xs
xsm
sm
md
lg

“ทนายสุวัตร” แจง กมธ. “เอกยุทธ” เปรยถูกอุ้ม ชงข้อสังเกตบี้ ตร. “แจ๊ด” ขอ 7 วัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กมธ.ตร.ถกคดีฆ่า “เอกยุทธ” ตร.ยันคดีไม่ซับซ้อน สอบ “บอล” ยังเชิญทนายผู้ตายร่วม แจงเด็กล้างรถเจอแหวน ย้ำมือฆ่ามีปัญหาผู้ตาย ติดพนัน “ทนายสุวัตร” เผยผู้ตายเปรยจ่อถูกอุ้ม งัดคอ “แม้ว-ปู” ชี้คนฆ่ามืออาชีพ เชื่อมือฆ่าไร้เหตุลงมือ มั่นใจโบ้ยเป็นฆ่าชิงทรัพย์เหตุนำของมีค่าทิ้ง “สาธิต” งงกองปราบฯ ทำเฉย ผบช.น.เหมือนตั้งธงสอบ ตอก ตร.สั่นคลอน ปชช.สงสัย เด็ก พท.โดดป้องยันไม่เกี่ยว ปธ.กมธ.เผย ตร.ไม่รีบปิดคดี ขอ 7 วันเคลียร์ข้อสงสัย



วันนี้ ( 20 มิ.ย.) คณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร มีนายสมชาย โล่ห์สถาพรพิพิธ เป็นประธาน ได้พิจารณาถึงการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง หลังจากที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ ยื่น 13 ข้อสังเกตไปยัง ผบช.น.เกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายเอกยุทธที่ยังมีเงื่อนงำหลายอย่างน่าสงสัย โดย พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมตำรวจที่ทำคดีมาชี้แจง รวมทั้งนายสุวัตร ทนายความของนายเอกยุทธ ส่วน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันทน์ อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ไม่ได้เดินทางมา

โดย พล.ต.อ.ปานศิริชี้แจงว่าได้แบ่งงานกันทำโดยมอบหมายทั้ง ผบช.น.และตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ทั้งนี้ได้เสนอว่ามีรายละเอียดของคดีที่บางเรื่องยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะมีผลต่อรูปคดี จึงอยากจะขอชี้แจงเฉพาะกรรมาธิการฯ และยังไม่ควรเปิดเผยต่อสื่อ แต่หากประธานยืนยันให้สื่อมวลชนอยู่แล้วเกิดความเสียหายในสำนวนขอให้ประธานรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ประธานยืนยันให้สื่อมวลชนอยู่รับฟัง แต่หากมีสิ่งใดที่เปิดเผยแล้วจะกระทบกับรูปคดีก็ไม่ต้องเปิดเผย

ขณะที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้ลำดับเหตุการณ์จากผลการสอบสวนตั้งแต่ที่นายเอกยุทธถูกนำตัวไป มีความพยายามส่งสัญญาณว่าอยู่ในอันตราย และได้มีการติดต่อกับญาติ และจากผลการสืบสวนสอบสวนนั้น คดีนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เพราะคนร้ายเป็นคนใกล้ตัว พอถูกฆ่าตาย ญาติเพิ่งมาแจ้งความ ซึ่งทันทีที่มีการแจ้งความ ตนก็เรียกประชุมด่วน จนได้เบาะแสว่ารถของนายเอกยุทธวิ่งที่สุราษฎร์ธานี จึงทราบว่าลงไปใต้ ซึ่งการทำงานได้ประสานหลายส่วนรวมทั้งกองปราบ ทุกชุดลงไปทำงาน และเมื่อได้ตัวคนร้ายก็ยังไม่ได้นำมาแถลงทันที ต้องสอบสวนก่อน รวมทั้งยังได้เชิญตัวนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของนายเอกยุทธมาร่วมสอบสวนด้วย ในการตรวจพิสูจน์ทั้งหมดต้องทำด้วยความรวดเร็ว เพราะหากใช้หน่วยอื่นจะไม่ทันกับการสอบสวน และดำเนินคดี ซึ่งตำรวจต้องการทราบเวลาการเสียชีวิตที่แท้จริง ยืนยันทำคดีด้วยความโปร่งใสและพร้อมที่จะชี้แจงทั้งหมด

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังชี้แจงถึงกรณีที่เจอแหวนของนายเอกยุทธในรถ ซึ่งปกตินายเอกยุทธใส่ติดตัวตลอดเวลาว่า แหวนดังกล่าวเด็กล้างรถเป็นผู้เจอ และพบใบเสร็จล้างรถราคา 4,900 บาท เมื่อสอบสวนต่อทราบว่าเป็นการล้างทั้งรถ จึงทำให้ไม่เห็นคราบเลือดของนายเอกยุทธ

ด้าน พล.ต.ต.อนุทัย เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวยืนยันว่า นายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาเป็นเด็กแว้น ติดการพนันฟุตบอล และมีความขัดแย้งกับนายเอกยุทธ และหากทุกคนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมก็ขอให้รอฟังคำพิพากษา เพราะคดีนี้นอกจากการสอบสวนแล้วยังมีขั้นตอนอัยการ และการพิพากษาคดีอีก

โดยนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของนายเอกยุทธ กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นทนายความตั้งแต่แรก แต่นายเอกยุทธมาหาตน เพราะมีคดีความเรื่อง ว.5โฟรซีซั่นส์ ซึ่งได้ถามว่ามีปัญหากับใคร นายเอกยุทธยืนยันว่ามีปัญหากับอดีตนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน พอมาคดีนี้ได้ทราบเหตุการณ์หายตัวไป ซึ่งพอทราบว่าหายตัวไป สิ่งแรกที่คิดคือจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้ตัวนายเอกยุทธโดยเร็วที่สุด เพราะหากช้าหมายถึงการเสียชีวิต จึงวิ่งไปกองปราบปราม และพบว่าญาติได้แจ้งความไว้แล้วที่ สน.วังทองหลาง

นายสุวัตรกล่าวต่อว่า มูลเหตุจูงใจของคนร้ายหากประสงค์ต่อทรัพย์จริง ทำไมจึงนำทรัพย์สินไปทิ้งน้ำ เพราะตนทราบว่านายเอกยุทธมีนิสัยชอบพกเงินสดและของมีค่าติดตัว เหตุใดคนร้ายถึงเอาของเหล่านี้ไปทิ้งน้ำ ตนเชื่อว่าคนร้ายกลุ่มนี้ถือว่าเป็นมืออาชีพ เห็นได้จากการถอดฮาร์ดดิสก์ของกล้องวงจรปิดในบ้านพักของนายเอกยุทธไป และที่สำคัญคือการทำลายเสื้อผ้าของนายเอกยุทธก่อนที่จะฝังศพ เนื่องจากเสื้อผ้าของนายเอกยุทธจะสามารถนำไปตรวจดีเอ็นไอของคนร้ายได้จากคราบเหงื่อหรือเลือด

“ผมเป็นทนายที่อยู่กับนายเอกยุทธมาเป็นเดือน ถึงขนาดที่ว่านายเอกยุทธเคยพูดกับผมเอาไว้ว่า ถ้าผมโดนอุ้ม ให้พี่รู้ไว้นะว่าเป็นใคร ตนก็มีหน้าที่จะต้องบอกพนักงานสอบสวน เพราะผมไม่มีอำนาจ” นายสุวัตรกล่าว

นายสุวัตรกล่าวต่อว่า ส่วนตัวรู้จักนายบอลดี และยังเคยมาชวนคนขับรถของตนไปทำงานกับนายเอกยุทธเพราะได้เงินเดือนสูง อีกทั้งยังชื่นชมนายเอกยุทธตลอดเวลา รักลูกน้อง แต่หลังเกิดเหตุได้ตรวจสอบประวัตินายบอลภายหลังพบว่าเคยชิงทรัพย์ร้านทอง และลงมือกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์หลายครั้ง และยังพบว่านายสันติภาพเคยเป็นลูกน้อง ร.อ.มนัส พรหมเผ่า หรือผู้กองตุ๋ย และมาเป็นคนขับรถให้นายเอกยุทธมาเพียง 7 เดือน และยังเคยมีกรณีเคยไล่พนักงานออก แต่เมื่อไล่ประเด็นไปแล้วดูไม่เห็นว่ามีศักยภาพที่จะทำร้ายได้ จึงพุ่งประเด็นไปที่เรื่องการเมืองเพราะนายเอกยุทธมักโพสต์ข้อความทางการเมือง

ทนายความของนายเอกยุทธกล่าวต่อว่า จากการร่วมสอบสวนผู้ต้องหาในคดีนี้ร่วมกับ ผบช.น. ประกอบกับภาพจากกล้องวงจรปิดที่บ้านพบว่ามีการไปอุ้มจริง แต่มีความพยายามส่งสัญญาณจากนายเอกยุทธ ตั้งแต่การโทรศัพท์หาพี่สาวถามหากุญแจบ้าน การเซ็นเช็คผิดปี พ.ศ. จนธนาคารต้องโทรศัพท์หา แต่สิ่งที่สงสัย คือ คนร้ายต้องเป็นมืออาชีพ เพราะทราบรายละเอียดตั้งแต่การเขียนเช็ค ว่าต้องเขียนเช็คถึง 3 ใบจึงจะเบิกเงิน 5 ล้านได้ และเมื่อผิด พ.ศ. ทางธนาคารโทรศัพท์มาถามก็มีการส่งสัญญาณ อีกทั้งมีการนำฮาร์ดดิสต์ออกไป และสงสัยราคาค่าล้างรถ 4,900 บาทว่าคนเหล่านี้จะยอมจ่ายหรือสิ่งเหล่านี้ จึงเป็นที่มาของความสงสัยที่อยากให้ตอบ เพราะที่บอกว่ามูลเหตุจูงใจมุ่งประสงค์ต่อทรัพย์ เหตุใดเอาพระสมเด็จ นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ ไอแพด เงินสดในกระเป๋ามีเป็นแสนบาท กลับนำของมีค่าเหล่านี้ไปทิ้งน้ำ นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยถึงเหตุการณ์ในรถ ที่น่าเชื่อว่านายเอกยุทธถูกล็อกตัว เพราะนายเอกยุทธเป็นคนใช้ปืนเป็น พร้อมยืนยันทั้งหมดเป็นข้อสงสัย และไม่ได้ตัดประเด็นอื่น เพียงแต่จากความใกล้ชิดกับนายเอกยุทธ จึงมีความสงสัย เพราะนายเอกยุทธเคยพูดกับตนถึงขั้นว่า ถ้าถูกอุ้ม ให้รู้เลยว่าเป็นเพราะใคร จึงเชื่อว่าคดีนี้ประสงค์ต่อชีวิต แต่เบี่ยงเบนเป็นชิงทรัพย์ และเชื่อว่าคนที่ทำไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน จึงฝากประเด็นไว้ ไม่มีเจตนาจะใส่ร้ายใคร

พล.ต.ท.คำรณวิทย์จึงกล่าวว่า ได้พยายามทำความกระจ่างในทุกประเด็น และคาดว่าน่าจะกระจ่างได้ภายใน 7 วัน

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ ในฐานะกรรมาธิการกล่าวว่า มีข้อสงสัยว่ามีเหตจูงใจที่คนร้ายลงมือเป็นเพราะอะไรกันแน่ เพราะคนร้ายลงมือกระทำแบบมีเหตุและมีผล ประการต่อมาที่น่าสงสัยคือ ทำไมกองปราบปรามถึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับการคลี่คลายคดีนี้น้อยมาก

“พล.ต.ท.คำรณวิทย์น่าจะทราบว่าการทำคดีแบบนี้จะต้องรวบรวมหลักฐานให้ชัดเจนมากที่สุดก่อนที่จะออกมาให้ข้อมูลต่อสาธารณชน เพราะการออกมาแถลงข่าวในครั้งแรกว่านายเอกยุทธอาจจะอุ้มตัวเองนั้น การแถลงข่าวในครั้งต่อไปก็เหมือนเป็นเด็กเลี้ยงแกะ อีกทั้ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ยังทำคดีเหมือนมีความเชื่อและตั้งธงเอาไว้อยู่แล้ว” นายสาธิตกล่าว

นายสาธิตกล่าวต่อว่า คดีของนายเอกยุทธที่เกิดขึ้นองค์กรตำรวจไม่สามารถตอบคำถามให้กับประชาชนได้เลย ทำให้องค์กรของตำรวจกำลังสั่นคลอนอย่างมาก และก็จะกระทบไปถึงความน่าเชื่อถือของรัฐบาลด้วย

ด้าน จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า นายสาธิตไม่เคยเป็นตำรวจเลยไม่เข้าใจ เพราะตนเชื่อว่าตำรวจทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้วสำหรับคดีของคนคนเดียว ส่วนการที่นายสุวัตรตั้งประเด็น 13 ข้อนั้นตนขอแนะนำให้ตั้งประเด็นเพิ่มขึ้นอีกสักข้อก็คือต้องมองไปถึงอดีตของนายเอกยุทธด้วยว่าเคยทำบาปทำกรรมกับใครเอาไว้ หรือมีศัตรูมาน้อยแค่ไหน

ด้านนายฉลอง เรี่ยวแรง ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า ตนขอให้ตัดประเด็นว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ เพราะถ้าเป็นมืออาชีพระดับตำรวจหรือทหารจริงก็คงไม่เหลือร่องรอยให้เราจับได้อย่างแน่นอน

นายสมชาย โล่ห์สถาพรพิพิธ ประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังการประชุมว่า ข้อสรุปภายในที่ประชุมโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ปิดคดีการฆาตกรรมของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดังอย่างรวดเร็ว ซึ่งทาง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.สัญญาจะตอบข้อสงสัย 13 ประเด็นของนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของนายเอกยุทธได้ใน 7 วัน แต่ก็คงจะตอบได้เฉพาะบางประเด็นเท่านั้น

ขณะที่ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในที่ประชุมกรรมาธิการถือว่าเป็นประโยชน์โดยเฉพาะข้อสงสัย 13 ข้อของ ซึ่งบางส่วนได้มีการนำไปปฏิบัติบ้างแล้ว โดยจากนี้ไปเจ้าหน้าที่ตำรวจจะค้นหาความอย่างตรงไปตรงมาต่อไป ไม่รีบปิดคดี เนื่องจากคดีนี้จะต้องรอผลการพิสูจน์หลักฐานอื่นๆ ประกอบด้วย

ส่วนกรณีที่มีผู้ร้องเรียนว่าคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ใกล้ชิดกับนักการเมืองนั้น พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวยืนยันว่าจะมีการตรวจสอบในทุกประเด็น









กำลังโหลดความคิดเห็น