ASTVผู้จัดการรายวัน-ทีมสอบสวนคดี “เอกยุทธ”แจง กมธ.ตำรวจ “แจ๊ด” ยันขอเวลา 7 วันคลายปม 13 ข้อสงสัยทนาย ย้ำฆ่าชิงทรัพย์ ไม่เร่งปิดคดี ด้าน“ทนายสุวัตร”เผย เจ้าตัวรู้ดีจะโดนอุ้มฆ่า ชี้ปมการเมืองสั่งลงมือ เด็กปชป.ฉะอย่าทำคดีแบบเด็กเลี้ยงแกะ “ชูวิทย์”จี้ตร.ระวัง “ไอ้บอล”ถูกฆ่าตัดตอน
วานนี้(20 มิ.ย.56) คณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร มีนายสมชาย โล่ห์สถาพรพิพิธ เป็นประธานได้พิจารณาคดีการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง หลังจากที่นายสุวัฒน์ อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ ยื่น 13 ข้อสังเกตไปยัง ผบช.น.ว่ามีเงื่อนงำ โดยทีมทำคดีประกอบด้วย พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลตำรวจ เข้าชี้แจง รวมถึงนายสุวัฒน์ ส่วนพญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันทน์ อดีตผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ติดภารกิจ
พล.ต.อ.ปานศิริ ชี้แจงว่าได้แบ่งงาน และมอบหมายการสอบสวนสืนสวนคดีนี้แก่ ผบช.น.และตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ทั้งนี้ได้เสนอว่ามีรายละเอียดของคดีที่บางเรื่องยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะมีผลต่อรูปคดี จึงอยากจะขอชี้แจงเฉพาะกรรมาธิการฯ และยังไม่ควรเปิดเผยต่อสื่อ แต่หากประธานยืนยันให้สื่อมวลชนอยู่แล้วเกิดความเสียหายในสำนวนขอให้ประธานรับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ประธานยืนยันให้สื่อมวลชนอยู่รับฟัง และจะรับผิดชอบแต่หากมีสิ่งใดที่เปิดเผยแล้วจะกระทบกับรูปคดีก็ไม่ต้องเปิดเผย
ขณะที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้ลำดับเหตุการณ์จากผลการสอบสวนตั้งแต่ที่นายเอกยุทธถูกนำตัวไป มีความพยายามส่งสัญญาณว่าอยู่ในอันตราย และได้มีการติดต่อกับญาติ และกล่าวว่า จากผลการสืบสวนสอบสวนนั้น คดีนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เพราะคนร้ายเป็นคนใกล้ตัว พอถูกฆ่าตาย ญาติเพิ่งมาแจ้งความ ซึ่งทันทีที่มีการแจ้งความ ตนก็เรียกประชุมด่วน จนได้เบาะแสว่ารถของนายเอกยุทธวิ่งที่สุราษฎร์ธานี จึงทราบว่าลงไปใต้ ซึ่งการทำงานได้ประสานหลายส่วนรวมทั้งกองปราบ ทุกชุดลงไปทำงาน และเมื่อได้ตัวคนร้ายก็ยังไม่ได้นำมาแถลงทันที ต้องสอบสวนก่อน รวมทั้งยังได้เชิญตัวนายสุวัฒน์ มาร่วมสอบสวนด้วย
ในการตรวจพิสูจน์ทั้งหมดต้องทำด้วยความรวดเร็ว เพราะหากใช้หน่วยอื่น จะไม่ทันกับการสอบสวน และดำเนินคดี ซึ่งตำรวจต้องการทราบเวลาการเสียชีวิตที่แท้จริง ยืนยันทำคดีด้วยความโปร่งใสและพร้อมที่จะชี้แจงทั้งหมด
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังชี้แจงถึงกรณีที่เจอแหวนของนายเอกยุทธในรถ ซึ่งปกตินายเอกยุทธใส่ติดตัวตลอดเวลา ว่าแหวนดังกล่าวเด็กล้างรถเป็นผู้เจอ และพบใบเสร็จล้างรถราคา 4,900บาท เมื่อสอบสวนต่อทราบว่าเป็นการล้างทั้งรถ จึงทำให้ไม่เห็นคราบเลือดของนายเอกยุทธ
ด้านพล.ต.ต.ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รอเงผบ.ชน. กล่าวยืนยัน นายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาเป็นเด็กแว้น ติดการพนันฟุตบอล และมีความขัดแย้งกับนายเอกยุทธ และหากทุกคนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ก็ขอให้รอฟังคำพิพากษา เพราะคดีนี้นอกจากการสอบสวนแล้วยังมีขั้นตอนอัยการ และการพิพากษาคดีอีก
ขณะที่นายสุวัตร กล่าวว่า มูลเหตุจูงใจของคนร้ายหากประสงค์ต่อทรัพย์จริง ทำไมจึงนำทรัพย์สินไปทิ้งน้ำ เพราะตนทราบว่านายเอกยุทธมีนิสัยชอบพกเงินสดและของมีค่าติดตัวเหตุใดคนร้ายถึงเอาของเหล่านี้ไปทิ้งน้ำ ตนเชื่อว่าคนร้ายกลุ่มนี้ถือว่าเป็นมืออาชีพ เห็นได้จากการถอดฮารด์ดิสก์ของกล้องวงจรปิดในบ้านพักของนายเอกยุทธไปและที่สำคัญคือการทำลายเสื้อผ้าของนายเอกยุทธก่อนที่จะฝังศพ เนื่องจากเสื้อผ้าของนายเอกยุทธจะสามารถนำไปตรวจดีเอ็นไอของคนร้ายได้จากคราบเหงื่อหรือเลือด
"ผมเป็นทนายที่อยู่กับนายเอกยุทธมาเป็นเดือนถึงขนาดที่ว่านายเอกยุทธเคยพูดกับตนเอาไว้ว่า"ถ้าผมโดนอุ้มให้พี่รู้ไว้นะว่าเป็นใคร"ตนก็มีหน้าที่จะต้องบอกพนักงานสอบสวน เพราะตนไม่มีอำนาจ"นายสุวัตร กล่าว
นายสุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวรู้จักนายบอลดี และยังเคยมาชวนคนขับรถของตนไปทำงานกับนายเอกยุทธ เพราะได้เงินเดือนสูง อีกทั้งยังชื่นชมนายเอกยุทธตลอดเวลา รักลูกน้อง แต่หลังเกิดเหตุได้ตรวจสอบประวัตินายบอลภายหลัง พบว่าเคยชิงทรัพย์ร้านทอง และลงมือกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์หลายครั้ง และยังพบว่านายสันติภาพเคยเป็นลูกน้องร.อ.มนัส พรหมเผ่า หรือผู้กองตุ๋ย และมาเป็นคนขับรถให้นายเอกยุทธมาเพียง 7 เดือน และยังเคยมีกรณีเคยไล่พนักงานออก แต่เมื่อไล่ประเด็นไปแล้วดูไม่เห็นว่ามีศักยภาพที่จะทำร้ายได้ จึงพุ่งประเด็นไปที่เรื่องการเมืองเพราะนายเอกยุทธโพสต์ข้อความทางการเมือง
ทนายความของนายเอกยุทธ กล่าวต่อว่าจากการร่วมสอบสวนผู้ต้องหาในคดีนี้ร่วมกับผบช.น. ประกอบกับภาพจากกล้องวงจรปิดที่บ้านพบว่ามีการไปอุ้มจริง แต่มีความพยายามส่งสัญญาณจากนายเอกยุทธ ตั้งแต่การโทรศัพท์หาพี่สาวถามหากุญแจบ้าน การเซ็นเช็คผิดปีพ.ศ. จนธนาคารต้องโทรศัพท์หา แต่สิ่งที่สงสัย คือ คนร้ายต้องเป็นมืออาชีพ เพราะทราบรายละเอียดตั้งแต่การเขียนเช็ค ว่าต้องเขียนเช็คถึง 3 ใบจึงจะเบิกเงิน 5 ล้านได้ และเมื่อผิดพ.ศ. ทางธนาคารโทรศัพท์มาถาม ก็มีการส่งสัญญาณ อีกทั้งมีการนำฮาร์ดดิสต์ออกไป และสงสัยราคาค่าล้างรถ 4,900 บาทว่าคนเหล่านี้จะยอมจ่ายหรือสิ่งเหล่านี้ จึงเป็นที่มาของความสงสัยที่อยากให้ตอบ เพราะที่บอกว่ามูลเหตุจูงใจมุ่งประสงค์ต่อทรัพย์ เหตุใดเอาพระสมเด็จ นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ ไอแพด เงินสดในกระเป๋ามีเป็นแสนบาท กลับนำของมีค่าเหล่านี้ไปทิ้งน้ำ นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยถึงเหตุการณ์ในรถ ที่น่าเชื่อว่านายเอกยุทธถูก ล็อคตัว เพราะนายเอกยุทธเป็นคนใช้ปืนเป็น พร้อมยืนยันทั้งหมดเป็นข้อสงสัย และไม่ได้ตัดประเด็นอื่น เพียงแต่จากความใกล้ชิดกับนายเอกยุทธ จึงมีความสงสัย เพราะนายเอกยุทธเคยพูดกับตนถึงขั้นว่า ถ้าถูกอุ้ม ให้รู้เลยว่าเป็นเพราะใคร จึงเชื่อว่าคดีนี้ประสงค์ต่อชีวิต แต่เบี่ยงเบนเป็นชิงทรัพย์ และเชื่อว่าคนที่ทำไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน จึงฝากประเด็นไว้ ไม่มีเจตนาจะใส่ร้ายใคร
โดยพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ระบุว่า ได้พยายามทำความกระจ่างในทุกประเด็น และคาดว่าน่าจะกระจ่างได้ภายใน 7 วัน
ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการฯ กล่าวว่า คนมีข้อสงสัยว่ามีเหตจูงใจที่คนร้ายลงมือเป็นเพราะอะไรกันแน่เพราะคนร้ายลงมือกระทำแบบมีเหตุและมีผล ประการต่อมาที่น่าสงสัยคือ ทำไมกองปราบปรามถึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับการคลี่คลายคดีนี้น้อยมาก
"พล.ต.ท.คำรณวิทย์ น่าจะทราบว่าการทำคดีแบบนี้จะต้องรวบรวมหลักฐานให้ชัดเจนมากที่สุดก่อนที่จะออกมาให้ข้อมูลกับสาธารณะชน เพราะการออกมาแถลงข่าวในครั้งแรกว่านายเอกยุทธอาจจะอุ้มตัวเองนั้น การแถลงข่าวในครั้งต่อไปก็เหมือนเป็นเด็กเลี้ยงแกะ อีกทั้งพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ยังทำคดีเหมือมีความเชื่อและตั้งธงเอาไว้อยู่แล้ว"นายสาธิต กล่าวและว่า คดีของนายเอกยุทธที่เกิดขึ้นองค์กรตำรวจไม่สามารถตอบคำถามให้กับประชาชนได้เลย ทำให้องค์กรของตำรวจกำลังสั่นคลอนอย่างมาก และก็จะกระทบไปถึงความน่าเชื่อถือของรัฐบาลด้วย
วานนี้(20 มิ.ย.56) คณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร มีนายสมชาย โล่ห์สถาพรพิพิธ เป็นประธานได้พิจารณาคดีการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง หลังจากที่นายสุวัฒน์ อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ ยื่น 13 ข้อสังเกตไปยัง ผบช.น.ว่ามีเงื่อนงำ โดยทีมทำคดีประกอบด้วย พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลตำรวจ เข้าชี้แจง รวมถึงนายสุวัฒน์ ส่วนพญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันทน์ อดีตผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ติดภารกิจ
พล.ต.อ.ปานศิริ ชี้แจงว่าได้แบ่งงาน และมอบหมายการสอบสวนสืนสวนคดีนี้แก่ ผบช.น.และตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ทั้งนี้ได้เสนอว่ามีรายละเอียดของคดีที่บางเรื่องยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะมีผลต่อรูปคดี จึงอยากจะขอชี้แจงเฉพาะกรรมาธิการฯ และยังไม่ควรเปิดเผยต่อสื่อ แต่หากประธานยืนยันให้สื่อมวลชนอยู่แล้วเกิดความเสียหายในสำนวนขอให้ประธานรับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ประธานยืนยันให้สื่อมวลชนอยู่รับฟัง และจะรับผิดชอบแต่หากมีสิ่งใดที่เปิดเผยแล้วจะกระทบกับรูปคดีก็ไม่ต้องเปิดเผย
ขณะที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้ลำดับเหตุการณ์จากผลการสอบสวนตั้งแต่ที่นายเอกยุทธถูกนำตัวไป มีความพยายามส่งสัญญาณว่าอยู่ในอันตราย และได้มีการติดต่อกับญาติ และกล่าวว่า จากผลการสืบสวนสอบสวนนั้น คดีนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เพราะคนร้ายเป็นคนใกล้ตัว พอถูกฆ่าตาย ญาติเพิ่งมาแจ้งความ ซึ่งทันทีที่มีการแจ้งความ ตนก็เรียกประชุมด่วน จนได้เบาะแสว่ารถของนายเอกยุทธวิ่งที่สุราษฎร์ธานี จึงทราบว่าลงไปใต้ ซึ่งการทำงานได้ประสานหลายส่วนรวมทั้งกองปราบ ทุกชุดลงไปทำงาน และเมื่อได้ตัวคนร้ายก็ยังไม่ได้นำมาแถลงทันที ต้องสอบสวนก่อน รวมทั้งยังได้เชิญตัวนายสุวัฒน์ มาร่วมสอบสวนด้วย
ในการตรวจพิสูจน์ทั้งหมดต้องทำด้วยความรวดเร็ว เพราะหากใช้หน่วยอื่น จะไม่ทันกับการสอบสวน และดำเนินคดี ซึ่งตำรวจต้องการทราบเวลาการเสียชีวิตที่แท้จริง ยืนยันทำคดีด้วยความโปร่งใสและพร้อมที่จะชี้แจงทั้งหมด
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังชี้แจงถึงกรณีที่เจอแหวนของนายเอกยุทธในรถ ซึ่งปกตินายเอกยุทธใส่ติดตัวตลอดเวลา ว่าแหวนดังกล่าวเด็กล้างรถเป็นผู้เจอ และพบใบเสร็จล้างรถราคา 4,900บาท เมื่อสอบสวนต่อทราบว่าเป็นการล้างทั้งรถ จึงทำให้ไม่เห็นคราบเลือดของนายเอกยุทธ
ด้านพล.ต.ต.ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รอเงผบ.ชน. กล่าวยืนยัน นายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาเป็นเด็กแว้น ติดการพนันฟุตบอล และมีความขัดแย้งกับนายเอกยุทธ และหากทุกคนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ก็ขอให้รอฟังคำพิพากษา เพราะคดีนี้นอกจากการสอบสวนแล้วยังมีขั้นตอนอัยการ และการพิพากษาคดีอีก
ขณะที่นายสุวัตร กล่าวว่า มูลเหตุจูงใจของคนร้ายหากประสงค์ต่อทรัพย์จริง ทำไมจึงนำทรัพย์สินไปทิ้งน้ำ เพราะตนทราบว่านายเอกยุทธมีนิสัยชอบพกเงินสดและของมีค่าติดตัวเหตุใดคนร้ายถึงเอาของเหล่านี้ไปทิ้งน้ำ ตนเชื่อว่าคนร้ายกลุ่มนี้ถือว่าเป็นมืออาชีพ เห็นได้จากการถอดฮารด์ดิสก์ของกล้องวงจรปิดในบ้านพักของนายเอกยุทธไปและที่สำคัญคือการทำลายเสื้อผ้าของนายเอกยุทธก่อนที่จะฝังศพ เนื่องจากเสื้อผ้าของนายเอกยุทธจะสามารถนำไปตรวจดีเอ็นไอของคนร้ายได้จากคราบเหงื่อหรือเลือด
"ผมเป็นทนายที่อยู่กับนายเอกยุทธมาเป็นเดือนถึงขนาดที่ว่านายเอกยุทธเคยพูดกับตนเอาไว้ว่า"ถ้าผมโดนอุ้มให้พี่รู้ไว้นะว่าเป็นใคร"ตนก็มีหน้าที่จะต้องบอกพนักงานสอบสวน เพราะตนไม่มีอำนาจ"นายสุวัตร กล่าว
นายสุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวรู้จักนายบอลดี และยังเคยมาชวนคนขับรถของตนไปทำงานกับนายเอกยุทธ เพราะได้เงินเดือนสูง อีกทั้งยังชื่นชมนายเอกยุทธตลอดเวลา รักลูกน้อง แต่หลังเกิดเหตุได้ตรวจสอบประวัตินายบอลภายหลัง พบว่าเคยชิงทรัพย์ร้านทอง และลงมือกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์หลายครั้ง และยังพบว่านายสันติภาพเคยเป็นลูกน้องร.อ.มนัส พรหมเผ่า หรือผู้กองตุ๋ย และมาเป็นคนขับรถให้นายเอกยุทธมาเพียง 7 เดือน และยังเคยมีกรณีเคยไล่พนักงานออก แต่เมื่อไล่ประเด็นไปแล้วดูไม่เห็นว่ามีศักยภาพที่จะทำร้ายได้ จึงพุ่งประเด็นไปที่เรื่องการเมืองเพราะนายเอกยุทธโพสต์ข้อความทางการเมือง
ทนายความของนายเอกยุทธ กล่าวต่อว่าจากการร่วมสอบสวนผู้ต้องหาในคดีนี้ร่วมกับผบช.น. ประกอบกับภาพจากกล้องวงจรปิดที่บ้านพบว่ามีการไปอุ้มจริง แต่มีความพยายามส่งสัญญาณจากนายเอกยุทธ ตั้งแต่การโทรศัพท์หาพี่สาวถามหากุญแจบ้าน การเซ็นเช็คผิดปีพ.ศ. จนธนาคารต้องโทรศัพท์หา แต่สิ่งที่สงสัย คือ คนร้ายต้องเป็นมืออาชีพ เพราะทราบรายละเอียดตั้งแต่การเขียนเช็ค ว่าต้องเขียนเช็คถึง 3 ใบจึงจะเบิกเงิน 5 ล้านได้ และเมื่อผิดพ.ศ. ทางธนาคารโทรศัพท์มาถาม ก็มีการส่งสัญญาณ อีกทั้งมีการนำฮาร์ดดิสต์ออกไป และสงสัยราคาค่าล้างรถ 4,900 บาทว่าคนเหล่านี้จะยอมจ่ายหรือสิ่งเหล่านี้ จึงเป็นที่มาของความสงสัยที่อยากให้ตอบ เพราะที่บอกว่ามูลเหตุจูงใจมุ่งประสงค์ต่อทรัพย์ เหตุใดเอาพระสมเด็จ นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ ไอแพด เงินสดในกระเป๋ามีเป็นแสนบาท กลับนำของมีค่าเหล่านี้ไปทิ้งน้ำ นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยถึงเหตุการณ์ในรถ ที่น่าเชื่อว่านายเอกยุทธถูก ล็อคตัว เพราะนายเอกยุทธเป็นคนใช้ปืนเป็น พร้อมยืนยันทั้งหมดเป็นข้อสงสัย และไม่ได้ตัดประเด็นอื่น เพียงแต่จากความใกล้ชิดกับนายเอกยุทธ จึงมีความสงสัย เพราะนายเอกยุทธเคยพูดกับตนถึงขั้นว่า ถ้าถูกอุ้ม ให้รู้เลยว่าเป็นเพราะใคร จึงเชื่อว่าคดีนี้ประสงค์ต่อชีวิต แต่เบี่ยงเบนเป็นชิงทรัพย์ และเชื่อว่าคนที่ทำไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน จึงฝากประเด็นไว้ ไม่มีเจตนาจะใส่ร้ายใคร
โดยพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ระบุว่า ได้พยายามทำความกระจ่างในทุกประเด็น และคาดว่าน่าจะกระจ่างได้ภายใน 7 วัน
ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการฯ กล่าวว่า คนมีข้อสงสัยว่ามีเหตจูงใจที่คนร้ายลงมือเป็นเพราะอะไรกันแน่เพราะคนร้ายลงมือกระทำแบบมีเหตุและมีผล ประการต่อมาที่น่าสงสัยคือ ทำไมกองปราบปรามถึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับการคลี่คลายคดีนี้น้อยมาก
"พล.ต.ท.คำรณวิทย์ น่าจะทราบว่าการทำคดีแบบนี้จะต้องรวบรวมหลักฐานให้ชัดเจนมากที่สุดก่อนที่จะออกมาให้ข้อมูลกับสาธารณะชน เพราะการออกมาแถลงข่าวในครั้งแรกว่านายเอกยุทธอาจจะอุ้มตัวเองนั้น การแถลงข่าวในครั้งต่อไปก็เหมือนเป็นเด็กเลี้ยงแกะ อีกทั้งพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ยังทำคดีเหมือมีความเชื่อและตั้งธงเอาไว้อยู่แล้ว"นายสาธิต กล่าวและว่า คดีของนายเอกยุทธที่เกิดขึ้นองค์กรตำรวจไม่สามารถตอบคำถามให้กับประชาชนได้เลย ทำให้องค์กรของตำรวจกำลังสั่นคลอนอย่างมาก และก็จะกระทบไปถึงความน่าเชื่อถือของรัฐบาลด้วย