xs
xsm
sm
md
lg

ใคร! บงการเบื้องหลังอุ้มฆ่าโหด “เอกยุทธ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สะเก็ดไฟ

คดีการหายตัวไปอย่างลึกลับของ “เอกยุทธ อัญชันบุตร” นักธุรกิจชื่อดังเจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาแถลงไขคลี่คลายคดี ทว่ากลับทำให้มี “เงื่อนงำข้อสงสัย” มากขึ้น

เรื่องที่ดูซับซ้อนอยู่เดิมกลับซ่อนเงื่อนไปอีกชั้น ไม่แน่ใจว่าตำรวจต้องการคลี่คลายคดี หรือต้องการเบี่ยงเบนความจริงที่ปิดซ่อนอยู่ เพื่อรีบเร่งปิดคดีหรือไม่!!

การหายตัวไปของ “เอกยุทธ” ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. พร้อมกับ “สันติภาพ เพ็งด้วง” คนขับรถ และเงินสดอีก 5 ล้านบาท ยังเป็นเงื่อนปมที่น่าสงสัยว่ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงอย่างไร หลังสามารถควบคุมตัวนายสันติภาพมาสอบปากคำได้แล้ว

ตำรวจก็มีท่าทีแปลกๆ

พ.ต.ท.สำรวย แสนสม พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ระบุว่า ตำรวจสามารถจับกุมตัว นายสันติภาพ เพ็งด้วง คนขับรถของนายเอกยุทธได้ที่ อ.แม่กลอง จ.สมุทรสงคราม เบื้องต้นนายสันติภาพยังให้การปฎิเสธว่าไม่ได้ทำการลักพาตัวนายเอกยุทธไป แต่เป็นการวางแผนที่จะหายตัวไปของนายเอกยุทธเอง พร้อมบอกว่านายเอกยุทธได้สั่งให้ขับรถไปตามจุดต่างๆ และสั่งให้แยกทางกันที่ จ.เพชรบุรี เพื่อที่นายเอกยุทธจะเดินทางต่อไปยังประเทศพม่า

ส่วนเงินสดจำนวน 5 ล้านบาท นายเอกยุทธก็นำติดตัวไปด้วย วันใดที่กลับเข้าประเทศไทยก็ค่อยให้ตนกลับมาทำงานขับรถให้ตามเดิม

กลายเป็นเรื่องของการ “อุ้มตัวเอง” แถลงข่าวเหมือนเขียน “บทละคร” ตบตากันหรือไม่ ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างน่าสงสัย อยู่ดีๆ

“เอกยุทธ” ซึ่งรู้ตัวเองดีว่ามีโจทก์เยอะ ศัตรูมาก จะเดินทางไปไหนมาไหนหลายๆ จุด ให้เสี่ยงอันตรายแบบนั้นทำไม ปกติยุทธภูมิที่มั่นของ “เอกยุทธ” ก็อยู่ในเมืองหลวงกรุงเทพฯ ตามร้านอาหาร โรงแรมหรูต่างๆ ย่านชุมชนหนาแน่น ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยเพราะถ้าใครคิดจะทำอะไรก็ทำได้ยาก

“เอกยุทธ” รู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นหนึ่งในผู้ถูกไล่ล่า จะไปพาตัวเองอยู่ในที่อันตราย ทำตัวให้เป็นเหยื่อทำไม อีกทั้งที่บอกว่าเส้นทางไปพม่า ล้วนทุรกันดาร ผิดวิสัยของความเป็น “เอกยุทธ” อย่างยิ่ง

ข้อเท็จจริงที่เปิดเผยออกมาโดยอ้างว่าเป็นปากคำของสันติภาพ อาจเป็นความเท็จอยู่หลายส่วน แต่มีข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อว่า คนขับรถผู้นี้ เป็นผู้ลงมือ “อุ้มฆ่า” เอง หรือเป็นหนึ่งในทีมสังหาร และทีมสังหารมีใครเป็นจอมบงการ?

ก่อนหน้านี้ก็มีการเปิดข้อมูลว่า สันติภาพคนขับรถ เคยมีประวัติด้านมืด ทั้งวิ่งราวทรัพย์ กรรโชกทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย และมีการให้น้ำหนักไปที่ตัวนายสันติภาพว่าเป็นผู้ลงมือเอง แต่งานใหญ่ฆ่าดังเมื่อเดินแผนแล้วมันต้องไม่พลาด ฉะนั้นเชื่อว่า ต้งมีคนสั่งการกำกับการทำงานอีกชั้นหนึ่ง

หากพลิกปูมประวัติก็พบว่านายสันติภาพเข้ามาทำงานกับ “เอกยุทธ” ได้เพียงแค่ 8 เดือน ไต่ระดับความใกล้ชิดจนมาเป็นคนขับรถ โดยอาจมีเป้าหมายบางอย่างมาตั้งแต่แรกเริ่ม!!

เหมือนกับสมัยที่เจ้าพ่อเมืองหลวง “เหลา สวนมะลิ” (แคล้ว ธนิกุล) ส่งลูกน้องเข้าไปแทรกซึมทำงานกับ “เต็งโก้” เจ้าพ่อในวงการมาเฟียที่ตีคู่ขนานความยิ่งใหญ่มาพร้อมกัน หลังเกิดกรณีลอบสังหาร “เฮียเหลา” อุกอาจสองครั้งสองครา จนปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือ “เต็งโก้” จึงปฏิบัติการหนอนบ่อนไส้ ส่งมือปืนไปเป็นคนรับใช้ ฝังตัวอยู่เป็นปี เมื่อสบโอกาสก็สังหารจนดับดิ้น

“สันติภาพ” อาจเป็นเครื่องมือของใครบางคน มือที่มองไม่เห็นบงการอย่างเงียบๆ แต่แฝงด้วยความอำมหิตคิดปลิดชีพเรื่อยมา เรื่องของการเมืองน่าจะเป็นประเด็นสำคัญ “เอกยุทธ” เป็นหอกข้างแคร่ คอยพูดจาเหน็บแนมรัฐบาลอย่างเจ็บแสบเรื่อยมา

โดยเฉพาะเรื่องที่ฟาดฟันไปถึงตัว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ย้อนไปดูกรณี ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ อันลือลั่น นั่นก็เป็นเวลาปีเศษมาแล้ว ห้วงเวลาคาบเกี่ยวใกล้เคียงกับการแทรกซึมสังหาร

“เอกยุทธ” เปิดหน้าชก อัดรัฐบาลแบบไม่ลดละ รุนแรงหยาบคายขึ้นทุกวัน ซัดเปรี้ยงเย้ยหยาม “ยิ่งลักษณ์” ไปมัลดีฟส์ น้ำแตก น้ำกระฉอก สุมดีกรีความคั่งแค้น ขณะที่เว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ก็ตามถล่มระบอบทักษิณแบบไม่มีพักหายใจหายคอ!!

เรื่อง “อุ้มฆ่า” ปริศนานี้ อาจลงเอยจบลงแบบคาใจคนดู สรุปคดีว่าเป็นมูลเหตุจูงใจต่อทรัพย์ หรือความโกรธแค้นส่วนตัว จบแบบที่รับฟังไม่ค่อยได้ ฟังแล้วนึกอยู่ในภวังค์ทันทีว่ามันไม่น่าจะใช่อย่างนั้น อาจเป็นเพียงการสารภาพตัดตอน!!

ปฏิบัติการแทรกซึมสังหาร แต่ถูกปิดคดีไปอย่างรวดเร็ว อาจแลกกับเงินจำนวนหนึ่ง “สันติภาพ” ติดคุกไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง อาจจะ 4-5 ปี แล้วค่อยออกมาใช้เงินอย่างสุขสบาย 5 ล้าน 10 ล้าน ระหว่างที่ติดคุกก็ได้รับการช่วยเหลือดูแลอย่างดี ครอบครัวก็สุขสบาย ชีวิตนี้ทั้งชีวิตไม่รู้จะหาเงินได้มากขนาดนี้หรือเปล่า เป็นพียงบอร์ดี้การ์ดชั้นเลว รายได้มันจะพอยาไส้อะไร

คดีนี้ตามหลักการทั่วไปตำรวจต้องทำการสอบสวน สาวลงให้ลึก ไม่ยากเลยหากจะตรวจสอบว่า “สันติภาพ” เป็นเด็กใคร เคยทำงานอยู่ตรงไหนกับใคร แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทำ เร่งรีบสรุปปิดคดีให้จบๆ ไป

อาจส่งผลให้ถูกตั้งข้อครหานินทาว่าอำนาจตำรวจคุกคามฝ่ายตรงข้าม เหมือนยุค “รัฐตำรวจ” ของรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ที่มี “พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์” เป็นมือขวา เกิดเหตุการณ์ อุ้มฆ่า เตียง ศิริขันธ์ ส.ส.ปากกล้าชาวอีสาน ที่ได้รับสมญา “ขุนพลแห่งภูพาน” พร้อมคนขับรถ และสังหาร 4 อดีตรัฐมนตรี ในเวลาต่อมา สร้างความหวาดกลัวให้ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล จนประชาชนต้องหนีเข้าป่าตั้งพรรคคอมมิวนิสต์มาต่อสู้กับรัฐบาล

น่าสนใจเหลือเกินว่า หลังจากนี้รูปคดีจะถูกบิดพลิ้วเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เพราะไม่ทันไรก็เหมือนจะได้ข้อสรุปกันเบื้องต้นแบบฟันธงไปแล้ว “เหลิม บางบอน” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ออกมาแบไต๋ชัดเจนว่า คดีนี้เป็นฝีมืออุ้มฆ่าของคนขับรถเพื่อชิงทรัพย์ 5 ล้าน จบคดีกันแบบกำปั้นทุบดิน ท่ามกลางข้อกังขาของคนในสังคม และญาติของ “เอกยุทธ”

นับเป็นเรื่องน่าตกใจ และสะเทือนขวัญเป็นอย่างยิ่ง รูปแบบการฆาตกรรมไล่เรียงจากเหตุการณ์แล้วไม่ธรรมดา มีการเตรียมการวางแผนมาเป็นอย่างดี เช่น การทำลายหลักฐานกล้องวงจรปิด จนใครหลายคน แม้แต่ทนายความของ “เอกยุทธ” ยังเชื่อมั่นว่า คดีนี้ต้องมีมืออาชีพมาเอี่ยว และอาจเป็นพวกสีกากี

เรื่องนี้คงต้องมีการเตรียมแผนไว้เนิ่นนานแล้วพอสมควร เพราะหากทำกันแบบฉุกละหุก ต้องทิ้งหลักฐานร่องรอยไว้มากกว่านี้ และหากมีเรื่องการเมืองมาเอี่ยวจริง ตำรวจที่วันนี้เปรียบเสมือนมือไม้ คงจะเป็นส่วนสำคัญในการเบี่ยงเบน กลบเกลื่อนหลักฐาน และตีธงนำคดีให้สรุปโดยเร็วตามแนวทางที่ขีดเส้นไว้

โอ้อนิจจา “เอกยุทธ” ต้องสิ้นชื่ออย่างสะเทือนขวัญด้วยอำนาจเถื่อน กฎเกณฑ์ของอันธพาล ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอำนาจรัฐอย่างนั้นหรือ!!

เสือกระดาษ
กำลังโหลดความคิดเห็น