ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-รัฐบาลกำลังซวนเซ จากเรื่องรับจำนำข้าวที่ขาดทุนมหาศาล แค่ข้าวนาปี-นาปรัง ฤดูกาลผลิตปี 54-55 ก็ขาดทุนอย่างเป็นทางการไปแล้ว 1.3 แสนล้านบาท ยังไม่รวมฤดูกาลผลิตปี 55-56 ที่ยอดขาดทุนเบ็ดเสร็จ ทะลุหลัก 2 แสนล้านแน่ๆ จนรัฐบาลต้องลดราคารับจำนำลงมา จากตันละ 15,000 บาท เหลือตันละ 12,000 บาท
นี่เป็นแค่ภาพรวมกว้างๆ ของการรับจำนำข้าวที่ถือว่าล้มเหลว ยังไม่ได้ลงลึกถึงการทุจริต คอร์รัปชัน ที่จะต้องมีการขุดคุ้ยเป็นเรื่องใหญ่ตามมาอย่างแน่นอน
ขณะที่การเมืองภาคประชาชน ทั้งกลุ่มหน้ากากขาว และไทยสปริง ก็รุกหนัก ไล่รัฐบาลผ่านทางโซเชียลมีเดีย และมีการรวมตัวแสดงพลังกันทุกวันอาทิตย์ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ จำนวนคนที่ออกมาชุมนุมที่ลานเซนทรัลเวิลด์ แยกราชประสงค์ แล้วเดินขบวนไล่รัฐบาลมายังสี่แยกมาบุญครอง ก็เพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์ ทะลุหลักหมื่นไปแล้ว
เรียกว่ากระแสไล่รัฐบาลเริ่มจุดติดแล้ว ฝ่ายค้านโดยพรรคประชาธิปัตย์ จึงถือโอกาสนี้ ประกาศยื่นถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐมนตรี ยกคณะจากเรื่องประมูลโครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน ที่รัฐบาลเพิ่งเปิดซองประมููล สรุปให้ 4 กลุ่มธุรกิจที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ ได้รับงานไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบด้วย กลุ่มอิตัลไทย-จีน (ITD-Power China), กลุ่มทุนเกาหลี (K-Water),กลุ่มล็อกซ์เลย์ และกลุ่มบริษัทซัมมิต
พรรคประชาธิปัตย์ ระบุถึงความผิดของรัฐบาลว่า ตั้งเงื่อนไขการประมูลจำกัดไว้ให้กลุ่มธุรกิจรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย เข้าข่ายฮั้วประมูล ฝ่าฝืนกฎหมาย ป.ป.ช. เรื่องราคากลาง ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 วรรค 2 โดยไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม
ขั้นตอนการยื่นถอดถอนจะต้องมีส.ส.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของ ส.ส.ทั้งหมดในสภา ซึ่งจำนวนนี้ ไม่เป็นปัญหา เพราะแค่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียวก็เกินพอ จากนั้นยื่นต่อประธานวุฒิสภา เพื่อส่งต่อไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการถอดถอนรัฐบาลทั้งคณะ
แม้การยื่นถอดถอนดังกล่าวจะต้องใช้เวลาในการพิจารณาพอสมควรในการชี้มูลความผิด ว่าจะถอดถอนได้หรือไม่ แต่เมื่อเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ ในเดือนสิงหาคม ฝ่ายค้านก็จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซ้ำเป็นดาบสอง
เชื่อว่าสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงนั้น จะต้องร้อนแรงขึ้นมาทันที เพราะในส่วนของรัฐบาลนั้น ภารกิจเฉพาะหน้าที่ต้องเร่งดำเนินการ ก็คือ การแก้รัฐธรรมนูญ การออก พ.ร.บ.ปรองดอง หรือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม รวมทั้งการเร่งออก พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน เพื่อเป็นต้นทุนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
เพราะทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ เป็นใบสั่งจาก "นายใหญ่" ที่ต้องทำให้สำเร็จก่อนจะยุบสภา มิฉะนั้นสิ่งที่ได้เพียรพยายาม ฝ่าฟันมาตั้งแต่ต้น คงต้องล้มเหลว พังครืน
แน่นอนว่าฝ่ายค้านก็อ่านเกมนี้ออก จึงเดินแผนเร่งเร้าอุณหภูมิการเมือง ทั้งยื่นถอดถอน ทั้งเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขณะที่ภาคประชาชน ก็เดินเกมนอกสภา แล้วมาบรรจบกันในช่วงเปิดสภาสมัยหน้านี้
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะผ่านด่านสำคัญนี้ ก่อนที่จะยุบสภาได้หรือไม่ ต้องติดตาม !!