โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
กรณีกลุ่มการเมืองอิทธิพลคับแผ่นดิน และเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมมือวางแผนให้นักเลงปลายแถวทรยศเจ้านาย มีส่วนร่วมในการจัดฉากสังหารนักธุรกิจ “เอกยุทธ อัญชันบุตร” คู่แค้นของคนตระกูลชินวัตรจนสำเร็จ ช็อกคนเกือบทั้งประเทศ! นั่นยังไม่น่าประหลาดใจ
สิ่งที่เป็นความอัปยศต่อมาคือความพยายามของกลุ่มที่เกี่ยวข้องโดยตรง และโดยอ้อม พยายามเบี่ยงเบนประเด็น ซ่อนเร้นหลักฐาน ตัดตอนสาเหตุแห่งการเสียชีวิตว่าเป็นการชิงทรัพย์ธรรมดา แถลงข่าวหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยม ลับๆ ล่อๆ นั่นแหละ
เป็นสัญญาณชัดเจนว่าบ้านนี้ เมืองนี้ องค์กรอาชญากรรม รัฐตำรวจ อัยการ ข้าราชการกังฉิน เครือข่ายบริวารมวลชนเถื่อน เป็นเนื้อเดียวกัน กุมอำนาจรัฐไทยได้เด็ดขาด! ก่อนหน้านี้ชาวบ้านหวังว่ากระบวนการยุติธรรมชั้นศาลยังเหลือเป็นที่พึ่งได้
คำตัดสินศาลฎีกาคดี 3 หนา 5 ห่วง ทำให้ความเชื่อมั่นคลอนแคลนไปแทบไม่เหลือ! ก่อนหน้านี้มีเสียงเตือน ข้อสังเกตว่าจำเลยทั้ง 3 ซึ่งถูกศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุก 4 ปี อาจหลุดในชั้นศาลฎีกา แต่นึกไม่ออกว่าจะเป็นรูปแบบไหน
กลายเป็นว่าผู้ฟ้อง ไม่มีอำนาจ! ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง ทั้งๆ ที่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง เป็นประชาชนผู้เสียภาษีให้แก่รัฐ ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งส่งผลต่อเนื่องทางการเมือง อนาคตของประเทศ สิทธิในการกุมอำนาจรัฐ
เมื่อเป็นเทคนิคทางกฎหมายก็ไม่ว่ากัน แต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขรม! รวมทั้ง 2 เรื่องเข้าด้วยกัน ชาวบ้านถอนใจ ถามตรงกันว่า “แล้วคนดีจะอยู่กันอย่างไร เมื่อระบบในประเทศเป็นแบบนี้” เป็นฟืน 2 ท่อนถูกโยนเข้ากองไฟ นำไปสู่มิคสัญญีแผ่นดินหรือไม่
กรณีการสังหารโหดนายเอกยุทธ โดยผู้มีอำนาจทางการเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสรุปว่าเป็นการชิงทรัพย์ ฆาตกรรมธรรมดา ถ้าจะบอกให้คนปัญญาอ่อน สติไม่เต็มเต็ง ก็ย่อมทำได้! การมาแถลงเป็นตุเป็นตะ ข้อบกพร่องแทบทุกจุด ไม่ตอบคำถามให้กระจ่าง เท่ากับกล้าเสี่ยงถูกครหา เชื่อว่าเป็นการเป่าคดี ไม่ให้ลามเป็นเรื่องการเมือง
อาศัยอำนาจรัฐ อิทธิพลเถื่อน ศักยภาพในการคุกคาม อุ้มฆ่า ฝ่ายตรงข้าม เจ้าหน้าที่ของรัฐมีทีมสังหารไว้ใช้งาน จัดการปรปักษ์นักการเมืองเรืองอำนาจ ก็เท่ากับว่า กระบวนการยุติธรรมล่มสลาย! ด้วยเหตุนี้ ผบ.ตร. จึงไม่กล้าสู้หน้าสื่อ ตอบคำถามไม่เต็มปาก โยนกลองให้ตำรวจนครบาล แล้วรีบเผ่น จะมีจิตสำนึกอดสูหรือไม่ น่าสงสัย
ถ้า ผบ.ตร. ยังแสดงความหวาดผวาต่ออำนาจการเมือง เกรงว่าจะโดนโยกย้ายก่อนเวลาเกษียณ เท่ากับว่าจากนี้ไปจะหวังให้องค์กรตำรวจผดุงความยุติธรรมคงเป็นความเพ้อฝัน! สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นแหล่งซ่องสุมของอาชญากรในเครื่องแบบ
แม้จะแถลงข่าว พยายามเบี่ยงเบน ตัดตอนรูปคดีให้เป็นการชิงทรัพย์ หลักฐานอย่างอื่น ข้อพิรุธต่างๆ ฟ้องชัด! เสียงร่ำลือเกี่ยวกับทีมสังหาร 3 คนซุกตัวในรถตู้ มาจากการจัดหาโดยนายตำรวจเส้นใหญ่ มีจอมบงการเป็นนักการเมืองอิทธิพลจากภาคเหนือ จ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อสางรอยแค้นฝังลึกจากการเปิดโปงเรื่องฉาวต่อเนื่องโดยเอกยุทธ
การซ่อนเร้นศพ ให้ค้นพบอย่างง่าย ย้อนแผนโดยนักวางแผนด้านอาชญากรรมในเครื่องแบบ แทนการทำลายศพไม่เหลือซากโดยเตาเผา เท่ากับต้องการปิดคดีว่าเป็นการชิงทรัพย์ ดีกว่าปล่อยให้สูญหายซึ่งจะกลายเป็นคดีการเมืองเหมือนทนายสมชาย นีละไพจิตร ซึ่งยังเป็นหนามทิ่มแทงกระบวนการเถื่อน รอวันกระดูกร้องเต็มเสียงอีกครั้ง
คดีนี้คงจบโดยง่าย เมื่อตำรวจไม่ยอมเปิดประเด็นการสอบสวนตามเสียงเรียกร้องของหลายฝ่าย นอกจากนั้นยังมีเสียงขู่คำรามจากนักการเมือง ลูกพี่ใหญ่ของตำรวจดูแลคดีนี้ว่าพวกเรียกร้อง นักเคลื่อนไหวให้ระวัง ถ้าตายไปจะทำให้รัฐบาลเดือดร้อน
ช่างเป็นคำพูดกร้าว กร่าง อหังการ ลำพอง ผยองในอำนาจมืดเสียนี่กระไร!
แม้จะเบี่ยงเบนอย่างไร คนในวงการนักเลง เจ้าพ่อ นักอุ้มฆ่าทั้งหลายรู้ดีว่าใครเป็นจอมบงการ ใครเป็นผู้จัดหาทีมเก็บ และใครอาศัยตำแหน่งรับหน้าที่เก็บกวาด ตัดตอนให้เป็นคดีอาชญากรรมชิงทรัพย์ธรรมดา! ผบ. ตร. ทำหน้ายิ้มแหยๆ หมดลายผู้นำ
เหมือนเป็นหลักฐานว่ามีอิทธิพลคับประเทศอยู่เหนือผู้นำองค์กรตำรวจ! ซึ่งก็ไม่ประหลาด เพราะการโยกย้ายตำรวจแต่ละครั้ง รู้กันทั่วไปว่า “เจ๊” หรือ “ท่าน” คนไหนเป็นคนกำหนดตำแหน่ง! ไม่เช่นนั้นนายตำรวจจะแห่ไปหานักการเมืองเรืองอำนาจหรือ
โอกาสที่คดีนี้จะถูกรื้อฟื้น สอบสวนใหม่ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมอย่างแท้จริงยังเป็นไปได้ แม้จะยากเย็นแสนเข็ญ! นั่นคือต้องเปลี่ยนขั้วอำนาจการเมือง จัดการระบอบเหลี่ยมให้สิ้นอำนาจ ปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ และยกเครื่องกระบวนการยุติธรรมทุกขั้น
ฟังดูแล้ว เหมือนกับว่าการดิ้นรนหาบันไดไต่ขึ้นสวรรค์น่าจะง่ายกว่า!
แม้จะเห็นอุปสรรค เผชิญอิทธิพลการเมือง อำนาจเถื่อน วิญญูชนนักสู้เพื่อชาติย่อมไม่ท้อถอย มองในเชิงบวกแล้ว ทั้ง 2 กรณีน่าจะเป็นพลังกระตุ้นให้กลุ่มคนดีรักชาติมุมานะ แสดงออก ดังเช่นกระแสหน้ากากขาว ซึ่งกำลังขยายฐานกระจายไปทั่วแผ่นดิน
ตราบใดที่ยังมีความเชื่อมั่นว่าพลังแห่งธรรมะ ย่อมชนะอธรรม นั่นคือไฟในจิตใจซึ่งจะไม่มีวันมอด แม้จะต้องเจอภัยคุกคาม การปราบปรามโดยอำนาจรัฐเถื่อนแค่ไหน! ข้อพิสูจน์คือ ไม่มีเผด็จการรูปแบบไหนที่อยู่ได้จีรังยั่งยืน ถ้ายังมีคนดีอยู่ในแผ่นดินนี้
“เอกยุทธ อัญชันบุตร” ได้เสียชีวิตโดยคำบงการของอำนาจมืด นักการเมืองเถื่อน โจรในเครื่องแบบ เขาเป็นผู้รู้วันเกิด และรู้วันตาย เพราะความประมาทและวางใจ ลืมไปว่า “ช้างสาร งูเห่า ข้าเก่า เมียรัก” อย่าได้วางใจ! และ “รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ!”
“เอกยุทธ” สู้ชาตินี้ไม่ชนะ ขอให้ดวงวิญญาณไปรอในภพหน้า เพื่อนร่วมแผ่นดินจะสู้กับอำนาจอธรรมเถื่อนต่อไป ขบวนการทุรชน นักการเมืองอำมหิต ไม่อยู่ค้ำฟ้าแน่!