื้อแดงก็คือ พรรคที่ชนะชอบธรรมในทุกเรื่องแม้จะทำในสิ่งที่ไม่ชอบธรรม คนเสื้อแดงจำกัดบทบาทของตัวเองไว้เพียงแค่ผู้ไปลงคะแนนเลือกตั้ง และรอให้เขาต้อนให้มาตายแทน
คนเสื้อแดงเป็นนักประชาธิปไตยที่ยอมตายเพื่อเข้าคูหาแล้วมอบประเทศนี้ให้นักการเมือง แม้จะได้ผู้นำที่มีคนเรียกว่า “อีโง่” หรือไม่ก็ตาม
แต่ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ก็ไม่สนว่า เธอจะมีความสามารถนำพาประเทศนี้ได้หรือไม่ แล้วก็พากันเลือกเพราะเธอเป็นน้องทักษิณ กระทั่งได้เป็นนายกรัฐมนตรีในที่สุด
พูดง่ายๆ ก็คือ ต่อให้เธอมีสติปัญญาน้อยกว่านี้เธอก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ดี
แล้วไม่น่าเชื่อนะครับว่า นายกรัฐมนตรีที่สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้หญิงคนแรกของประเทศที่ก้าวสู่ตำแหน่งสูงสุดในทางการเมืองและมีบางคนเย้ยหยันว่า เป็น “อีโง่” ไม่ได้สร้างประวัติศาสตร์อยู่แค่นั้น ตอนนี้เธอยังก้าวขึ้นเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหญิงคนแรกของประเทศอีกด้วย
เธอจะเป็นคนไร้สติปัญญาที่คนเขาสบประมาทหรือไม่ไม่รู้ แต่นับจากนี้เธอจะเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพของประเทศนี้ที่แท้จริง เสียงเล่าลือเล่าอ้างยังบอกอีกว่า การขึ้นสู่ตำแหน่งของเธอเป็นการร้องขอของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกที่มีความสนิทสนมชิดเชื้อเป็นพิเศษอีกด้วย
ไม่งั้นไม่ง่ายหรอกครับที่ผู้หญิงที่คนเขาว่ากันว่าไม่มีสติปัญญาอะไรจะได้ขึ้นสู่ตำแหน่งที่เรียกว่าผู้บังคับบัญชาของเหล่าทัพ
เขายังบอกว่านี่เป็นเรื่องของระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าเธอจะเป็น “อีโง่” หรือไม่ใช่ “อีโง่” อย่างที่เขาว่ากัน เมื่อประชาชนส่วนใหญ่เลือกพรรคของเธอมาบริหารประเทศแล้วเธอจะใช้อำนาจอย่างไรก็ได้ นับจากนี้ไปเหล่าทหารเจอนายกฯ คนสวยจะต้องแถวตรงกันทุกคน
ดีเสียอีกครับ ถ้ากองทัพและฝ่ายการเมืองจะเข้ากันได้และเอากันอยู่ ฝ่ายกองทัพก็ไม่ต้องกลัวการเมืองจะแทรก ฝ่ายการเมืองก็ไม่ต้องกลัวกองทัพจะยึดอำนาจ เพราะนายกฯ เป็นรัฐมนตรีกลาโหมแบบมองตาก็รู้ใจกับผู้นำเหล่าทัพ
และถ้าจะว่าไปแล้วเรื่องสติปัญญานี่ต้องให้ความเป็นธรรมกับเธอนะครับ เธอแค่พูดผิดจากอำเภอหาดใหญ่เป็นจังหวัดหาดใหญ่ เธอแค่สับสนว่า มาเลเซียปกครองด้วยระบอบประธานาธิบดี เธอแค่ไม่รู้ว่าซิดนีย์เป็นเมืองไม่ใช่ประเทศ เธอแค่จัดลำดับการนับเลขหลายหลักไม่ถูก เธอแค่มีภาษาไทยที่ไม่แข็งแรง ภาษาไทยมันดิ้นได้ คอนกรีต ถ้าจะอ่านว่า “คอ-นก-รีต” มันจะผิดตรงไหน เธอแค่ไม่รู้ว่าอาเซียนมีพลเมืองอยู่เท่าไหร่
พวกที่เรียกนายกฯ ว่า “อีโง่” ส่วนใหญ่เป็นพวกขี้อิจฉา พวกอนุรักษนิยมสุดขั้ว จารีตนิยมแบบสุดโต่ง
พวกที่ต่อต้านรัฐบาลปู เป็นพวกล้าหลังหาทางออกในระบอบประชาธิปไตยไม่เจอ เพราะแพ้เลือกตั้ง เรียกร้องอำนาจนอกระบบ รัฐบาลนี้มาจากเสียงข้างมาก ไม่ว่าทำอะไรผิดหรือถูกก็ทำได้ พวกคัดค้านต่อต้านรัฐบาลเป็นพวกขี้แพ้ชวนตีไม่เคารพเสียงข้างมากเผด็จการนิยม
ประชาธิปไตยเป็นการมอบอำนาจของประชาชนให้นักการเมืองฝ่ายที่ได้รับเสียงข้างมาก ถ้าชนะเลือกตั้งก็แสดงว่าได้ฉันทามติจากประชาชน ดังนั้นจะตั้งใครเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี เก่งโง่ชั่วดีเลวอย่างไรก็ต้องยอมรับกัน
ดังนั้น ไม่ผิดหรอกครับที่รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยจะตั้งรัฐมนตรีจากข้าราชการประจำ ที่ทุ่มเทกายใจรับใช้ฝ่ายการเมืองหรือรับใช้ครอบครัวชินวัตรที่เป็นเจ้าของพรรคเสียงข้างมากจากประชาชน
นางเบญจา หลุยเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในระหว่างรับราชการเป็นคนออกหนังสือยืนยันว่า สองพี่น้องตระกูลชินวัตร พานทองแท้และพินทองทา ไม่ต้องเสียภาษี 5,800 ล้านบาท เพราะทั้งสองซื้อหุ้นชินคอร์ป จำนวน 329.2 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาตลาดหุ้นละ 47-49 บาทจากบริษัท Ample Rich Investment Limited ซึ่งอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปของ คตส.มีข้อสรุปว่าสองพี่น้องตระกูลชินวัตรต้องเสียภาษีจากผลประโยชน์จาก “ส่วนต่าง” ราคาหุ้นเกือบ 16,000 ล้านบาท
นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม ถ้าเราจำได้ชัยเกษมนอกจากร่วมเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีซีทีเอ็กซ์ที่ถูก คตส.สอบสวนแล้ว ในยุคที่ชัยเกษมมีอำนาจเป็นอัยการสูงสุดไม่ว่า คตส.จะส่งสำนวนคดีอะไรให้อัยการส่งฟ้อง อัยการก็จะมีความเห็นให้สอบสวนเพิ่มเติม พร้อมให้แต่งตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการ และ คตส.แทบทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นคดีหวยบนดิน คดีกล้ายาง คดีเอ็กซิมแบงก์ ฯลฯ
นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ ยรรยงได้ดีเพราะพรรคของเนวินดันหลัง แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลปูมีอำนาจ ยรรยงเป็นข้าราชการประจำก็จริง แต่กล้าเปิดปากปะฉะดะกับฝ่ายค้าน ออกหน้าแทนนักการเมือง หลังฉุนที่ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ตอนนั้นออกมากล่าวหาว่า สินค้าแพงและกระทรวงพาณิชย์ปั้นตัวเลข ยรรยงจึงเปิดหน้าชกกับฝ่ายค้านแบบถูกอกถูกใจรัฐบาล
ทั้งเบญจา ชัยเกษม ยรรยง จะเก่งหรือทำงานได้หรือไม่ไม่รู้ แต่พวกเขารับใช้รัฐบาลและเจ้าของพรรคเสียงข้างมาก สังคมไทยสอนไม่ใช่หรือว่า บุญคุณต้องตอบแทน
กรณีของรัฐมนตรีทั้งสามจึงเป็นตัวอย่างสำหรับข้าราชการในระบอบประชาธิปไตยว่า จะก้าวหน้าในตำแหน่งราชการนั้นจะต้องทำงานรับใช้การเมือง รัฐบาลนี้ไม่เพียงแต่ให้โบนัสทั้ง 3 คนได้เก้าอี้รัฐมนตรีเท่านั้น ใครที่รับใช้ยังมีตำแหน่งในบอร์ดรัฐวิสาหกิจให้เชยชมด้วย กระทั่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดมาเป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ก็ทำมาแล้ว
รัฐบาลชุดนี้เป็นเสียงข้างมากที่ได้รับฉันทานุมัติจากประชาชน ดังนั้นไม่ต้องไปสนใจว่า การตั้งตำแหน่งมาทำงานทางการเมืองแบบตอบแทนกับผลประโยชน์ส่วนตัวนั้นจะเหมาะสมถูกควรหรือไม่
พวกต่อต้านรัฐบาลเป็นพวกเรียกร้องอำนาจนอกระบบถามหารัฐประหาร ไม่เคารพหลักการของระบอบประชาธิปไตย พวกศาล องค์กรอิสระก็เป็นพวกรับใช้อำมาตย์ เป็นการใช้อำนาจของคนไม่กี่คนไม่ได้รับฉันทานุมัติจากเสียงของประชาชนส่วนใหญ่แบบฝ่ายที่มาจากเสียงข้างมาก
ไม่ยอมรับว่านี่คือ ประชาธิปไตยของฝ่ายชนะ
ถ้าจะถามความแตกต่างระหว่างเหลืองกับแดง แดงนั้นอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย กล่าวหาว่าเหลืองเป็นพวกล้าหลัง แต่แปลกนะครับหลังเลือกตั้งแล้ว แดงกลับปล่อยให้ผู้ชนะเลือกตั้งใช้อำนาจอย่างไรก็ได้ ไม่สนใจว่าพรรครัฐบาลจะทุจริตหรือไม่ ใช้อำนาจอย่างชอบธรรมหรือไม่ แต่คนเสื้อเหลืองที่เป็นพันธมิตรฯ แท้นั้นเรียกร้องความโปร่งใสและธรรมาภิบาลทางการเมืองไม่ว่าพรรคไหนมีอำนาจ
สรุปแล้ว ประชาธิปไตยของเสื้อแดงก็คือ พรรคที่ชนะชอบธรรมในทุกเรื่องแม้จะทำในสิ่งที่ไม่ชอบธรรม คนเสื้อแดงจำกัดบทบาทของตัวเองไว้เพียงแค่ผู้ไปลงคะแนนเลือกตั้ง และรอให้เขาต้อนให้มาตายแทน
คนเสื้อแดงเป็นนักประชาธิปไตยที่ยอมตายเพื่อเข้าคูหาแล้วมอบประเทศนี้ให้นักการเมือง แม้จะได้ผู้นำที่มีคนเรียกว่า “อีโง่” หรือไม่ก็ตาม