ASTVผู้จัดการรายวัน – จับตา ประธานบอร์ด อสมท และจักรพันธ์ ดึงดัน จะซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดพรีเมียร์ลีกจาก ซีทีเอช รวม 3 ปี 17 แมทช์ มูลค่า 480 ล้านบาท ทั้งๆที่ศึกษาแล้วไม่คุ้ม ด้านพนักงานรุมต้าน ชี้ก้าวก่ายหน้าที่ ผอ. เผยมีใบสั่งการเมืองกดดัน อสมท ไม่หยุด สกัดการตรวจสอบกรณีจัดจ้างไม่โปร่งใส หลังจาก สตง. ชี้มูล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่มีกระแสข่าวออกไปก่อนหน้านี้ว่า นายสุธรรม แสงประทุม ประธานกรรมการบริหารบมจ.อสมท หรือบอร์ดอสมท มีความพยายามที่จะให้ อสมท. เซ็นสัญญาซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจากบริษัท ซีทีเอช จำกัด จำนวน 17 แมทซ์ต่อปี ปีละ 160 ล้านบาทติดต่อกัน 3 ปีเป็นเงิน 480 ล้านบาทนั้น
เรื่องดังกล่าวทราบว่า นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ได้สั่งการให้ทางฝ่ายการตลาด ไปศึกษาความเป็นไปได้ว่า การซื้อลิขสิทธิ์ดังกล่าวนี้จะสร้างรายได้และเกิดความคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งได้ข้อสรุปว่าไม่สามารถหาโฆษณาได้คุ้มกับเม็ดเงินที่จะต้องจ่ายไป แต่นายสุธรรมและนายจักรพันธ์ ยมจินดา รองประธานบอร์ดฯได้พยายามทุกวิถีทางที่จะให้มีการเซ็นสัญญาให้ได้นั้น
ล่าสุดนายจักรพันธ์ได้เรียกประชุมผู้บริหารซึ่งประกอบไปด้วย นางกฤตพร พากเพียร รองกก.ผู้อำนวยการใหญ่และผู้ช่วยกรรมการประจำสำนักต่างๆ มาหารือเรื่องดังกล่าวก่อนจะสรุปว่า จะต้องมีการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโดยจะมีการแถลงข่าวเร็วๆนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดกรณีดังกล่าว ได้มีการพูดคุยกันในกลุ่มพนักงานของ อสมท โดยไม่เชื่อว่าจะสามารถหาโฆษณามาได้อีกทั้ง อสมท กำลังจะต้องจัดสรรงบประมาณในการประมูลทีวีดิจิตอล จึงไม่ควรนำงบประมาณมาใช้ในส่วนนี้ โดยยังมีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่า เหตุใดนายสุธรรม และนายจักรพันธ์จึงต้องการให้มีการซื้อการถ่ายทอดฟุตบอลดังกล่าว ทั้งๆที่อยู่ในฝ่ายกำกับดูแลนโยบายแต่กลับใช้อำนาจเรียกประชุมผู้บริหารเสมือนหนึ่งเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ถือเป็นการก้าวก่ายการทำงาน ขณะที่นายเอนกก็ได้พยายามคัดค้านเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่โดยขอให้มีการเปิดเวทีสาธารณะและรับฟังความเห็นพนักงาน ผู้ถือหุ้น ในเรื่องดังกล่าวด้วยแต่ก็ถูกขัดขวาง
ส่วนกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ได้ทำหนังสือถึงบมจ.อสมท ให้ดำเนินการตรวจสอบการทุจริตโครงการจัดซื้ออุปกรณ์การติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการสร้างสรรค์และพัฒนาเว๊บไซต์ สำนักธุรกิจสื่อใหม่ เนื่องจากพบการจัดซื้อจัดจ้างสูงกว่าราคาตลาดถึง 1.5 ล้านบาทและยังมีการใช้งบประมาณมากกว่างบลงทุนที่ประมาณการณ์ไว้
ปรากฎว่าหลังจากนายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมทได้รับหนังสือจากสตง.ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว โดยมีประธานสอบข้อเท็จจริงเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ท่านหนึ่ง แต่ปรากฎว่า ในเวลาต่อมารองกรรมการฯท่านดังกล่าวได้ทำบันทึกขอลาออกจากการเป็นประธานสอบข้อเท็จจริง โดยเป็นที่ทราบกันดีว่า รองกรรมการฯท่านดังกล่าวมีความสนิทสนมกับรองกรรมการฯที่กำกับดูแลสำนักธุรกิจสื่อใหม่ที่ถูกตั้งกรรมการสอบในครั้งนี้ ขณะที่เลขาฯคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงก็ได้ลาออกด้วยเช่นกัน ทำให้นายเอนกจะต้องตั้งคณะกรรมการฯขึ้นมาทดแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รองกรรมการฯที่ถูกตั้งกรรมการสอบฯจะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ ทำให้มีความพยายามอย่างหนักในการไม่ให้เกิดการตั้งกรรมการสอบเรื่องดังกล่าวโดยมีการวิ่งเต้นไปยังนักการเมืองและบุคคลที่มีอิทธิพลในวงการชื่อย่อ “พ” เพื่อให้ยุติการสอบสวนและยังมีการจับมือร่วมกับคณะกรรมการบริหารบมจ.อสมทบางคนเพื่อกดดันนายเอนกไม่ให้มีการตั้งกรรมการสอบสวน
ขณะที่คณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างและคณะกรรมการตรวจรับในโครงการดังกล่าวได้บอกกับคนใกล้ชิดว่า ถูกบังคับให้เป็นคณะกรรมการตั้งแต่โครงการเริ่มต้น และเชื่อว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้ตั้งแต่เริ่มต้น
เรื่องดังกล่าวได้ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางใน อสมท โดยเฉพาะในกลุ่มพนักงานเนื่องจากไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการชี้มูลจากสตง. แต่ที่ผ่านมาก็จะเงียบหายไป ขณะที่กระแสการลาออกของรองกรรมการฯที่ลาออกจากการเป็นประธานสอบข้อเท็จจริงนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับพนักงานเพราะเป็นที่รู้กันดีว่า รองกรรมการฯท่านดังกล่าวมีความสนิทสนมกับรองกรรมการฯที่ถูกตั้งกรรมการสอบฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ข่าวดังกล่าวได้เผยแพร่ออกสู่ภายนอกนายเอนกได้มีคำสั่งปลดหน่วยงานที่รองกรรมการฯท่านดังกล่าวกำกับดูแล แต่เพียงไม่นานก็มีคำสั่งให้กลับมากำกับดูแลตามเดิมโดยน่าจะเป็นผลมาจากการวิ่งเต้นผ่านทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่มีกระแสข่าวออกไปก่อนหน้านี้ว่า นายสุธรรม แสงประทุม ประธานกรรมการบริหารบมจ.อสมท หรือบอร์ดอสมท มีความพยายามที่จะให้ อสมท. เซ็นสัญญาซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจากบริษัท ซีทีเอช จำกัด จำนวน 17 แมทซ์ต่อปี ปีละ 160 ล้านบาทติดต่อกัน 3 ปีเป็นเงิน 480 ล้านบาทนั้น
เรื่องดังกล่าวทราบว่า นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ได้สั่งการให้ทางฝ่ายการตลาด ไปศึกษาความเป็นไปได้ว่า การซื้อลิขสิทธิ์ดังกล่าวนี้จะสร้างรายได้และเกิดความคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งได้ข้อสรุปว่าไม่สามารถหาโฆษณาได้คุ้มกับเม็ดเงินที่จะต้องจ่ายไป แต่นายสุธรรมและนายจักรพันธ์ ยมจินดา รองประธานบอร์ดฯได้พยายามทุกวิถีทางที่จะให้มีการเซ็นสัญญาให้ได้นั้น
ล่าสุดนายจักรพันธ์ได้เรียกประชุมผู้บริหารซึ่งประกอบไปด้วย นางกฤตพร พากเพียร รองกก.ผู้อำนวยการใหญ่และผู้ช่วยกรรมการประจำสำนักต่างๆ มาหารือเรื่องดังกล่าวก่อนจะสรุปว่า จะต้องมีการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโดยจะมีการแถลงข่าวเร็วๆนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดกรณีดังกล่าว ได้มีการพูดคุยกันในกลุ่มพนักงานของ อสมท โดยไม่เชื่อว่าจะสามารถหาโฆษณามาได้อีกทั้ง อสมท กำลังจะต้องจัดสรรงบประมาณในการประมูลทีวีดิจิตอล จึงไม่ควรนำงบประมาณมาใช้ในส่วนนี้ โดยยังมีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่า เหตุใดนายสุธรรม และนายจักรพันธ์จึงต้องการให้มีการซื้อการถ่ายทอดฟุตบอลดังกล่าว ทั้งๆที่อยู่ในฝ่ายกำกับดูแลนโยบายแต่กลับใช้อำนาจเรียกประชุมผู้บริหารเสมือนหนึ่งเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ถือเป็นการก้าวก่ายการทำงาน ขณะที่นายเอนกก็ได้พยายามคัดค้านเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่โดยขอให้มีการเปิดเวทีสาธารณะและรับฟังความเห็นพนักงาน ผู้ถือหุ้น ในเรื่องดังกล่าวด้วยแต่ก็ถูกขัดขวาง
ส่วนกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ได้ทำหนังสือถึงบมจ.อสมท ให้ดำเนินการตรวจสอบการทุจริตโครงการจัดซื้ออุปกรณ์การติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการสร้างสรรค์และพัฒนาเว๊บไซต์ สำนักธุรกิจสื่อใหม่ เนื่องจากพบการจัดซื้อจัดจ้างสูงกว่าราคาตลาดถึง 1.5 ล้านบาทและยังมีการใช้งบประมาณมากกว่างบลงทุนที่ประมาณการณ์ไว้
ปรากฎว่าหลังจากนายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมทได้รับหนังสือจากสตง.ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว โดยมีประธานสอบข้อเท็จจริงเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ท่านหนึ่ง แต่ปรากฎว่า ในเวลาต่อมารองกรรมการฯท่านดังกล่าวได้ทำบันทึกขอลาออกจากการเป็นประธานสอบข้อเท็จจริง โดยเป็นที่ทราบกันดีว่า รองกรรมการฯท่านดังกล่าวมีความสนิทสนมกับรองกรรมการฯที่กำกับดูแลสำนักธุรกิจสื่อใหม่ที่ถูกตั้งกรรมการสอบในครั้งนี้ ขณะที่เลขาฯคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงก็ได้ลาออกด้วยเช่นกัน ทำให้นายเอนกจะต้องตั้งคณะกรรมการฯขึ้นมาทดแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รองกรรมการฯที่ถูกตั้งกรรมการสอบฯจะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ ทำให้มีความพยายามอย่างหนักในการไม่ให้เกิดการตั้งกรรมการสอบเรื่องดังกล่าวโดยมีการวิ่งเต้นไปยังนักการเมืองและบุคคลที่มีอิทธิพลในวงการชื่อย่อ “พ” เพื่อให้ยุติการสอบสวนและยังมีการจับมือร่วมกับคณะกรรมการบริหารบมจ.อสมทบางคนเพื่อกดดันนายเอนกไม่ให้มีการตั้งกรรมการสอบสวน
ขณะที่คณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างและคณะกรรมการตรวจรับในโครงการดังกล่าวได้บอกกับคนใกล้ชิดว่า ถูกบังคับให้เป็นคณะกรรมการตั้งแต่โครงการเริ่มต้น และเชื่อว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้ตั้งแต่เริ่มต้น
เรื่องดังกล่าวได้ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางใน อสมท โดยเฉพาะในกลุ่มพนักงานเนื่องจากไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการชี้มูลจากสตง. แต่ที่ผ่านมาก็จะเงียบหายไป ขณะที่กระแสการลาออกของรองกรรมการฯที่ลาออกจากการเป็นประธานสอบข้อเท็จจริงนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับพนักงานเพราะเป็นที่รู้กันดีว่า รองกรรมการฯท่านดังกล่าวมีความสนิทสนมกับรองกรรมการฯที่ถูกตั้งกรรมการสอบฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ข่าวดังกล่าวได้เผยแพร่ออกสู่ภายนอกนายเอนกได้มีคำสั่งปลดหน่วยงานที่รองกรรมการฯท่านดังกล่าวกำกับดูแล แต่เพียงไม่นานก็มีคำสั่งให้กลับมากำกับดูแลตามเดิมโดยน่าจะเป็นผลมาจากการวิ่งเต้นผ่านทางการเมือง