xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เครื่องเซ่นจำนำเจ๊ง2.6แสนล้าน “บุญทรง-กิตติรัตน์”ใครอยู่ใครไป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ทันทีที่คณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรของกระทรวงการคลัง ได้สรุปตัวเลขการขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน มียอดขาดทุนรวมประมาณ 2 แสนล้านบาท และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้นำไปขยายผลต่อว่าหากรวมค่าบริหารจัดการต่างๆ จะทำให้รัฐขาดทุนไม่ต่ำกว่า 2.6 แสนล้านบาท จนกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ถล่มรัฐบาลอยู่ในขณะนี้

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกตัวนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ไปหารือและสั่งให้ทำการชี้แจง จนเป็นที่มาของการเปิดเวทีให้สื่อมวลชนเชือดออกอากาศไปเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งวันนั้น ทั้งนายบุญทรง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ที่มาร่วมแถลงข่าว ต่างออกอาการ “เหวอ” ไปตามๆ กันเพราะตอบคำถามไม่ได้

ประเภทถามว่า ไปไหนมา ตอบ สามวาสองศอก อธิบายไปคนละเรื่องเดียวกัน หาข้อสรุปไม่ได้ ทั้งๆ ที่คำถามง่ายๆ ว่า ขาดทุน 2.6 แสนล้านจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริง กำไร หรือขาดทุนเท่าไรกันแน่ แต่ก็ตอบกันไม่ได้ สื่อทุกสำนักเลยพร้อมใจกันประโคมข่าว “บุญทรง” แจงไม่เคลียร์ บางก็ว่าแถกันไปโน่นเลย

ยิ่งเสี่ยเต้น-ณัฐวุฒิด้วยแล้ว ยิ่งเสียรังวัดความเป็นนักโต้วาทีชั้นเซียนไปในชั่วกระพริบตาเลยทีเดียว

รัฐบาลก็หาได้ใส่ใจไม่ และได้ทำการแก้เกมโดยการขนทีมงานทั้งจากกระทรวงพาณิชย์ คลัง เกษตร เพื่อไปชี้แจงชาวนา ภายใต้โครงการชื่อสุดหรู “จำนำข้าวสัญจร จับเข่าคุยเกษตรกรชาวนา” เริ่มที่ จ.พิษณุโลก เป็นจังหวัดแรก เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2556

วันนั้น นายบุญทรง ยังย้ำเหมือนเดิมว่า ตัวเลขขาดทุนจากโครงการรับ จำนำ 2.6 แสนล้านบาทไม่เป็นความจริง หากเอาเอกสารมาดู ก็ไม่พบตัวเลขดังกล่าว แต่ได้ถูกโจมตีจากพ่อค้า นักวิชาการ พรรคการเมืองต่างๆ กระทรวงพาณิชย์จึงต้องออกมาชี้แจงให้สังคมเข้าใจ และขอบอกชาวนาว่า ไม่ได้เป็นผู้สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ โดยโครงการยังคงเดินหน้าต่อ

ส่วนที่มาจัดเวทีจำนำข้าวสัญจรครั้งนี้ ใช้งบของโครงการรับจำนำที่มีไว้ใช้สำหรับการประชาสัมพันธ์อยู่แล้ว ไม่ใช่เอามาใช้เพื่อปลุกระดมชาวนา เหมือนที่ถูกกล่าวหา

ขณะที่นายณัฐวุฒิ ก็ออกอาการและลีลาแบบเดิมๆ คือ การเอาดีเข้าตัว โยนชั่วให้คนอื่น โดยระบุว่า อยากให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน และพรรคพวกอธิบายถึงที่มาที่ไปของข้อมูลขาดทุนที่ออกมาเปิดเผย 2.6 แสนล้านบาท เนื่องจากรายงานของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ เป็นเอกสารลับของราชการ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเมื่อทำเสร็จแล้วจึงไปอยู่ในมือของพรรคฝ่ายค้านก่อน กขช. ทำให้ข้อมูลไม่มีความน่าเชื่อถือ

“นายอภิสิทธิ์ เหมือนคนที่อยู่ในคลองเห็นอะไรลอยมา คิดว่าขอนไม้ เลยคว้าไว้ แต่กลายเป็นหมาเน่า ตอนนี้คุณอภิสิทธิ์เป็นอยู่ 4 อย่าง คือ ฟอร์มตก ยกเมฆ ตัวเลขมั่ว กลัวความจริง”นายณัฐวุฒิกล่าว

จากนั้นได้แจกแจงอีกว่า ตั้งแต่ดำเนินโครงการรับจำนำ มีเม็ดเงินถึงมือชาวนามากถึง 6.18 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการโอนตรงจาก ธ.ก.ส. เข้าบัญชีชาวนา โดยจำแนกเป็นโครงการนาปี 2554/55 จำนวน 6.95 ล้านตัน โอนเงินให้ชาวนาแล้ว 1.18 แสนล้านบาท นาปรังปี 2555 จำนวน 14.7 ล้านตัน โอนเงินให้ชาวนาแล้ว 2.18 แสนล้านบาท รวมทั้งปี 2554/55 มีข้าวเข้าร่วมโครงการ 21.65 ล้านตัน โอนเงินให้ชาวนา 3.37 แสนล้านบาท และโครงการปี 2555/56 รอบแรก มีข้าวร่วมโครงการ 14.02 ล้นตัน โอนเงินให้ชาวนาแล้ว 2.28 แสนล้านบาท และรอบ 2 มีข้าวร่วมโครงการ 3.54 ล้านตัน โอนเงินให้แล้ว 5.2 หมื่นล้านบาท

เป็นการอธิบายรวบรัดตัดความว่า โครงการจำนำเกิดประโยชน์กับชาวนา แต่ลืมอธิบายว่า ทำไมถึงขาดทุนได้สูงถึง 2.6 แสนล้านบาท แล้วบางช่วงบางตอน คนที่ขึ้นเวทีในวันนั้น ยังโยนบาปให้สื่อ โดยกล่าวหาว่า “เลือกข้าง” นำเสนอแต่สิ่งที่เป็นลบกับรัฐบาลก็มี

ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2556 ก็ยังมีมติไม่ยอมรับผลการสรุปการขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวของกระทรวงการคลัง โดยให้เหตุผลว่า ยังมีข้าวเหลืออยู่ในสต๊อกอีกไม่ต่ำกว่า 10 ล้านตัน การคำนวณต้นทุนราคาข้าว จะใช้ราคาใด หากใช้ราคาที่รับจำนำมา ต้นทุนข้าวก็แพง และไม่ขาดทุน แต่หากใช้ราคาตลาด ก็จะขาดทุนมาก หรือหากใช้ราคาที่จะขาย ก็ต้องมาดูอีกว่า จะขายได้แพงหรือถูก ถ้าขายได้แพง ก็ขาดทุนน้อย ขายได้ถูก ก็ขาดทุนมาก

สรุปง่ายๆ ก็คือ กขช. ไม่ยอมรับว่า การรับจำนำข้าวของรัฐบาลในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ขาดทุนสูงถึง 2.6 แสนล้านบาท แต่ขาดทุนเท่าไร ยังเป็นปริศนา

นอกจากนี้ ผลพวงจากการเคลียร์ไม่ชัดเจน คณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงได้แก้เกมด้วยการแต่งตั้งให้นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ชี้แจงโครงการจำนำข้าว หลังจากเห็นว่า ทั้งนายบุญทรง และนายณัฐวุฒิ ทำท่าจะไปไม่รอด เพราะยิ่งชี้แจงยิ่งวุ่น

แม้กระทั่งตัวนายณัฐวุฒิเอง ก็ได้แต่ตอบเลี่ยงๆ ว่า ไม่ใช่การหักหน้ากระทรวงพาณิชย์ แต่รัฐบาลอยากให้นายวราเทพมาช่วยบูรณาการข้อมูล ทั้งจากพาณิชย์ คลัง เกษตร ภาคเอกชนและสังคม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ก่อนนำเสนอให้ครม. พิจารณาในวันที่ 18 มิ.ย. 2556 ต่อไป

ระหว่างที่รอนายวราเทพทำข้อมูล บรรดาลูกหาบหรือพวกที่อยากเป็นรัฐมนตรีก็ได้ทีผสมโรงไล่ โดยอาศัยจุดอ่อนจากการชี้แจงโครงการจำนำข้าวเจ๊งไม่ได้ ปล่อยข่าวต่างๆ นานา ว่า รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในเมื่อชี้แจงไม่ได้ ก็ต้องถูกปลดออก

เป้าหมายอยู่ที่ นายบุญทรง และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.คลัง เพราะเก้าอี้ 2 ตัวนี้ มีคนอยากไปนั่งเยอะ แต่ถ้าหลุดไปมากกว่านี้ โดยหากพ่วงนายณัฐวุฒิ หรือนายทนุศักดิ์ ออกไปด้วย ก็ยิ่งดี เพราะจะได้มีตำแหน่งว่างหลายเก้าอี้

แต่เสียงจากปากนายกรัฐมนตรี หรือตัวจริงเสียงจริงอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ยังดูเงียบๆ อยู่

อย่างไรก็ตาม แม้ความเคลื่อนไหวเรื่องการปรับ ครม. จะยังไม่ร้อนแรงมากนัก แต่เชื่อว่า ต้องมีการปรับแน่ๆ แต่จะปรับตรงไหน ปรับใครออก อีกไม่นานน่าจะรู้กัน แต่เป้าที่ใครๆ ก็มอง คงหนีไม่พ้น นายบุญทรง เพราะเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง ส่วนนายกิตติรัตน์ ก็ต้องถือว่าเป็นผู้รับผิดชอบในระดับนโยบายในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล และยังเคยพูดไว้ว่า
ถ้าจำนำเจ๊งมากกว่าโครงการประกันรายได้ ก็พร้อมที่จะรับผิดชอบ และวันนี้จำนำเจ๊งมากกว่าแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะรับผิดชอบด้วยการลาออกเอง หรือให้ปลดออก

แต่การปรับนายบุญทรง หรือนายกิตติรัตน์ ออกจาก ครม. ก็หาใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ เพราะหากปรับออกจริง ก็เท่ากับว่า รัฐบาลยอมรับว่า เป็นผู้ทำให้โครงการจำนำข้าวเจ๊ง ถึงต้องปลดคนทำออก งานนี้ เชื่อขนมกินได้เลย ต้องมีคนรับผิดชอบ เพียงแต่ว่า หวยจะออกที่ใครเท่านั้น


กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง
กำลังโหลดความคิดเห็น