xs
xsm
sm
md
lg

“2 กลุ่ม” มุ่งปลิดชีวิต “เอกยุทธ อัญชันบุตร” !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การหายตัวของเอกยุทธ อัญชันบุตร ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่ากับว่า วันนี้เขาต้องตายเพราะใคร? วงในชี้คู่ขัดแย้งมี 2 กลุ่ม “การเมือง-คนมีสี” ขณะที่พฤติกรรมแวดล้อม เชื่อถูกอุ้มและหมายปลิดชีวิตแน่นอน

ข่าวนายเอกยุทธ อัญชันบุตร เซียนหุ้นตัวยงคนหนึ่งของไทย หายตัวไปตั้งแต่ 6 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา จนญาติต้องเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับนายเอกยุทธ

ก่อนหายตัวไปนายเอกยุทธได้เซ็นเช็คเบิกเงินสด 5 ล้านบาทที่สนามบินสุวรรณภูมิ และหายไปพร้อมกับคนขับรถคือนายสันติภาพ เพ็งดวง หลังจากนั้นมีการติดตามพบรถตู้โฟล์กสวาเกน หมายเลขทะเบียน ฮพ 9304 กรุงเทพมหานคร พบว่า เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน เวลา 10.36 น. รถคันดังกล่าวผ่านที่บริเวณ อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี

ล่าสุดคนขับรถนายเอกยุทธได้สารภาพแล้ววว่าสังหารเจ้านายตัวเอง
โดยอ้างว่าเพื่อชิงทรัพย์และล้างแค้นที่นายเอกยุทธไล่แฟนสาวออกจากงาน หลังจากก่อนหน้านั้นให้การ ว่านายเอกยุทธอาจเดินทางไปพม่า ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวสะพัดมาอย่างต่อเนื่องว่า พบศพนายเอกยุทธแล้วที่พัทลุง

โดยปมในการหายตัวไปของนายเอกยุทธถูกคาดหมายว่า มีมูลมาจากหลายสาเหตุ ทั้งเรื่องการไล่พนักงาน 3 คนของบริษัทออกอันเนื่องมาจากการยักยอกเงิน รวมไปถึง 1 ใน 3 ของผู้ที่ถูกให้ออกมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนขับรถของนายเอกยุทธ

นอกจากนี้นายเอกยุทธยังมีคดีฟ้องร้องกันระหว่างเขากับพลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าของวลีเด็ด “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ในคดีหมิ่นประมาท อันเนื่องมาจากเหตุที่เกิดขึ้นที่คาราโอเกะซิตี้ ที่นายเอกยุทธถูกดำเนินคดีทำร้ายร่างกายพนักงานในร้านและทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์ในช่วงปลายปี 2555 โดยคดีหมิ่นประมาทนายเอกยุทธได้เดินทางมาที่ศาลอาญาเมื่อ 3 มิถุนายนที่ผ่านมาแต่ฝ่ายจำเลย (นายตำรวจ 5 นาย) ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ออกไปก่อน เนื่องจากอยู่ระหว่างทำหนังสือขอแต่งตั้งอัยการเป็นทนายความเพื่อแก้ต่างคดีให้ และศาลนัดอีกครั้งในวันที่ 15 กรกฎาคม 2556

แต่ที่ทุกคนทราบกันดีคือนายเอกยุทธเดินหน้าชนทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่ช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงทุกรัฐบาลที่เครือข่ายของทักษิณบริหารประเทศ จนถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “ว.5 โฟร์ซีซั่นส์” ที่เขาเป็นคนเปิดเผยในเรื่องนี้ และถูกทำร้ายร่างกาย กลายเป็นเรื่องที่อื้ออึงมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงข้อเขียนในเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ของเขาถึงกรณีการเดินทางไปของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ที่ประเทศมัลดีฟส์ ที่เนื้อความออกไปในทางที่เกี่ยวข้องกับเรื่องชู้สาว

ว่ากันตามตรงแล้วนับตั้งแต่เรื่องโฟร์ซีซั่นส์เป็นต้นมา ภาพลักษณ์ของยิ่งลักษณ์ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางชู้สาว รวมไปถึงการนำเอาภาพของยิ่งลักษณ์ในงานต้อนรับบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยก็ถูกโจมตีเช่นกัน

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น เห็นได้ชัดว่ากระแสสังคมบนโลกออนไลน์ต่างมุ่งไปในเรื่องดังกล่าว พร้อมกับการตอกย้ำด้วยเรื่องของมัลดีฟส์ที่นายเอกยุทธเขียนในเว็บไซต์ “ไทยอินไซเดอร์” ของเขาในระหว่างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังอยู่ระหว่างการเยือนประเทศศรีลังกาและมัลดีฟส์

แน่นอนว่าข้อความที่ปรากฏนั้นทำเอาคนในพรรคเพื่อไทยและตัวนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่พอใจนายเอกยุทธในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

เพียงแค่ประเด็น “ว.5 โฟร์ซีซั่นส์” และเหตุเกิดที่มัลดีฟส์ ก็มีกระแสตอบโต้จากคนในพรรคเพื่อไทย หรือคนใกล้ชิด รักและต้องการปกป้องยิ่งลักษณ์ ออกมาตอบโต้เรื่องนี้อย่างรุนแรงซึ่งสามารถสัมผัสได้จากข้อความที่ตอบโต้ อาทิ พรรคเพื่อไทยได้ตอบโต้การขยายผลในครั้งนี้ด้วยการสู้ในเรื่องของสิทธิสตรีและการหมิ่นศักดิ์ศรีผู้หญิง พร้อมทั้งการให้ยิ่งลักษณ์ที่ไปทำพิธีเปิดกองทุนสตรีจังหวัดละ 100 ล้านบาท ขอความเห็นใจจากเพศชายให้ช่วยกันรักษาเกียรติของลูกผู้หญิง พร้อมปลุกเรื่องการปกป้องสิทธิสตรี จน นางสุภัคสร วรรณปลูก ประธานเครือข่ายแม่ญิงพะเยา ออกมาเคลื่อนไหวประณามนายเอกยุทธ

ส่วน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมทีมทนายความได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี กรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมากล่าววิจารณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ที่เป็นผลจากการเปิดประเด็นของนายเอกยุทธ

โดยแยกเป็น 3 คดี คดีแรกเป็นกรณีที่นายศิริโชค โสภา นายเทพไทย เสนพงศ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และเจ้าของทีวีดาวเทียมบลูสกายนิวส์ที่มีการสัมภาษณ์หมิ่นประมาทในรายการ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ กล่าวหานายกรัฐมนตรีกรณีเดินทางไปโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ว่าผิดจริยธรรม

คดีที่ 2 กรณีที่นายชวนนท์ออกมาให้สัมภาษณ์ตามสื่อต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 15-21 กุมภาพันธ์ กล่าวหาว่าการเดินทางไปโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ของนายกรัฐมนตรีนั้นมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการบริหารงานแผ่นดิน

และคดีที่ 3 นางมัลลิกา บุญมีตระกูล ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมากล่าวหา หมิ่นนายกรัฐมนตรีว่าไม่มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งนายกฯ และในฐานะผู้เป็นแม่ ทั้งหมดถูกแจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ปรากฏในสื่อสิ่งพิมพ์และโทรทัศน์

ขณะเดียวกันกลุ่มคนในโลกออนไลน์จำนวนหนึ่งก็เชื่อว่า เรื่องที่นายเอกยุทธเปิดโปง น.ส.ยิ่งลักษณ์น่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะต่างมองว่ายิ่งลักษณ์เองไม่สามารถตอบเรื่องดังกล่าวได้ชัดเจน และที่สำคัญเป็นเรื่องที่ทำให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์เสื่อมเสียอย่างรุนแรง

นี่คือบริบทหนึ่งที่นายเอกยุทธกระทำต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย

ขณะเดียวกันยังมีแรงแค้นที่ตระกูลชินวัตร ได้รับจากนายเอกยุทธ หลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะการเปิดโปงและโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนวันนี้ไม่สามารถอยู่ในแผ่นดินไทยได้ โดยนายเอกยุทธ ถือเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เปิดฉากไม่เอารัฐบาลทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่ปี 2547 ที่ให้ข่าวเตรียมเงิน 1 พันล้านบาท ที่เป็นการลงขันกันของกลุ่มนักธุรกิจชาวไทยในต่างประเทศที่เห็นว่าการบริหารงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่เป็นผลดีกับประเทศในระยะยาว จึงพยายามระดมทุนเพื่อหาช่องทางสร้างฐานทางการเมืองขึ้นมาต่อสู้กับพรรคไทยรักไทย

หลังจากนั้นได้ดำเนินกิจกรรมร่วมกับกลุ่มประชาชนเพื่อชาติและราชบัลลังก์จัดปราศรัยขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นที่ท้องสนามหลวง แต่ปลุกกระแสไม่ขึ้น แต่ยังคงแสดงเจตนาที่ไม่ต้องการรัฐบาลทักษิณตลอดเวลา พร้อมทั้งพยายามแฉว่ารัฐบาลทักษิณหาผลประโยชน์จากตลาดหุ้น

กระทั่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้ออกมาตอบโต้นายเอกยุทธ พร้อมทั้งเชิญชวนให้คนที่ได้รับความเสียหายจากแชร์ชาร์เตอร์เมื่อ 20 ปีก่อนมาร้องทุกข์กับตำรวจ เพื่อหวังดำเนินคดีกับนายเอกยุทธ พร้อมทั้งให้หน่วยงานอย่าง ปปง.รวบรวมข้อมูลกรณีแชร์ชาร์เตอร์ว่าจะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน

พร้อมกับพัฒนาการของกลุ่มก้อนต่างๆ ที่เริ่มออกมาในรูปของชมรมคนรู้ทัน จนในที่สุดได้มีการพัฒนาของกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการบริหารประเทศของทักษิณรวมตัวกันในนามของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพียงแต่นายเอกยุทธไม่ได้เข้ามาร่วมในขบวนการดังกล่าว

ดังนั้น นายเอกยุทธกับตระกูลชินวัตร จึงเป็นไม้เบื่อไม้เมา ที่หลายคนพยายามเชื่อมโยงให้เห็นว่าคนที่สั่งการ “อุ้ม” เอกยุทธ น่าจะเป็นคนจากแดนไกลแน่นอน

แหล่งข่าวระบุว่า หากจะพินิจพิเคราะห์ รูปการณ์ภายนอกอาจจะเชื่อมโยงว่าคนที่แค้นนายเอกยุทธ มากสุดคือคนที่จัดการให้นายเอกยุทธ ต้องสูญหายไปอย่างไร้ร่องลอย แต่หากจะมองจากพฤติกรรมและนิสัยใจคอแล้ว เชื่อว่า ทั้งทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังหรือ “สั่งการ” ให้คนอื่นกระทำ

หวยเริ่มมาออกที่ คนมีสี เกี่ยวข้องทั้งเป็นผู้สั่งการและเป็นผู้อุ้ม!

“ถ้าคนมีสีอุ้มจริง นายเอกยุทธไม่มีวันได้กลับมา เขาตายสถานเดียว” แหล่งข่าวระบุ และอธิบายต่อในฐานะนายตำรวจด้วยกันว่า วิสัยของตำรวจแล้วถ้าจะทำอะไรต้องมีความลึกลับ ซับซ้อน เบี่ยงเบนประเด็น ให้มองไปอีกด้านหนึ่ง ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องความขัดแย้งที่เป็นปัญหาจริงๆ

โดยคู่ขัดแย้งของนายเอกยุทธ มีอยู่ด้วยกัน 2 กลุ่ม กลุ่มแรก คือเรื่องทางการเมืองที่เขาเปิดโปงทำลายภาพลักษณ์ของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และการทุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนกลุ่มที่ 2 จะเป็น กลุ่มคนมีสี ซึ่งเป็นนายตำรวจระดับผู้ใหญ่

แต่การหายตัวของนายเอกยุทธในครั้งนี้ กลับดูเหมือนว่าจะพุ่งเป้าไปที่เรื่องส่วนตัวและเป็นการกระทำของลูกน้องที่ไม่พอใจนายเอกยุทธ เสียมากกว่า จะเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับคู่ขัดแย้งทั้ง 2 กลุ่ม

อย่างไรก็ดี ถ้าการหายตัวของนายเอกยุทธ เกี่ยวข้องกับลูกน้องจริง จะไม่มีทางที่จะมีการขโมยเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดไปแน่นอน

“เซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิด เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า ใครทำอะไร ซึ่งตำรวจรู้ดีที่สุดว่ามันเป็นวัตถุพยานสำคัญ และเรื่องนี้ต้องมีคนที่ใกล้ชิดเกี่ยวข้องชี้เบาะแส”

อย่างไรก็ดีในการลักพาตัวหรือการอุ้มเป้าหมาย หากเป็นไปเพื่อการประสงค์ต่อทรัพย์ วิธีการไม่ยากแค่บล็อกเป้าหมายแล้วพาขึ้นรถไป พร้อมกับการนำทรัพย์สินที่ติดตัวหรือแจ้งต่อญาติเพื่อให้เอาเงินมาไถ่ตัว หลังจากนั้นก็พามาปล่อย

หรืออีกกรณีหนึ่งคือการอุ้มไปเพื่อประสงค์ต่อชีวิตเป็นสำคัญ และหากเป็นเช่นนั้นโอกาสของผู้ถูกอุ้มยากที่จะรอดชีวิตกลับมาได้ เหมือนอย่างกรณีของนายเอกยุทธก็อยู่ในหลักการนี้เช่นกัน

ในทางกลับกันอาจจะเป็นไปได้ว่านายเอกยุทธไม่ได้ถูกอุ้ม หากเป็นไปตามที่คนขับรถให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า นายเอกยุทธเป็นคนสั่งให้เอาเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดออกมา แต่ต้องการหลีกหนีอะไรบางอย่าง ส่วนจะเป็นการสร้างกระแสหรือไม่ หากพิจารณาจากที่ผ่านมานายเอกยุทธเป็นคนที่กล้าชน แม้ถูกทำร้ายร่างกายที่โฟร์ซีซั่นส์ก็ไม่ได้แจ้งความ และที่ผ่านมานายเอกยุทธก็มีแนวร่วมกับคนที่ต่อต้านระบอบทักษิณอยู่ไม่น้อย

ดังนั้นปมปริศนาในครั้งนี้จึงอยู่ที่คนขับรถของนายเอกยุทธเป็นสำคัญ

ที่แน่ๆ ถ้าถูกอุ้มจากคนมีสีเป็นเรื่องจริง นายเอกยุทธ ก็ต้องตายสถานเดียว!!

กำลังโหลดความคิดเห็น