ASTV ผู้จัดการรายวัน - ผบ.ตร. เผยพบรถและคนขับรถ “เอกยุทธ” แล้ว อยู่ระหว่างการสอบสวน ระบุก่อนหายตัวเบิกเงินออกไป 5 ล้าน ส่วนประเด็นคาดเป็นเรื่องส่วนตัว ที่ประชุมบช.น.ยังไม่ฟันธง "เอกยุทธ"ถูกอุ้มหรือไม่ ได้เบาะแสพบรถคันต้องสงสัย วิ่งผ่านจ.สุราษฎ์ครั้งสุดท้าย เมื่อเสาร์ที่ผ่านมา ส่งกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบฮาร์ทดิสในกล้องวงจรปิดที่บ้านถูกถอดออกไป พร้อมตรวจสอบเส้นทางการเงิน ด้านสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยันไม่มีข้อมูลเดินทางออกนอกประเทศ ด้านผบช.ภ. 9 เผยยังไม่พบการเคลื่อนไหวผู้ต้องสงสัยลักพาตัวในพื้นที่ ขณะทหารค่ายอภัยบริรักษ์ เปิดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้น แต่ไร้ร่องรอย
วานนี้ (10 มิ.ย.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการหายตัวของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจด้านการเงินและเจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ ว่าขณะนี้ได้รับรายงานล่าสุดว่าได้พบรถกับคนขับรถนายเอกยุทธแล้ว กำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ทั้งจุดเกิดเหตุและมูลเหตุต่างๆ เมื่อถามว่ามีการตั้งประเด็นไว้อย่างไร ผบ.ตร.กล่าวว่า ต้องดูก่อนเพราะนายเอกยุทธ มีทั้งธุรกิจและเรื่องส่วนตัว และก่อนที่จะหายตัวไปก็มีการเบิกเงิน 5 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถยืนยันได้หรือไม่ว่านายเอกยุทธปลอดภัยหรือไม่ขณะนี้ พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า ขอดูหลักฐานต่างๆ ก่อน เมื่อถามว่าสามารถบอกได้หรือไม่ว่าเป็นการถูกอุ้มหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า คงดูอีกหน่อย ขอเวลาสักระยะ ขณะนี้ทางตำรวจนครบาลกำลังเร่งคดีนี้อยู่
ต่อข้อถามว่าทางตำรวจมองว่าประเด็นใดมีความเป็นไปได้มากที่สุด ผบ.ตร.กล่าวว่า ธุรกิจนายเอกยุทธมีเยอะ และมีการเบิกเงินก่อนด้วย เมื่อถามว่าหมายความว่าพุ่งเป้าไปที่ประเด็นธุรกิจเป็นหลักใช่หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องส่วนตัว ถามต่อว่าจะตัดประเด็นการเมืองทิ้งหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ต้องดูก่อน
ที่ประชุมบช.น.ยังไม่ฟันธง "เอกยุทธ"ถูกอุ้มหรือไม่ ได้เบาะแสพบรถผู้เสียหาย วิ่งผ่านจ.สุราษฎ์ครั้งสุดท้าย เมื่อเสาร์ที่ผ่านมา ส่งกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบฮาร์ทดิสในกล้องวงจรปิดที่บ้านถูกถอดออกไป พร้อมตรวจสอบเส้นทางการเงิน
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกก.สส.บก.น.4 ร่วมกันประชุมคลี่คลายคดีที่นายเอกยุทธ โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.วังทองหลาง ได้รับแจ้งจากนางอรุณี สุนทรภัทร อายุ 51 ปี น้องสาวของนายเอกยุทธ และนายสุวัฒน์ อภัยภักดิ์ ทนายความ ว่านายเอกยุทธหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา ก็ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนบก.สส.บช.น. ชุดสืบสวนของกก.สส.บก.น.4 และประสานงานกับเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อหาเบาะแสการหายตัวไป ผลการสืบสวนเบื้องต้นพบหลายประเด็น แต่ทุกข้อมูลจะต้องเป็นความจริงที่พิสูจน์ได้อย่างชัดเจน เพื่อจะได้ตอบคำถามกับพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนอย่างถูกต้อง สำหรับรถตู้ ยี่ห้อโฟล์ค หมายเลขทะเบียน ฮพ 9304กรุงเทพมหานคร ที่คนขับรถขับพานายเอกยุทธไปนั้น ยืนยันว่าจากหลักฐานที่ตำรวจได้มาและชัดเจนที่สุดในขณะนี้ พบว่าเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. เวลา 10.36 น. รถคันดังกล่าวผ่านที่บริเวณอ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฏร์ธานี ซึ่งขณะนี้ได้ประสานงานไปยังพล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวานิช ผบช.ภ.8 พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ ผบช.ภ.9 และพล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบช.ศชต. ให้จัดชุดสืบสวนจับตาดูรถคันดังกล่าว เพราะทั้งรถและนายเอกยุทธน่าจะไปในเส้นทางนั้น ทั้งนี้ได้แบ่งชุดสืบสวนออกเป็นหลายชุดด้วยกัน เพื่อคลี่คลายคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ว่า พบตัวนายสันติ ด้วงเพ็ง คนขับรถของนายเอกยุทธแล้ว และอยู่ระหว่างการนำตัวมาสอบปากคำ ผบช.น. กล่าวว่า ยังไม่มี ข้อมูลที่ออกไป ไม่ว่าจะได้มาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือพี่น้องสื่อมวลชนด้วยกันเอง อาจทำให้เกิดความสับสนและเสียหายกับรูปคดี คดีนี้เป็นคดีที่สำคัญและประชาชนให้ความสนใจ ดังนั้นทุกอย่างต้องชัดเจน ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวคนขับรถของนายเอกยุทธ รถตู้โฟล์ค และทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง เมื่อสองวันที่ผ่านเป็นวันเสาร์ อาทิตย์ ทำให้การตรวจพิสูจน์ต่างๆยังไม่ชัดเจน ในวันนี้จึงเป็นวันแรกที่มีการเร่งรัดติดตาม อาจจะได้หลักฐานมาไม่มากนัก ในวันที่ 11 มิ.ย. ก็จะมีการประชุมคลี่คลายคดีนี้อีกเวลา 10.00น. น่าจะมีความคืบหน้าไปมากและตอบคำถามได้อย่าชัดเจนขึ้น
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวอีกว่า สำหรับบ้านพักของนายเอกยุทธ ได้สั่งการให้ไปตรวจสอบแล้วโดยให้พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ประสานกับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าไปตรวจตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยให้ตรวจสอบอย่างละเอียดว่าเหตุใดฮาร์ทดิสต่างๆในกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่บริเวณบ้านจึงได้ถูกถอดออกไป พร้อมทั้งตรวจพิสูจน์ทุกอย่างในบ้านหลังดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีการขอความร่วมมือให้ตำรวจเข้าไปตรวจภายในบริษัท ตรวจเส้นทางการเงินด้วย เพราะยังไม่สามารถสรุปประเด็นการหายตัวไปได้ว่าเกิดจากอะไร ซึ่งข้อมูลที่ได้จากทนายความและสื่อมวลชนมีเยอะพอสมควร ยืนยันว่าตำรวจจะไม่พูดลอยๆโดยไม่มีหลักฐาน โดยเฉพาะข่าวที่ออกไปว่าพบตัวคนขับรถของนายเอกยุทธแล้ว ตนยังไม่ได้รับรายงานอะไรจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน เพราะชุดสืบสวนที่ส่งไปทำงานมีหลายชุด ขณะเดียวกันก็ประสานไปที่ผบช.ภ.8 , ผบช.ภ.9 และผบช.ศชต. ให้จัดชุดติดตามด้วยเช่นกัน เนื่องจากคนขับรถของนายเอกยุทธ เป็นชาวจ.พัทลุง เคยถูกดำเนินคดีวิ่งราวทรัพย์แต่อัยการมีคำพิพากษาสั่งไม่ฟ้อง และขณะนี้อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีข้อหากรรโชกทรัพย์ด้วย
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับเงื่อนงำต่างๆ ที่มีการไปเซ็นเช็ค หรือรับเงินกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก็เร่งตรวจสอบภาพวงจรปิด และสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่ ตอนนี้ต้องมุ่งประเด็นไปที่การถูกอุ้มหายตัวไป แต่จะมีจุดประสงค์อะไรนั้นยังตอบไม่ได้ หากพยานหลักฐานมีมากกว่านี้เชื่อว่าทุกอย่างจะชัดเจนและถูกต้อง ส่วนประเด็นที่ทนายความของนายเอกยุทธ ระบุไว้ว่า อาจจะเกี่ยวข้องกับคดีที่มีการฟ้องร้องกับบช.น.นั้น ผมไม่อยากพูดถึง เป็นเรื่องที่เขาสันนิษฐานไว้ ตำรวจก็มีหน้าที่หาเบาะแส คลี่คลายคดี ไม่อยากจะพูดให้เป็นประเด็นทางการเมืองอีก
รายงานข่าวแจ้งว่าจากผลการตรวจสอบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) ยังไม่พบข้อมูลนายเอกยุทธ เดินทางออกนอกประเทศแต่อย่างใด
***ทหารเปิดค่ายให้ตร.หาตัว“เอกยุทธ”
วานนี้ (10 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.30 น. ผู้สื่อข่าวจังหวัดพัทลุงรายงานว่า พล.ต.ท.พิสิฎฐ์ พิสูทธิ์ศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภาค 9 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตะโหมด โคกชะงาย และ สภ.นาขยาด จ.พัทลุง พร้อมทั้งสั่งกำชับให้ตำรวจเข้มงวดกับคดีอุกฉกรรจ์ และยาเสพติดในพื้นที่
ผู้การตำรวจภาค 9 กล่าวถึงคดีการหายตัวไปของนายเอกยุทธ ว่า ภาค 9 ได้รับการประสานงานจากตำรวจนครบาลว่าเป็นไปได้ว่า นายสันติภาพ ผู้ต้องสงสัย จะเดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดพัทลุง จึงได้สั่งการให้ตำรวจจังหวัดพัทลุง ตรัง และจังหวัดสตูล ตั้งด่านตรวจเข้มบนทางหลวง ก็ยังไม่พบผู้ต้องสงสัย ส่วนกรณีที่มีข่าวลือว่าพบสัญญาณจีพีเอสบริเวณค่ายอภัยบริรักษ์ (ค่ายโคกสูง) หมู่ที่ 3 ต.ชุมพล อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุงนั้น ทางทหารก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เปิดให้ตำรวจชุดสืบสวนเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดในค่ายทหารก็ไม่พบรถ และผู้ต้องสงสัยหลบอยู่ในค่ายทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจากตำรวจภาค 9 ประมาณ 10 นาย ได้เข้าไปตรวจสอบตามบ้านพักในค่ายทหาร และจัดกำลังอีกส่วนหนึ่งเป็นชุดสืบสวนในพื้นที่นั่งรออยู่หน้าค่าย โดยไม่ยอมให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวในค่ายทหารแต่อย่างใด
***กองปราบเร่งสางคดี"เอกยุทธ"หายตัว-เผยพบประวัติคนขับรถเคยก่อคดีอื้อ ส่งกำลังลงพื้นที่จ.พัทลุง เกรงเป็นผู้ก่อเหตุอุ้มเอง
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีการหายตัวไปของนายเอกยทธ อันชัญบุตร นักธุรกิจการเงินชื่อดังว่า คดีนี้อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจ สน.วังทองหลาง ส่วนทางกองปราบปรามนั้นจะเข้าไปเป็นหน่วยเสริม ซึ่งตนได้สั่งการให้ชุดสืบสวนของกองกำกับการ 1 เข้าไปตรวจสอบหาข้อมูลเพิ่มเติม โดยเฉพาะที่บ้านพักของนายเอกยุทธที่ย่านทาวน์อินทาวน์ ที่พบว่าถูกโจรกรรมเซิฟเวอร์คอมพิวเตอร์ของกล้องทีวีวงจรปิดไป ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวทราบว่ามี นายเอกยุทธพักอาศัยอยู่เพียงคนเดียว นอกจากนี้ก็ยังตรวจสอบความเคลื่อนไหวทางเรื่องการเงินต่าง ๆ ของนายเอกยุทธ ในช่วงหลังการหายตัวไปอีกด้วย ว่ามีความเคลื่อนไหวจากตรงไหนอีกบ้าง
พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ก็ยังสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนของกองกำกับการ 2 ไปหาหลักฐาน พยานแวดล้อม ภาพจากกล้องวงจรปิด และเบาะแสต่างๆ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นที่ติดต่อกับนายเอกยุทธได้เป็นครั้งสุดท้าย และส่วนที่ 3 ก็คือให้กองกำกับการ 6 ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่บ้านพักและบ้านญาติๆ ของนายสันติ เพ็งด้วง คนขับรถคนสนิทของนายเอกยุทธ ที่หายตัวไปด้วยกัน เนื่องจากพบการเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายของนายสันติว่าอยู่ที่ จ.พัทลุง แต่ก็ได้รับรายงานว่ายังไม่พบตัว นายสันติแต่อย่างใด
รายงานข่าวแจ้งว่าจากการตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมด แล้วพบว่าทั้งนายเอกยุทธและนายสันติ ยังไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศอย่างแน่นอน ส่วนสาเหตุที่ทำหายตัวไป ทางกองปราบปรามตั้งสมมติฐานว่าอาจถูกบังคับอุ้มตัวไป หรือว่าจะหายตัวไปเพื่อเป็นการสร้างกระแส ซึ่งทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่แน่ใจว่ามีสาเหตุมาจากเรื่องใด เพราะส่วนตัวนายเอกยุทธก็มีความขัดแย้งอยู่ในหลายๆ เรื่อง แต่ละเรื่องก็อาจทำให้เป็นสาเหตุการหายตัวไปได้ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ ได้ให้น้ำหนักไปที่ตัวนายสันติ มากที่สุดว่าอาจเป็นผู้ลงมืออุ้มนายเอกยุทธไปเอง ในการสอบสวนแล้วทราบว่านายสันติ เพิ่งเข้ามาทำงานกับนายเอกยุทธได้ไม่ถึงปี และยังพบประวัติโชกโชน เคยต้องคดีทั้งวิ่งราวทรัพย์ และชิงทรัพย์ ล่าสุดยังได้เข้าไปร่วมอยู่ในเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายกันในร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งตามที่เคยเป็นข่าวด้วย ซึ่งหลังจากมีคำสั่งให้เข้าร่วมสืบสวนแล้ว พ.ต.อ.ทินกร รังมาตย์ ผกก.6 บก.ป. ก็ได้ประสานกับ พ.ต.ท.ก้องกฤติ ตั๋งบุญชู รอง ผกก.7 บก.ทล. เพื่อให้ตำรวจทางหลวงตั้งด่านสกัด เพื่อตรวจสอบรถต้องสงสัยในพื้นที่มาตลอดอีกด้วย
นอกจากนี้เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน พ.ต.อ.ทินกร ยังได้สั่งการให้พ.ต.ต.นรามินทร์ แทนจักรินทร์ สว.กก.6 บก.ป. เข้าตรวจสอบที่บ้านพักของนายอิทธิพล เพ็ญด้วง บิดาของนายสันติ ที่บ้านพักในค่ายอภัยบริรักษ์ อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง แต่ไม่พบตัวนายสันติ โดยนายอิทธพล ให้การว่าบุตรชายไม่ได้มาหานานแล้ว ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่ทราบว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร