ดีเอสไอตรวจค้น7 จุด ในพื้นที่ กทม.-พุทธมณฑล อายัดรถหรูยี่ห้อดัง 126 คัน ไว้ตรวจสอบว่าเป็นรถเลี่ยงภาษีหรือไม่ พบเต้นท์ย่านเอกชัย-บางบอนมากสุดมี 32 คัน รองลงมาเป็นเต้นท์ย่านกาญจนาภิเษก 30 คัน เร่งประชุมและสรุปตัวเลขอีกครั้งวันนี้
เช้าวานนี้ (9 มิ.ย.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ มอบหมายให้ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษ ดีเอสไอ นำกำลังประมาณ 50 นาย พร้อมหมายศาลอาญาเข้าตรวจค้นเป้าหมายผู้ประกอบการที่ต้องสงสัยว่ามีรถหรูที่จดทะเบียนเป็นรถจดประกอบจอดอยู่ เพื่ออายัดไว้ตรวจสอบว่าเป็นรถนำเข้าชิ้นส่วนแล้วมาประกอบในประเทศ หรือนำเข้ามาทั้งคันแล้วสวมรอยเป็นรถจดประกอบเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี
จุดแรก พ.ต.ท.วิจิตร์ ชาติกิจเจริญ รอง ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ นำหมายค้นศาลอาญาที่ 216/2556 เข้าตรวจค้นโรงประกอบรถของนายพันธุ์ วศิน วิไลแก้ว เลขที่ 23/25 ซอยลาดพร้าว- วังหิน 85 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม.หลังดีเอสไอการสอบพบว่า เป็นผู้ยื่นขอจดทะเบียนรถจดประกอบ จำนวน 76 คัน ปรากฎว่าไม่มีโรงงานประกอบรถยนต์จริง มีเพียงสภาพเป็นอู่ซ่อมทำสีรถยนต์ชื่อบริษัทออโต้อาร์ต์ เซอร์วิส จำกัด โดยพนักงานในอู่ได้แจ้งดีเอสไอว่า ทางบริษัทได้มาเช่าพื้นที่ทำอู่ซ่อมรถยนต์ของบริษัทประกันภัยไม่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนรถจดประกอบแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบรถยนต์ภายในอู่ที่มีกว่า 20 คัน ส่วนใหญ่เป็นรถญี่ปุ่นที่ประสบอุบัติเหตุรอซ่อมแซม พร้อมตรวจสอบซากรถบีเอ็มดับเบิ้ลยู ซีรีส์ 7 ดีเอสไอจะประสานกรมสรรพสามิตตรวจสอบต่อไป
จุดที่ 2 พ.ต.ท.เสฏฐ์สถิต สุวรรณกูด ผอ.ส่วนปฏิบัติการสอบสวนคดีพิเศษ สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ นำหมายค้นศาลอาญาธนบุรีที่ 182/2556 ตรวจสอบเต๊นท์รถเอกชัย บางบอน เลขที่ 902 แขวงและเขตบางบอน กทม.นายณรงค์ เหล็กมี อายุ 51 ปี พบว่ารถยนต์ที่อยู่ในเต็นท์มีลักษณะเป็นรถยนต์จดประกอบมีการอำพรางโดยการติดแก๊ส เพื่อขอจดทะเบียนกับการขนส่งทางบก ทั้งมินิคูเปอร์ นิสสัน สกายไลน์ นิสสัน คิวบ์ นิสสัน แฟร์เลดี้แซด นิสสัน ฟิกาโร เบนซ์ บีเอ็ม เจ้าหน้าที่ได้ตรวจเลขเครื่องยนต์ทุกคัน ก่อนอายัดรถไว้ 32 คัน โดยนำรถเบนซ์ รถนิสสัน คิวบ์ และรถโฟล์ค 3 คัน ไปตรวจสอบที่ดีเอสไอ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษเชื่อว่าพฤติการณ์ มีลักษณะเป็นการจดประกอบรถยนต์โดยเลี่ยงกฎหมาย ส่วนนายณรงค์ ยืนยันว่านำอะไหล่มาประกอบถูกต้อง
จุดที่ 3 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ระดับ 9 ดีเอสไอ นำหมายค้นศาลจังหวัดนครปฐม เลขที่ 363/2556 เข้าตรวจสอบบริษัทเจดีพี ไฟเบอร์กลาส์ จำกัด เลขที่ 50/2 หมู่ 1 ถนนพุทธมณฑลสาย 4 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม หลังสอบสวนพบเป็นผู้ยื่นขอจดทะเบียนรถจดประกอบ จำนวน 58 คัน พบว่าเป็นโรงงานประกอบรถยนต์ลักษณะรถยนต์จดประกอบมีการอำพรางโดยการติดแก๊ส เพื่อขอจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก พนักงานสอบสวนคดีพิเศษเชื่อว่าพฤติการณ์มีลักษณะเป็นการจดประกอบรถยนต์โดยหลีกเลี่ยงกฎหมาย จึงได้อายัดรถยนต์ 14 คัน ไว้ตรวจสอบ เช่น เบนซ์, บีเอ็มดับเบิ้ลยู, มาสด้า , ซูซูกิ ,นิสสันโดยขนกลับไปตรวจสอบที่ ดีเอสไอ 1 คัน เพราะไม่มีเอกสารการนำเข้ามาแสดงรวมทั้งไม่ปรากฎชื่อผู้ครอบครอง
จากนั้นได้ขยายผลไปที่เต็นท์รถยนต์ของโรงประกอบรถยนต์ ชื่อ เต็นท์ เบทเทอร์ คาร์ ถนนกาญจนาภิเษก แขวงบางแคเหนือ กรุงเทพมหานคร และได้ทำการอายัดรถยนต์เพิ่มเติม จำนวน 30 คัน และยึดรถยนต์ 4 คัน เช่น มินิคูเปอร์,โตโยต้า ซูปร้า, นิสสันคิวบ์ , โฟล์คสวาเก้น
จุดที่ 4 พ.ต.ต.กล้าหาญ คล่องพยาบาล พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดธัญบุรีที่ 655/2556 เข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัย บ้านเลขที่ 68/31 ถนนพระองค์เจ้าสาย ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี และร้อยตำรวจเอกปิยะ รักสกุล พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ ได้นำหมายค้นของศาลนนทบุรีที่ 1370/2556 เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 9 ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ได้นำรถยนต์ ลัมโบกินี่ จำนวน 2 คัน ราคาคันละ 17-18 ล้านบาท และรถยนต์ Porsche จำนวน 1 คัน ราคา 6-7 ล้านบาท ไปตรวจสอบที่ดีเอสไอ หลังได้รับจากเบาะแสจากผู้ที่สัญจรผ่านหน้าบ้านหลังดังกล่าวแล้วเห็นรถซุปเปอร์คาร์จอดอยู่ โดยเบื้องต้นมีนักธุรกิจโรงหลอมเล็กแสดงตัวว่าเป็นรถขิงตัวเองโดยซื้อมาถูกต้องจากตัวแทนย่านวิภาวีฯ
จุดที่ 5 พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ พนักงานสอบสวนคดพิเศษ ดีเอสไอ ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดปราจีนบุรี เข้าตรวจสอบโรงงานจดประกอบรถยนต์และมีสภาพเป็นเต็นท์รถยนต์ เลขที่ 125 ตำบลบางกระเบา อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี ผลการตรวจสอบได้อายัดรถยนต์ทั้งหมด 37 คัน
จุดที่ 6 ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร ผู้อำนวยการส่วนประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ดีเอสไอ พร้อมคณะ รับมอบรถยนต์ต้องสงสัยจากสถานีตำรวจนครบาลจักรวรรดิ ยี่ห้อ เฟอร์รารี่ สีแดง จำนวน 1 คัน จุดที่ 7 นายมเหศักดิ์ พันสง่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สำนักคดีภาษีอากร ดีเอสไอ นำหมายค้นศาลอาญาที่ ค.96/2556 เข้าค้นอาคารรอยัลเพรส 2 ซอยมหาดเล็กหลวง 2 ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน อายัดรถหรู 6 คัน ไว้ตรวจสอบ ทั้งนิสสัน สกายไลน์ เบนลีย์ ลัมโบร์กินี เล็กซัส 2 คัน เบนซ์ โดยพบว่ามีการขับรถหรูอีก 5 คัน หลบหนีออกไปด้วย
ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น.วันเดียวกัน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษ ดีเอสไอ ร่วมแถลงข่าวผลการเข้าตรวจค้นเป้าหมายแหล่งพักรถหรูจดประกอบหลีกเลี่ยงภาษี นายธาริต กล่าวว่า จากผลการตรวจค้น 7 จุด ตนได้รับรายงานว่าดีเอสไอได้มีการอายัดรถยนต์จดทะเบียนเป็นรถจดประกอบที่ต้องสงสัยว่าอาจจะนำเข้ามาทั้งคันโดยหลีกเลี่ยงภาษีรวม 126 คัน โดยบางส่วนก็ได้ขนย้ายมาตรวจสอบที่ดีเอสไอเพื่อให้เป็นตัวอย่าง ส่วนรถที่เหลือก็อายัดไว้ในที่เกิดเหตุห้ามเคลื่อนย้ายหรือเปิดรถโดยมีการซีลรถไว้ หากเคลื่อนย้ายจะมีความผิด โดยดีเอสไอจะใช้รถที่อายัดไว้เป็นเบาะแสในการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดโดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่ลักลอบนำเข้ารถหนีภาษี หลังจากนี้จะมีการตรวจค้นเป้าหมายกลุ่มนำเข้ารถหนีภาษีอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของผู้ครอบครองรถหรู ล่าสุดตนได้รับการติดต่อจากคนใกล้ชิดเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ , อธิบดีกรมชลประทาน และ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม รวมทั้งประชาชนอีกจำนวนมาก หลังมีรถจดประกอบอยู่ในความครอบครอง เพื่อขอแสดงความบริสุทธิ์ใจในการครอบครองรถ ตนอยากให้ทุกคนอย่าตื่นตระหนก เพราะดีเอสไอ ทราบดีว่าส่วนใหญ่ผู้ซื้อรถจดประกอบจะไม่ทราบว่า เป็นรถนำเข้าทั้งคันเพราะมีการนำรถไปจดทะเบียนที่ต่างจังหวัด ก่อนขอเปลี่ยนทะเบียนใหม่ที่สำนักงานขนส่ง กทม. เล่มทะเบียนรถจึงถูกล้างไม่มีประวัติว่าเป็นรถจดประกอบก่อนถูกนำมาขาย ส่วนนี้ดีเอสไอเข้าใจดี ซึ่งคนซื้อรถต่อมาก็สามารถระงับคดีอาญาได้ ส่วนรถยนต์ หากลักลอบนำเข้าทั้งคันก็ถือว่าผิดกฎหมายอยู่ดี จึงต้องยกให้เป็นของแผ่นดินนำไปขายทอดตลาดนำเงินภาษีคืนรัฐต่อไป
ทั้งนี้ ยอดรถที่ยึดอายัดได้มีการเพิ่มขึ้นตลอดเวลา โดยในนี้ (10 มิ.ย.) จะมีการสรุปตัวเลขที่ชัดเจนอีกครั้ง.
เช้าวานนี้ (9 มิ.ย.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ มอบหมายให้ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษ ดีเอสไอ นำกำลังประมาณ 50 นาย พร้อมหมายศาลอาญาเข้าตรวจค้นเป้าหมายผู้ประกอบการที่ต้องสงสัยว่ามีรถหรูที่จดทะเบียนเป็นรถจดประกอบจอดอยู่ เพื่ออายัดไว้ตรวจสอบว่าเป็นรถนำเข้าชิ้นส่วนแล้วมาประกอบในประเทศ หรือนำเข้ามาทั้งคันแล้วสวมรอยเป็นรถจดประกอบเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี
จุดแรก พ.ต.ท.วิจิตร์ ชาติกิจเจริญ รอง ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ นำหมายค้นศาลอาญาที่ 216/2556 เข้าตรวจค้นโรงประกอบรถของนายพันธุ์ วศิน วิไลแก้ว เลขที่ 23/25 ซอยลาดพร้าว- วังหิน 85 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม.หลังดีเอสไอการสอบพบว่า เป็นผู้ยื่นขอจดทะเบียนรถจดประกอบ จำนวน 76 คัน ปรากฎว่าไม่มีโรงงานประกอบรถยนต์จริง มีเพียงสภาพเป็นอู่ซ่อมทำสีรถยนต์ชื่อบริษัทออโต้อาร์ต์ เซอร์วิส จำกัด โดยพนักงานในอู่ได้แจ้งดีเอสไอว่า ทางบริษัทได้มาเช่าพื้นที่ทำอู่ซ่อมรถยนต์ของบริษัทประกันภัยไม่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนรถจดประกอบแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบรถยนต์ภายในอู่ที่มีกว่า 20 คัน ส่วนใหญ่เป็นรถญี่ปุ่นที่ประสบอุบัติเหตุรอซ่อมแซม พร้อมตรวจสอบซากรถบีเอ็มดับเบิ้ลยู ซีรีส์ 7 ดีเอสไอจะประสานกรมสรรพสามิตตรวจสอบต่อไป
จุดที่ 2 พ.ต.ท.เสฏฐ์สถิต สุวรรณกูด ผอ.ส่วนปฏิบัติการสอบสวนคดีพิเศษ สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ นำหมายค้นศาลอาญาธนบุรีที่ 182/2556 ตรวจสอบเต๊นท์รถเอกชัย บางบอน เลขที่ 902 แขวงและเขตบางบอน กทม.นายณรงค์ เหล็กมี อายุ 51 ปี พบว่ารถยนต์ที่อยู่ในเต็นท์มีลักษณะเป็นรถยนต์จดประกอบมีการอำพรางโดยการติดแก๊ส เพื่อขอจดทะเบียนกับการขนส่งทางบก ทั้งมินิคูเปอร์ นิสสัน สกายไลน์ นิสสัน คิวบ์ นิสสัน แฟร์เลดี้แซด นิสสัน ฟิกาโร เบนซ์ บีเอ็ม เจ้าหน้าที่ได้ตรวจเลขเครื่องยนต์ทุกคัน ก่อนอายัดรถไว้ 32 คัน โดยนำรถเบนซ์ รถนิสสัน คิวบ์ และรถโฟล์ค 3 คัน ไปตรวจสอบที่ดีเอสไอ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษเชื่อว่าพฤติการณ์ มีลักษณะเป็นการจดประกอบรถยนต์โดยเลี่ยงกฎหมาย ส่วนนายณรงค์ ยืนยันว่านำอะไหล่มาประกอบถูกต้อง
จุดที่ 3 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ระดับ 9 ดีเอสไอ นำหมายค้นศาลจังหวัดนครปฐม เลขที่ 363/2556 เข้าตรวจสอบบริษัทเจดีพี ไฟเบอร์กลาส์ จำกัด เลขที่ 50/2 หมู่ 1 ถนนพุทธมณฑลสาย 4 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม หลังสอบสวนพบเป็นผู้ยื่นขอจดทะเบียนรถจดประกอบ จำนวน 58 คัน พบว่าเป็นโรงงานประกอบรถยนต์ลักษณะรถยนต์จดประกอบมีการอำพรางโดยการติดแก๊ส เพื่อขอจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก พนักงานสอบสวนคดีพิเศษเชื่อว่าพฤติการณ์มีลักษณะเป็นการจดประกอบรถยนต์โดยหลีกเลี่ยงกฎหมาย จึงได้อายัดรถยนต์ 14 คัน ไว้ตรวจสอบ เช่น เบนซ์, บีเอ็มดับเบิ้ลยู, มาสด้า , ซูซูกิ ,นิสสันโดยขนกลับไปตรวจสอบที่ ดีเอสไอ 1 คัน เพราะไม่มีเอกสารการนำเข้ามาแสดงรวมทั้งไม่ปรากฎชื่อผู้ครอบครอง
จากนั้นได้ขยายผลไปที่เต็นท์รถยนต์ของโรงประกอบรถยนต์ ชื่อ เต็นท์ เบทเทอร์ คาร์ ถนนกาญจนาภิเษก แขวงบางแคเหนือ กรุงเทพมหานคร และได้ทำการอายัดรถยนต์เพิ่มเติม จำนวน 30 คัน และยึดรถยนต์ 4 คัน เช่น มินิคูเปอร์,โตโยต้า ซูปร้า, นิสสันคิวบ์ , โฟล์คสวาเก้น
จุดที่ 4 พ.ต.ต.กล้าหาญ คล่องพยาบาล พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดธัญบุรีที่ 655/2556 เข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัย บ้านเลขที่ 68/31 ถนนพระองค์เจ้าสาย ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี และร้อยตำรวจเอกปิยะ รักสกุล พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ ได้นำหมายค้นของศาลนนทบุรีที่ 1370/2556 เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 9 ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ได้นำรถยนต์ ลัมโบกินี่ จำนวน 2 คัน ราคาคันละ 17-18 ล้านบาท และรถยนต์ Porsche จำนวน 1 คัน ราคา 6-7 ล้านบาท ไปตรวจสอบที่ดีเอสไอ หลังได้รับจากเบาะแสจากผู้ที่สัญจรผ่านหน้าบ้านหลังดังกล่าวแล้วเห็นรถซุปเปอร์คาร์จอดอยู่ โดยเบื้องต้นมีนักธุรกิจโรงหลอมเล็กแสดงตัวว่าเป็นรถขิงตัวเองโดยซื้อมาถูกต้องจากตัวแทนย่านวิภาวีฯ
จุดที่ 5 พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ พนักงานสอบสวนคดพิเศษ ดีเอสไอ ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดปราจีนบุรี เข้าตรวจสอบโรงงานจดประกอบรถยนต์และมีสภาพเป็นเต็นท์รถยนต์ เลขที่ 125 ตำบลบางกระเบา อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี ผลการตรวจสอบได้อายัดรถยนต์ทั้งหมด 37 คัน
จุดที่ 6 ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร ผู้อำนวยการส่วนประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ดีเอสไอ พร้อมคณะ รับมอบรถยนต์ต้องสงสัยจากสถานีตำรวจนครบาลจักรวรรดิ ยี่ห้อ เฟอร์รารี่ สีแดง จำนวน 1 คัน จุดที่ 7 นายมเหศักดิ์ พันสง่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สำนักคดีภาษีอากร ดีเอสไอ นำหมายค้นศาลอาญาที่ ค.96/2556 เข้าค้นอาคารรอยัลเพรส 2 ซอยมหาดเล็กหลวง 2 ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน อายัดรถหรู 6 คัน ไว้ตรวจสอบ ทั้งนิสสัน สกายไลน์ เบนลีย์ ลัมโบร์กินี เล็กซัส 2 คัน เบนซ์ โดยพบว่ามีการขับรถหรูอีก 5 คัน หลบหนีออกไปด้วย
ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น.วันเดียวกัน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษ ดีเอสไอ ร่วมแถลงข่าวผลการเข้าตรวจค้นเป้าหมายแหล่งพักรถหรูจดประกอบหลีกเลี่ยงภาษี นายธาริต กล่าวว่า จากผลการตรวจค้น 7 จุด ตนได้รับรายงานว่าดีเอสไอได้มีการอายัดรถยนต์จดทะเบียนเป็นรถจดประกอบที่ต้องสงสัยว่าอาจจะนำเข้ามาทั้งคันโดยหลีกเลี่ยงภาษีรวม 126 คัน โดยบางส่วนก็ได้ขนย้ายมาตรวจสอบที่ดีเอสไอเพื่อให้เป็นตัวอย่าง ส่วนรถที่เหลือก็อายัดไว้ในที่เกิดเหตุห้ามเคลื่อนย้ายหรือเปิดรถโดยมีการซีลรถไว้ หากเคลื่อนย้ายจะมีความผิด โดยดีเอสไอจะใช้รถที่อายัดไว้เป็นเบาะแสในการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดโดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่ลักลอบนำเข้ารถหนีภาษี หลังจากนี้จะมีการตรวจค้นเป้าหมายกลุ่มนำเข้ารถหนีภาษีอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของผู้ครอบครองรถหรู ล่าสุดตนได้รับการติดต่อจากคนใกล้ชิดเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ , อธิบดีกรมชลประทาน และ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม รวมทั้งประชาชนอีกจำนวนมาก หลังมีรถจดประกอบอยู่ในความครอบครอง เพื่อขอแสดงความบริสุทธิ์ใจในการครอบครองรถ ตนอยากให้ทุกคนอย่าตื่นตระหนก เพราะดีเอสไอ ทราบดีว่าส่วนใหญ่ผู้ซื้อรถจดประกอบจะไม่ทราบว่า เป็นรถนำเข้าทั้งคันเพราะมีการนำรถไปจดทะเบียนที่ต่างจังหวัด ก่อนขอเปลี่ยนทะเบียนใหม่ที่สำนักงานขนส่ง กทม. เล่มทะเบียนรถจึงถูกล้างไม่มีประวัติว่าเป็นรถจดประกอบก่อนถูกนำมาขาย ส่วนนี้ดีเอสไอเข้าใจดี ซึ่งคนซื้อรถต่อมาก็สามารถระงับคดีอาญาได้ ส่วนรถยนต์ หากลักลอบนำเข้าทั้งคันก็ถือว่าผิดกฎหมายอยู่ดี จึงต้องยกให้เป็นของแผ่นดินนำไปขายทอดตลาดนำเงินภาษีคืนรัฐต่อไป
ทั้งนี้ ยอดรถที่ยึดอายัดได้มีการเพิ่มขึ้นตลอดเวลา โดยในนี้ (10 มิ.ย.) จะมีการสรุปตัวเลขที่ชัดเจนอีกครั้ง.