วันที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์นักข่าวถึงการลดราคารับจำนำข้าวจากตันละ 15,000 บาท เหลือตันละ 12,000 บาทนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ด้วยอาการปกติ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่เคอะเขินอับอาย สีหน้าก็ไม่แดงเลยแม้แต่น้อย นับได้ว่านางแข็งแกร่งขึ้นมากทั้งจิตใจและใบหน้า
นางสาวยิ่งลักษณ์พูดถึงราคาตลาดโลก แถมยังมีหน้าแสดงความเป็นห่วงเป็นใยชาวนาอีกว่า ถ้าหากราคาข้าวสูงขึ้น ก็จะปรับราคารับจำนำให้สูงขึ้น และบอกว่า อาจจะต้องดูต่อไปจะแนะนำให้ชาวนาปลูกพืชอย่างอื่น นางสาวยิ่งลักษณ์ให้เหตุผลถึงการที่ต้องลดราคาจำนำข้าวลงเพราะเป็นห่วงฐานะการเงินของประเทศ เพราะเป็นห่วงวินัยการเงินของประเทศ
ไอ้เหตุและผลทั้งหลายที่นางสาวยิ่งลักษณ์ยกมาอ้างนั้น ท่านผู้อ่านทั้งหลายก็คงจะตระหนักดีว่า คือเหตุผลของผู้ที่เป็นห่วงเป็นใยประเทศชาติที่ได้เตือนรัฐบาลหุ่นยิ่งลักษณ์มาโดยตลอด นับตั้งแต่ที่มีโครงการรับจำนำข้าวด้วยวิธีการบ้าๆ โง่ๆ คือตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวทุกเมล็ดราคาตันละ 15,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าท้องตลาด โดยคิดว่า ถ้าหากสามารถกวาดข้าวทั้งหมดไว้ในยุ้งฉางของรัฐบาลแล้ว รัฐบาลก็จะสามารถกำหนดราคาข้าวได้อย่างสบายมาก เพราะไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ ถ้าหากไทยเก็บข้าวไว้ โลกทั้งโลกก็จะขาดแคลน ไทยก็จะสามารถกำหนราคาได้
พวกเขาไม่รู้ว่าที่เราสามารถส่งออกข้าวรายใหญ่นั้นเป็นความสามารถของพ่อค้าข้าว พวกเขาลืมคิดไปว่า ประเทศอื่นๆ เช่น อินเดีย พม่า บังกลาเทศ เวียดนาม หรือสหรัฐอเมริกาก็เป็นประเทศผู้ผลิตข้าวได้เช่นเดียวกับเรา เมื่อเราตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวสูงกว่าราคาตลาด (ตอแหลว่า รับจำนำ) ขายราคาตลาดก็ขาดทุน ก็ต้องเก็บข้าวไว้ด้วยหวังว่า ถ้าหากโลกขาดแคลนก็จะขายได้ราคาสูงทำกำไร
ข้าวผลิตได้ทุกปี ปีละหลายครั้ง โลกจะขาดแคลนก็ต่อเมื่อประเทศผู้ผลิตประสบภัยธรรมชาติ เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม นับแต่นโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เกิดขึ้น ยังไม่มีเหตุที่ทำให้ประเทศอื่นๆ ผลิตข้าวไม่ได้ ข้าวจึงล้นยุ้งฉางในประเทศไทย บางโรงสีส่งกลิ่นเน่าคละคลุ้งแล้ว บางโรงสีข้าวหายไปแล้วนับหมื่นนับแสนตัน เงินที่จะรับจำนำหมดไปแล้ว ถ้าจะรับจำนำต่อก็ต้องกู้เขามาจำนำ
และเมื่อถูกรุกหนักถึงตัวเลขการขาดทุนว่า แท้ที่จริงขาดทุนท่าไหร่กันแน่ 2 แสนล้านบาท หรือ 2.6 แสนล้านบาท หรือเป็นไปตามที่รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์อึกๆ อักๆ เหมือนน้ำท่วมปากบอกว่าขาดทุนจริง ไม่ทราบตัวลขเพราะยังไม่ปิดโครงการ แต่ก็ไม่น่าจะเกิน 8 หมื่นล้านบาท
ครั้นสามารถให้นายวราเทพ รัตนากร ตกแต่งตัวเลขการขาดทุนให้เป็น 1.3 แสนล้านบาท (ซึ่งไม่มีใครเชื่อ) รัฐบาลหุ่นยิ่งลักษณ์ก็รวบรัดตัดความว่า จะรับจำนำข้าวตันละ 12,000 บาท และจะเริ่มวันที่ 1 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งนี่ก็หมายความว่า
รัฐบาลเพิ่งจะมายอมจำนนต่อความห่วงใยของประชาชน นักวิชาการที่เห็นว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลไปไม่รอด หากเดินหน้าต่อไปมีแต่จะสร้างความฉิบหายวายวอดให้กับประเทศชาติ ปากดี คำพูดดีที่เคยบอกว่า เราจะเดินหน้ารับจำนำข้าวทุกเมล็ดในราคา 15,000 บาท ให้ชาวนาเถอะค่ะนั้นเปลี่ยนไปแล้วว่า เพื่อวินัยทางการเงิน เพื่อเป็นไปตามกลไกของตลาด
ลืมไปแล้วว่า เคยตอแหลไว้ว่าอย่างไร
และเมื่อไปไม่ได้ ไปไม่เป็นก็ไม่รู้จะทำอย่างไร นอกจากหั่นราคาที่ชาวนา นั่นก็คือ หั่นราคารับจำนำไป 300 บาท เป็นเงินที่ชาวนาจะต้องได้ ส่วนเงินที่จะต้องจ้างโรงสี จะต้องจ้างบริษัทตรวจรับคุณภาพข้าว จ้างยุ้งฉาง จ้างพนักงานที่เฝ้าเก็บรักษายังคงอยู่เหมือนเดิม
ก่อนหน้านี้ใครออกมาคัดค้านจะถูกรัฐบาลบอกว่า รัฐบาลประกาศเป็นนโยบายไปแล้ว จะต้องปฏิบัติตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้
มาวันนี้ไม่สามารถดำเนินการตามนโยบายที่ประกาศไว้ แทนที่จะลาออก รัฐบาลนี้ คณะรัฐมนตรีหุ่นชุดนี้ยังหน้าตาเฉยบอกว่า ได้ทำตามนโยบายแล้ว ชาวนารวยแล้วก็ต้องปรับเปลี่ยน
พวกเขาไม่เคยแสดงออกถึงความรับผิดชอบ ไม่ละอายเคอะเขิน หรือแม้แต่ที่จะสะเทินอาย นับว่ามีความสามารถในเชิง “หน้าด้าน” ได้ดีจริงๆ
การรับจำนำข้าวในราคาตันละ 15,000 บาทนั้น ความเป็นจริงก็คือชาวนาจะได้เพียง 12,000 บาท หรือ 13,000 บาทต่อตันเท่านั้น เพราะจะต้องถูกหักความชื้นออกไป เมื่อรับจำนำในราคา 12,000 บาท ชาวนาก็รู้ทันทีว่าจะได้ไม่ถึงตันละ 10,000 บาท จึงได้ก่อตัวที่จะประท้วงรัฐบาลให้รับจำนำในราคาเดิม
รับจำนำในราคาเดิมรัฐบาลก็เดินต่อไปไม่ได้เพราะความฉิบหายทั้งหลาย ผู้ที่ห่วงใยต่ออนาคตของชาติบ้านเมืองได้ออกมาเตือนแล้วด้วยความห่วงใย
สภาพของรัฐบาลขณะนี้จึงอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้า คายไม่ออก
นางสาวยิ่งลักษณ์พูดถึงราคาตลาดโลก แถมยังมีหน้าแสดงความเป็นห่วงเป็นใยชาวนาอีกว่า ถ้าหากราคาข้าวสูงขึ้น ก็จะปรับราคารับจำนำให้สูงขึ้น และบอกว่า อาจจะต้องดูต่อไปจะแนะนำให้ชาวนาปลูกพืชอย่างอื่น นางสาวยิ่งลักษณ์ให้เหตุผลถึงการที่ต้องลดราคาจำนำข้าวลงเพราะเป็นห่วงฐานะการเงินของประเทศ เพราะเป็นห่วงวินัยการเงินของประเทศ
ไอ้เหตุและผลทั้งหลายที่นางสาวยิ่งลักษณ์ยกมาอ้างนั้น ท่านผู้อ่านทั้งหลายก็คงจะตระหนักดีว่า คือเหตุผลของผู้ที่เป็นห่วงเป็นใยประเทศชาติที่ได้เตือนรัฐบาลหุ่นยิ่งลักษณ์มาโดยตลอด นับตั้งแต่ที่มีโครงการรับจำนำข้าวด้วยวิธีการบ้าๆ โง่ๆ คือตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวทุกเมล็ดราคาตันละ 15,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าท้องตลาด โดยคิดว่า ถ้าหากสามารถกวาดข้าวทั้งหมดไว้ในยุ้งฉางของรัฐบาลแล้ว รัฐบาลก็จะสามารถกำหนดราคาข้าวได้อย่างสบายมาก เพราะไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ ถ้าหากไทยเก็บข้าวไว้ โลกทั้งโลกก็จะขาดแคลน ไทยก็จะสามารถกำหนราคาได้
พวกเขาไม่รู้ว่าที่เราสามารถส่งออกข้าวรายใหญ่นั้นเป็นความสามารถของพ่อค้าข้าว พวกเขาลืมคิดไปว่า ประเทศอื่นๆ เช่น อินเดีย พม่า บังกลาเทศ เวียดนาม หรือสหรัฐอเมริกาก็เป็นประเทศผู้ผลิตข้าวได้เช่นเดียวกับเรา เมื่อเราตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวสูงกว่าราคาตลาด (ตอแหลว่า รับจำนำ) ขายราคาตลาดก็ขาดทุน ก็ต้องเก็บข้าวไว้ด้วยหวังว่า ถ้าหากโลกขาดแคลนก็จะขายได้ราคาสูงทำกำไร
ข้าวผลิตได้ทุกปี ปีละหลายครั้ง โลกจะขาดแคลนก็ต่อเมื่อประเทศผู้ผลิตประสบภัยธรรมชาติ เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม นับแต่นโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เกิดขึ้น ยังไม่มีเหตุที่ทำให้ประเทศอื่นๆ ผลิตข้าวไม่ได้ ข้าวจึงล้นยุ้งฉางในประเทศไทย บางโรงสีส่งกลิ่นเน่าคละคลุ้งแล้ว บางโรงสีข้าวหายไปแล้วนับหมื่นนับแสนตัน เงินที่จะรับจำนำหมดไปแล้ว ถ้าจะรับจำนำต่อก็ต้องกู้เขามาจำนำ
และเมื่อถูกรุกหนักถึงตัวเลขการขาดทุนว่า แท้ที่จริงขาดทุนท่าไหร่กันแน่ 2 แสนล้านบาท หรือ 2.6 แสนล้านบาท หรือเป็นไปตามที่รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์อึกๆ อักๆ เหมือนน้ำท่วมปากบอกว่าขาดทุนจริง ไม่ทราบตัวลขเพราะยังไม่ปิดโครงการ แต่ก็ไม่น่าจะเกิน 8 หมื่นล้านบาท
ครั้นสามารถให้นายวราเทพ รัตนากร ตกแต่งตัวเลขการขาดทุนให้เป็น 1.3 แสนล้านบาท (ซึ่งไม่มีใครเชื่อ) รัฐบาลหุ่นยิ่งลักษณ์ก็รวบรัดตัดความว่า จะรับจำนำข้าวตันละ 12,000 บาท และจะเริ่มวันที่ 1 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งนี่ก็หมายความว่า
รัฐบาลเพิ่งจะมายอมจำนนต่อความห่วงใยของประชาชน นักวิชาการที่เห็นว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลไปไม่รอด หากเดินหน้าต่อไปมีแต่จะสร้างความฉิบหายวายวอดให้กับประเทศชาติ ปากดี คำพูดดีที่เคยบอกว่า เราจะเดินหน้ารับจำนำข้าวทุกเมล็ดในราคา 15,000 บาท ให้ชาวนาเถอะค่ะนั้นเปลี่ยนไปแล้วว่า เพื่อวินัยทางการเงิน เพื่อเป็นไปตามกลไกของตลาด
ลืมไปแล้วว่า เคยตอแหลไว้ว่าอย่างไร
และเมื่อไปไม่ได้ ไปไม่เป็นก็ไม่รู้จะทำอย่างไร นอกจากหั่นราคาที่ชาวนา นั่นก็คือ หั่นราคารับจำนำไป 300 บาท เป็นเงินที่ชาวนาจะต้องได้ ส่วนเงินที่จะต้องจ้างโรงสี จะต้องจ้างบริษัทตรวจรับคุณภาพข้าว จ้างยุ้งฉาง จ้างพนักงานที่เฝ้าเก็บรักษายังคงอยู่เหมือนเดิม
ก่อนหน้านี้ใครออกมาคัดค้านจะถูกรัฐบาลบอกว่า รัฐบาลประกาศเป็นนโยบายไปแล้ว จะต้องปฏิบัติตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้
มาวันนี้ไม่สามารถดำเนินการตามนโยบายที่ประกาศไว้ แทนที่จะลาออก รัฐบาลนี้ คณะรัฐมนตรีหุ่นชุดนี้ยังหน้าตาเฉยบอกว่า ได้ทำตามนโยบายแล้ว ชาวนารวยแล้วก็ต้องปรับเปลี่ยน
พวกเขาไม่เคยแสดงออกถึงความรับผิดชอบ ไม่ละอายเคอะเขิน หรือแม้แต่ที่จะสะเทินอาย นับว่ามีความสามารถในเชิง “หน้าด้าน” ได้ดีจริงๆ
การรับจำนำข้าวในราคาตันละ 15,000 บาทนั้น ความเป็นจริงก็คือชาวนาจะได้เพียง 12,000 บาท หรือ 13,000 บาทต่อตันเท่านั้น เพราะจะต้องถูกหักความชื้นออกไป เมื่อรับจำนำในราคา 12,000 บาท ชาวนาก็รู้ทันทีว่าจะได้ไม่ถึงตันละ 10,000 บาท จึงได้ก่อตัวที่จะประท้วงรัฐบาลให้รับจำนำในราคาเดิม
รับจำนำในราคาเดิมรัฐบาลก็เดินต่อไปไม่ได้เพราะความฉิบหายทั้งหลาย ผู้ที่ห่วงใยต่ออนาคตของชาติบ้านเมืองได้ออกมาเตือนแล้วด้วยความห่วงใย
สภาพของรัฐบาลขณะนี้จึงอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้า คายไม่ออก